Chapter 104 : เปลี่ยนราชันย์แดนลับให้กลายเป็นร่างอวตาร
รอบๆราชันย์แดนลับนั้นมีอสูรที่มีเลเวลแตกต่างกันออกไปอยู่นับร้อยตัว
ในเวลานี้พวกมันทั้งหมดกำลังหลับพักผ่อนหรือไม่ก็เล่นกันอย่างเกียจคร้าน
พื้นที่ฐานสถานีไร้ภัยที่ฉู่เผิงเฉิงและพวกได้ทำการเคลียร์ได้แล้วเห็นได้ชัดเลยว่าในปัจจุบันถูกยึดครองไปเป็นที่เรียบร้อยและยังค่อนข้างอลหม่านมากทีเดียวเนื่องจากอสูรเหล่านี้
ธงที่ปักเอาไว้เป็นสัญลักษณ์เองก็ถูกพวกอสูรฉีกกระฉากจนกลายเป็นชิ้นๆเหลือไว้เพียงเสาเปล่าๆ
ราวกับว่าพวกมันได้กลิ่นคนแปลกหน้า อสูรที่หลับใหลกันอยู่รอบนอกจู่ๆก็พลันลุกพรวดและมองมาที่หลินเซวียน
“แผนการแอบอู้ดูเหมือนจะเป็นหมันแล้วสิ สุดท้ายแล้วดูเหมือนจะต้องสู้สินะ”
“ยังไงก็ตามราชันย์แดนลับนั้นเลเวล9ขอบเขตที่7ส่วนฉันเป็นแค่เลเวล1เท่านั้น การจะสู้กับมันน่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย”
หลินเซวียนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เขาหยิบอุปกรณ์สวมใส่ของตัวเองออกมาโดยกระชับโล่นักล่ามังกรเอาไว้ในมือซ้ายและค้อนโล่ราชันย์มังกรดินเอาไว้ในมือขวา
พริบตานั้นเองเขาพลันสังเกตพบว่ามีร่างอวตารร่างหนึ่งของเขาอยู่ใกล้ๆ
หลินเซวียนกระพริบตา
หลังจากการเลื่อนขั้นของภูเขาอัสนีร่วง ร่างอวตารของเขาก็ได้พยายามดูดซับสายฟ้าอย่างเต็มที่ เลเวลของพวกมันจึงทะยานจากเลเวล1ขอบเขตที่7ไปไกลริบ
ในตอนนี้ตัวที่เลเวลน้อยที่สุดคือเลเวล7ขอบเขตที่7และตัวที่มีเลเวลสูงที่สุดคือเลเวล9ขอบเขตที่7
บังเอิญเหลือเกินที่หนึ่งในร่างอวตารที่มีเลเวลสูงที่สุดอยู่ใกล้ๆบริเวณนี้พอดี
“การสู้กับราชันย์แดนลับสำหรับเราตอนนี้อาจจะยากไปซักหน่อยแต่ถ้าปล่อยให้ร่างอวตารสู้ก็อีกเรื่อง!”
หลินเซวียนทำการควบคุมร่างอวตารให้ตรงมาทางนี้
ราชันย์แดนลับที่หลับใหลอยู่ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอสูรในระดับเดียวกัน มันพลันผุดลุกขึ้นยืนอย่างไม่สบายใจและคำรามลั่นไปยังทิศทางหนึ่งเพื่อเป็นการขมขู่
ครึ่งนาทีต่อมาสิงโตขนาดใหญ่ซึ่งมีส่วนสูงราว7เมตรเช่นกันก็กระโดดเข้ามาในครรลองสายตาของหลินเซวียน
สิงโตอัสนี - เลเวล9ขอบเขตที่7!
อสูรตนนี้คือร่างอวตารร่างแรกที่หลินเซวียนสร้างขึ้นมาหลังจากเข้าสู่ภูเขาอัสนีร่วง
ราชันย์แดนลับแสดงท่าทีราวกับว่ากำลังเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจ ราชันย์แดนลับตนนี้คือหมาป่าอัสนีบาต กงเล็บคู่หน้าของมันในเวลานี้กำลังกดลงไปบนพื้นและขุดดินขึ้นมา
เสียงคำรามข่มขู่ในลำคอยังคงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
หากแต่สิงโตอัสนีกลับไม่หวาดเกรงและเดินเข้ามาหามันอย่างสบายๆ
ท่ามกลางอสูรเลเวล9ทั้ง2ตัว อสูรธรรมดาจำนวนไม่น้อยพากันมุดหัวหลบหางจนแทบจะฝังหัวลงบนพื้น พวกมันพยายามก้มหน้าก้มตาเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกมันไม่ใช่ศัตรู
ราวกับว่าพวกมันต้องการให้การต่อสู้นั้นเป็นแค่การต่อสู้ระหว่างสองขาใหญ่เพียงเท่านั้น!
หลินเซวียนและระเบิดเพลิงเองก็ยืนดูอยู่ห่างๆ
ยังไงซะราชันย์แดนลับก็ยังคงเป็นราชันย์แดนลับ มันได้รับสิทธิพิเศษและเพลิดเพลินไปกับค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นถึง15%จากภูเขาอัสนีร่วง
หากเป็นการต่อสู้1-1จริงๆ สิงโตอัสนีย่อมเสียเปรียบอย่างถึงที่สุด
หากแต่นี่ไม่ใช่การต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งแต่เป็นสามต่อหนึ่งโว้ย!
“ไม่สิเรายังมีอีกคนหนึ่งนี่หว่า”
ทันทีที่หลินเซวียนกล่าวจบเขาก็สร้างร่างแยกอีกร่างหนึ่งขึ้นมาและให้มันสวมใส่ชุดเซ็ตพิษร้าย จากนั้นร่างแยกนั้นก็ได้กลายเป็น ‘ดาบพิษ’
ยังไงซะแถวนี้ในตอนนี้ก็มีแค่เขาคนเดียว เขาก็แค่หยุดเสแสร้งและรีบๆจัดการปลิดชีพราชันย์แดนลับตนนี้ทิ้งซะก็พอ!
เมื่อเห็นคนสามคนและหนึ่งอสูรกำลังก้าวเข้ามาหามันทีละก้าวๆ ราชันย์แดนลับก็ผงะถอยอย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุดมันก็อดรนทนไม่ไหวจำต้องคำรามและเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตี
เป้าหมายของมันไม่ใช่โล่วิญญาณ ดาบพิษหรือสิงโตอัสนีหากแต่เป็นระเบิดเพลิง
สวมใส่ชุดคลุมเช่นนี้ทำให้เขาดูเปราะบางยิ่งนัก
ดูเหมือนอีกฝ่ายมันจะคิดว่าเขาเป็นลูกพลับบีบง่ายล่ะมั้ง?
“โชคร้ายหน่อยนะที่พวกเราไม่ใช่ลูกพลับแต่เป็นแผ่นเหล็กกันทุกคนเลย”
หลินเซวียนหัวเราะ
คิดจริงๆหรอว่าระเบิดเพลิงรังแกง่ายแค่เพราะเขาใส่ชุดคลุม?
ขออภัยด้วย ร่างแยกร่างนี้สืบทอดค่าสถานะ100%มาจากร่างหลักซึ่งก็ทำให้มีค่าความอดทนสูงถึง442แต้ม!
ทั้งสี่เข้าโจมตีพร้อมกัน!
โล่! เพลิง! พิษ! บวกกับสายฟ้า!
ในเวลาไม่ถึงสิบนาทีราชันย์แดนลับก็ล้มลงบนพื้นอย่างอ่อนแรงและส่งเสียงคร่ำครวญออกมา
ส่วนอุปกรณ์สวมใส่และหนังสือสกิลนั้นก็มีดรอปลงมาบ้าง โชคไม่ดีที่พวกมันล้วนเป็นเกรดสีขาวทั้งสิ้น เพียงเสี้ยวพริบตาเดียวพวกมันก็ถูกหลินเซวียนโยนใส่โต๊ะหลอมไอเทมจนสิ้น
“หืม..ศพไม่ได้ระเบิดเป็นระอองแสงงั้นหรอ”
หลินเซวียนประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย เขาพบว่าศพของราชันย์แดนลับนั้นยังคงนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นไม่เหมือนกับราชันย์แดนลับในแดนลับระดับต่ำที่จะกลายเป็นจุดแสงและพุ่งเข้าสู่ร่างกายของนักสู้หลังจากที่พวกมันเสียชีวิต
เขาพลันบังเกิดความคิดขึ้นมา
“ถ้างั้นก็หมายความว่าแดนลับขอบเขตที่7ค่อนข้างแตกต่างจากแดนลับขอบเขตก่อนหน้าค่อนข้างมากทีเดียว”
“เมื่อไม่มีถ้ำอยู่ภายในแดนลับขอบเขตที่7ทำให้ราชันย์แดนลับสามารถท่องไปได้รอบๆ เข้ายึดครองภูเขาและผืนป่าได้ ร่างเองก็ไม่หายไปถึงแม้จะตายไปแล้วก็ตาม..น่าสนใจ”
หลินเซวียนพลันนึกขึ้นมาได้ว่าเขายังมีที่ว่างสำหรับร่างอวตารที่ยังไม่ได้ใช้เหลืออยู่
“ทำไมไม่ยึดร่างของราชันย์แดนลับตนนี้ล่ะ? ค่าสถานะของมันเองก็แข็งแกร่งมากทีเดียว”
หลินเซวียนก้าวออกไปและทำการชิงร่างของราชันย์แดนลับตนนี้เพื่อเปลี่ยนมันให้กลายเป็นร่างอวตารฝึกฝนร่างที่8
เมื่อเห็นว่าราชันย์แดนลับลุกขึ้นมาอีกครั้ง อสูรทั้งหมดก็พากันมองด้วยสายตาโง่งม
หลังจากสับสนอยู่ช่วงสั้นๆพวกมันก็พากันแสดงสีหน้าเคารพด้วยความจำยอม
แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พวกมันก็ทำได้เพียงยอมศิโรราบเท่านั้น
ต่อต้านไปก็ไร้ประโยชน์
หลินเซวียนสั่งการราชันย์แดนลับ “บอกให้พวกมันย้ายก้นออกไปให้ไว นอกจากนี้ก็เอาพวกขยะไปให้หมดด้วย”
“พูดก็พูดเถอะทำไมพวกแกถึงกินทั้งเนื้อ กระดูกและขี้พร้อมกันล่ะเนี่ย? นี่มันเกินไปหน่อยล่ะมั้ง...รู้จักไหมสุขลักษณะน่ะ?”
ราชันย์แดนลับคำรามออกมาหลายครา เหล่าอสูรพากันจัดแจงและเคลื่อนย้ายกันออกไปจากฐานสถานีไร้ภัยในทันที
ในเวลาเดียวกันพวกมันก็เอาเศษอาหาร ซากอสูรและอุจาระไปด้วย
ไม่นานนักฐานสถานีไร้ภัยก็ถูกเก็บกวาดจนเกลี้ยงและกลายเป็นพื้นที่ว่างที่ทั้งราบเรียบและกว้างใหญ่
หลินเซวียนก้าวออกไปและจัดการเรียงรูนแห่งการปกปักษ์ลงที่จุดศูนย์กลางของพื้นที่ว่าง
ครืน!
ชั้นพลังงานสีฟ้ากระจายออกไปรอบทิศทางโดยมีรูนแห่งการปกปักษ์เป็นจุดศูนย์กลาง หลังจากกระจายออกไปเป็นชั้นพลังงานป้องกันสีฟ้าอ่อนที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ราว100เมตรมันก็หยุดลง
อสูรที่อ่อนแอต่างพากันรู้สึกหวาดกลัวและล่าถอยไปตามสัญชาตญาณ
ส่วนพวกอสูรที่แข็งแกร่ง พวกมันพากันคำรามข่มขู่ใส่ม่านพลังงานป้องกันสีฟ้าอ่อนและถึงขั้นพยายามโจมตีใส่เลยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าทันทีที่กงเล็บของพวกมันแตะลงบนม่านพลัง พวกมันก็จะถูกพลังงานมหาศาลจากม่านพลังสะท้อนกลับจนกงเล็บแตกหักในพริบตา!
“สมแล้วที่เป็นรูนแห่งการปกปักษ์ ได้ยินมาว่ามันเป็นไอเทมพิเศษที่หาได้จากซากโบราณคุนหลุนเท่านั้นไม่อาจหาได้จากแดนลับอื่นอีก สงสัยจริงๆว่าองค์กรอื่นที่ไม่มีทางเข้าถึงไอเทมพิเศษชิ้นนี้ได้จะจัดการกับแดนลับของพวกเขายังไง อย่าบอกนะว่าในแดนลับของพวกนั้นไม่มีสถานีไร้ภัย?”
หลินเซวียนจ้องมองดูลวดลายบนผิวของรูนแห่งการปกปักษ์และเดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจ
“เอาล่ะภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ได้เวลาเริ่มซักที!”
“ดูจากเวลาแล้วเราควรจะอู้ซักสามชั่วโมงก่อน!”
หลินเซวียนมีเครื่องมือสื่อสารอยู่ แน่นอนว่าเขาสามารถรายงานให้ฉู่เผิงเฉิงและคนอื่นๆทราบได้ทันทีว่าเขาทำการติดตั้งรูนแห่งการปกปักษ์เสร็จสิ้นแล้วและสามารถมุ่งหน้าไปยังยอดเขาหลักเพื่อสนับสนุนได้ตลอดเวลา
แต่นั่นก็เร็วไป
ถ้าเขาลงมือเร็วเกินไปคนอื่นจะสงสัยซะเปล่าๆ
ดังนั้นอู้ซักหน่อยคงดีกว่า
ในเวลาเดียวกัน นักสู้ขอบเขตที่74คนที่แยกกันออกไปทางทิศตะวันตกและทิศเหนือของภูเขาอัสนีร่วงเองต่างก็ได้พบกับราชันย์แดนลับเช่นกัน
ฉู่เผิงเฉิงและคนอื่นๆได้ทำการมาร์คตำแหน่งพื้นที่ของพวกราชันย์แดนลับเอาไว้บนแผนที่แล้วก็จริงแต่พวกเขามองข้ามปัญหาไปหนึ่งอย่าง อสูรภายในภูเขาอัสนีร่วงนั้นมีสัญชาตญาณในการไล่ตามสายฟ้าฟาดเนื่องจากพวกมันจะแข็งแกร่งขึ้นได้จากการดูดซับสายฟ้าเท่านั้น
จึงเป็นธรรมดาที่ราชันย์แดนลับจะนำพวกลูกน้องของมันออกจากอาณาเขตของตนและวนเวียนไปเรื่อยๆ
ราชันย์แดนลับเหล่านี้จึงมาตั้งรกรากอยู่ในป่าและยึดครองสถานีไร้ภัยเอาไว้
ไม่รู้เพราเหตุใดแต่พวกมันดูจะชอบพื้นที่เหล่านี้มากนัก
ในตอนนั้นเพื่อเลือกสถานที่สำหรับตั้งฐาน ฉู่เผิงเฉิงและพวกถึงขั้นนำพลั่วกับอุปกรณ์อื่นๆออกมาจัดการกับพื้นดินบริเวณที่ไม่สม่ำเสมอกันด้วยซ้ำ
พวกเขาคงไม่คิดแน่ว่าสิ่งที่พวกเขาทำจะถูกราชันย์แดนลับพวกนี้ยึดครองในชั่วพริบตา
มีเพียงนักสู้ขอบเขตที่7สองคนที่มุ่งหน้าลงใต้เท่านั้นที่ไปถึงฐานทิศใต้ได้อย่างปลอดภัย
ฐานทิศใต้นั้นไม่มีราชันย์แดนลับอยู่มีเพียงอสูรไม่กี่สิบตัวเท่านั้น
ระดับสูงที่สุดก็เป็นเพียงเลเวล3ขอบเขตที่7เท่านั้น
สติปัญญาของอสูรพวกนี้ค่อนข้างต่ำ พวกเขาทั้งสองคนจึงเริ่มวางแผนในการจัดการกับพวกมัน
พวกเขาทำการล่ออสูรออกมาทีละน้อยและพาพวกมันออกไปห่างๆก่อนจะร่วมมือกันสังหารพวกมัน
แน่นอนว่าการทำเช่นนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน
หลังจากผ่านไปกว่าชั่วโมงก็มีเพียงโล่วิญญาณกับระเบิดเพลิงที่ไปทางทิศตะวันออกเท่านั้นที่สามารถจัดตั้งรูนแห่งการปกปักษ์ได้สำเร็จ
นักสู้ขอบเขตที่7ทั้ง4คนที่มุ่งหน้าไปทางตะวันตกและทางเหนือเจอเข้ากับปัญหาใหญ่
แล้วพวกเขาควรจะทำยังไงดี?
พวกเขาแต่ละคนเป็นเพียงเลเวล2ขอบเขตที่7เท่านั้น พวกเขาจะสู้กับราชันย์แดนลับเลเวล9ขอบเขตที่7ที่มีลูกน้องอีกเป็นร้อยได้ยังไง?
หรือจะให้ใช้หัวสู้?
นักสู้ขอบเขตที่7ทั้ง4คนคิดแล้วคิดอีกจนหัวแทบแตก สุดท้ายจึงตัดสินใจหลีกเลี่ยงศัตรูไปก่อนเป็นการชั่วคราว
หลังจากกลับมาถึงพื้นที่ปลอดภัยพวกเขาก็หยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาและติดต่อกับนักสู้ที่อยู่บนยอดเขาหลัก
“อะไรนะ? ฐานถูกราชันย์แดนลับยึดครอง?”
ฉู่เผิงเฉิงรู้สึกคันเขี้ยวยิ่งนักเมื่อได้ทราบข่าว
ราชันย์แดนลับพวกนั้นสงสัยจะหน่ายความตาย
พวกเขาอุส่าห์จัดการหน้าดินจนเรียบเพื่อเตรียมสร้างสถานีไร้ภัย แต่พวกเขายังไม่ทันได้สร้างกลับถูกพวกมันเข้ายึดครองเสียแล้ว?
ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่แค่หนึ่ง สองในสี่ฐานถูกราชันย์แดนลับยึดครองไปแล้ว
แล้วอีกสองล่ะ?
ฉู่เผิงเฉิงรีบติดต่อไปยังคนอื่นๆในทันที
ในเวลานั้นเองสายฟ้าสีม่วงเส้นหนาพลันฟาดผ่าลงมาจากท้องฟ้าทางทิศของยอดเขาหลักของภูเขาอัสนีร่วง
เปรี้ยง!
คลื่นเสียงน่าสะพรึงกวาดผ่านไปทั่วภูเขาอัสนีร่วง
เสียงดังสนั่นแสบแกวหูพลันดังออกมาจากเครื่องมือสื่อสาร
ในเวลาเดียวกันตัวเครื่องมือสื่อสารเองก็พลันปรากฏควันสีขาวลอยฟุ้ง
ฉู่เผิงเฉิงรีบโยนมันทิ้งทันทีก่อนจะสบถออกมา “เครื่องมือสื่อสารมันทำงานผิดปกติ!”
เพื่อให้สามารถสื่อสารกันได้ทันทีเครื่องมือสื่อสารของคนอื่นๆจึงถูกเก็บเอาไว้บริเวณเอว ในเวลานี้เครื่องมือสื่อสารของพวกเขาเองก็รวนขึ้นมาเช่นเดียวกันทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องทิ้งพวกมันไปอย่างจำยอม
“ฉันกังวลขึ้นมาเล็กน้อยแล้วสิ...” เย่อู่ชิวขมวดคิ้ว
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าสายฟ้าที่ผ่าลงมาจากภูเขาอัสนีร่วงจะมีผลคล้ายกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้า วงจรไฟฟ้าของเครื่องมือสื่อสารถึงขั้นถูกเผาเลยทีเดียว
เช่นนี้แล้วนอกจากนักสู้ทั้ง25คนบนยอดเขาหลักที่ยังอยู่รวมกัน นักสู้ขอบเขตที่7อีก8คนที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆก็คงต้องพึ่งตัวเองแล้ว
นี่ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับพวกเขาเลย
เลเวลของนักสู้ขอบเขตที่7ทั้ง8คนนั้นรวมไปถึงโล่วิญญาณกับระเบิดเพลิงไม่ได้สูงมากนัก พวกเขาทั้งหมดล้วนมีเลเวลราวๆเลเวล1-เลเวล3เท่านั้น
ถ้าไปเจอกับฝูงอสูรเข้าคงมีโอกาสสูงมากที่จะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น!
ยิ่งไปกว่านั้นจากข่าวที่นักสู้ทั้ง4คนจากทางตะวันตกและทางเหนือส่งมาให้ คนอื่นๆอีกสองกลุ่มเองก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเจอเข้ากับราชันย์แดนลับ
สิ่งนี้ยิ่งทำให้เรื่องมันเลวร้ายขึ้นไปอีก
เซี่ยงเทียนซิวเกาหัว “ในเมื่อโล่วิญญาณกับระเบิดเพลิงสามารถจัดการกับหุ่นเชิดของหัวหน้าองค์กรทุ่งราบมหาสวรรค์ลงได้พวกนั้นก็น่าจะพอมีฝีมืออยู่บ้าง ไม่ต้องไปกังวลขนาดนั้นหรอก”
แบล็คจ้องเขม็งไปที่เขาและเอ่ยสวนออกมาทันควัน “ฉัแนะนำให้พวกเราส่งคนไปช่วยพวกเขาในทันที ถ้าราชันย์แดนลับยังไม่ออกจากฐานพวกเราก็ทำได้เพียงยอมแพ้เลือกฐานจุดอื่นแทน”
เย่อู่ชิว หมาป่าเงิน ไป๋ชิงเหอและคนอื่นๆพยักหน้า
ไม่นานนักนักสู้4จาก25คนก็ถูกเลือกและรีบมุ่งหน้ากระจายกันออกไปทั้ง4ทิศทางของภูเขาอัสนีร่วง
แบล็คคือคนที่รับหน้าที่ไปสนับสนุนโล่วิญญาณกับระเบิดเพลิง
“ขออย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นเลย” แบล็คพึมพำและใช้สกิลเพื่อเร่งความเร็วมุ่งหน้าตรงไปทางฝั่งทิศตะวันออกของภูเขาอัสนีร่วงให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้