บทที่22 หลงชิงเหยาจากไป
ณ โรงพยาบาลชิงหลง
“ท่านพ่อเป็นอะไรไหม!”
ประตูได้ถูกเปิดออกมาอย่างเร่งรีบ ก่อนจะมีเสียงและร่างของหลงชิงเหยาโผล่ขึ้นมา
“ใจเย็นๆสิลูก พ่อไม่เป็นอะไรหรอก” หลงหยวนที่นอนอยู่บนเตียงพูดออกมาด้วยท่าทีอ่อนเพลียเล็กน้อย
หลงชิงเหยาจ้องมองหลงหยวนที่อยู่บนเตียงอย่างละเอียด ถึงแม้จะมีรอยบาดแผลตามบางจุดบ้าง แต่บาดแผลส่วนใหญ่ก็ถูกรักษาแล้ว
หลังจากที่เฝ้าสังเกตุสักพักหลงชิงเหยาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ แล้วเดินไปนั่งข้างๆหลงเยว่ที่ดูแลหลงหยวนอยู่ ด้านหลังของเธอเองก็มีหลงเทียนและลู่หยินเหมยที่เดินตามมาด้วย
“ท่านพ่ออาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง” หลงเทียนถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“หลังจากหมอได้ช่วยรักษาอาการก็ดีขึ้นมากแล้ว อีกสัก1อาทิตย์ถึงน่าจะฟื้นตัวสมบูรณ์และกลับบ้านได้” หลงหยวนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ! คุณลุง” ลู่หยินเหมยเองก็กล่าวทักทายเช่นกัน
“ลู่หยินเหมยมาด้วยเหรอ ลุงไม่ได้เจอหนูมานานแล้ว”
หลังจาก4ปีที่แล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาก็แน่นแฟ้นขึ้น ดังนั้นลู่หยินเหมยจึงมาบ้านหลงเทียนเป็นบ้างครั้งบางคราวทำให้ทั้งคู่รู้จักกัน
หลงเทียนและหลงหยวนต่างแลกเปลี่ยนสอบถามกันและกันจนทำให้รู้เรื่องที่หลิงซีรับหลงชิงเหยาเป็นลูกศิษย์ราวถึงเรื่องที่หลิงซีช่วยชีวิตหลงหยวนไว้ด้วย
“ลูกโชคดีมากเลยที่คนระดับนั้นรับลูกเป็นศิษย์”
“ลูกต้องปฎิบัติต่อเธอให้ดีๆล่ะ ถ้าไม่มีเธอพ่อคงตายไปนานแล้ว”
หลงหยวนพูดออกมาทั้งดีใจที่ลูกสาวได้เป็นลูกศิษย์ของคนที่แข็งแกร่งและก็เสียใจที่ต้องแยกจากลูกสาว แต่นี่เป็นผลดีต่อหลงชิงเหยาเองในอนาคต ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนอยากขัดขวางอนาคตของลูก
“แน่นอนค่ะ!”
ทั้งคู่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่หลิงซีช่วยชีวิตพ่อของพวกเขาไว้และวางแผนจะหาโอกาสขอบคุณหลังจากเจอเธอในภายหลัง
หลังจากนั้นในเวลา1เดือนที่เหลือหลงเทียนและหลงชิงเหยาพร้อมกับครอบครัวของเขา ก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างเต็มที่ พาหลงชิงเหยาไปทำทุกอย่างที่เธออยากทำ พาเธอไปทุกที่ๆเธออยากไป
ในช่วงเวลานั้นเองก็มีหลายคนได้รับรู้การกระทำของพวกหลงเทียนในการต่อสู้กับปรมาจารย์วิญญาณชั่วร้าย ทำให้พวกเขายกย่องการกระทำของพวกเขาพร้อมอยากจะมอบเกียรติยศให้และเผยแพร่การกระทำของพวกเขาในฐานะฮีโร่
แต่แน่นอนว่าหลงเทียนปฎิเสธไป เขาไม่อยากมีชื่อเสียงโด่งดังตราบใดที่ตัวเขาไม่มีความแข็งแกร่งพอ ใครจะไปรู้ว่าในอนาคตปรมาจารยวิญญาณชั่วร้ายอาจจะมาแก้แค้นพวกเขาก็ได้ ดังนั้นมันดีกว่าที่จะอยู่เงียบๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ ชั่วพริบตาเวลาก็ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน ถึงวันที่หลงชิงเหยาจำเป็นต้องไปที่สถาบันกับหลิงซี
ด้านหน้าของบ้านหลงเทียนมีร่างของหลงเทียน หลงชิงเหยา หลงหยวนและหลงเยว่ยืนอยู่ หากมองไกลไปอีกนิดจะเห็นร่างของหลิงซีที่พิงรถสีขาวสุดหรู
หลงชิงเหยาจ้องมองไปที่ครอบครัวของเธอด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยละอองน้ำราวกับจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อในมือของเธอถือกระเป๋าสัมภาระของเธอไว้อยู่
“อย่าเศร้านักสิลูก พ่อกับแม่สัญญาว่าจะไปเยี่ยมลูกอยู่บ่อยครั้ง” หลงเยว่ยืนมือไปเช็ดดวงตาของหลงชิงเหยาพร้อมพูดออกมาอย่างโศรกเศร้า เธอเองก็ไม่อยากจากลูกสาวของเธอเช่นกัน
ในช่วงเวลาที่สองแม่ลูกพูดคุยและกอดกัน หลงหยวนก็ได้เดินตรงเข้าไปหลงซี
“ตอนนั้นผมยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลยที่ช่วยชีวิตผมไว้ ขอบคุณมากนะครับ!”
“แล้วก็ฝากดูแลลูกสาวของผมด้วยนะครับ” หลงหยวนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพและเคารพ
“แน่นอนค่ะ! ฉันจะดูแลลูกศิษย์ของฉันให้ดีอย่างแน่นอน” หลิงซีพูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เธอเองก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่คนที่เธอช่วยไว้จะเป็นพ่อของลูกศิษย์ของเธอ
หลงชิงเหยาได้กอดครอบครัวของเธอทีะคน ก่อนจะมาถึงคราวหลงเทียน เธอกอดหลงเทียนอย่างแน่นพร้อมพูดว่า
“นายสัญญาแล้วนะว่านายจะมาหาฉันในอีก4ปีข้างหน้า นายต้องมาให้ได้นะไม่งั้นฉันจะเตะนายให้หน้าพลิกคว่ำเลย”
“แน่นอนสิ! นี่คือคำสัญญาระหว่างพวกเรา! ถ้าเธอเหงาเมื่อไหร เธอก็ติดต่อมาบ่อยๆล่ะ” หลงเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้มพร้อมกอดพี่สาวของเขากลับ
“หนูไปแล้วนะคะ ไว้เจอกันใหม่คราวหน้าล่ะ”
หลงชิงเหยาร่ำลาครอบครัวของเธอ ก่อนจะหันกลับไปและเดินไปที่รถอย่างรวดเร็วพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา เธอกลัวว่าถ้าเธอหันกลับมาเธอคงทำใจไม่ได้ที่จะจากครอบครัวเธอไปอย่างแน่นอน
เมื่อหลงชิงเหยาเข้าไปในรถแล้วหลิงซีก็ตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่เธอจะเข้าไปเธอโยนตราสัญลักษณ์รูปมังกรสีทองของเธอให้แก่หลงเทียน
“นี่คือตราสัญลักษณ์ของฉัน หากครอบครัวเธอมีปัญหาอะไรก็ใช้ตราสัญลักษณ์นี่ซะ”
เมื่อเธอรับหลงชิงเหยามาเป็นลูกศิษย์แล้ว เธอจะไม่ตระหนี่ตามธรรมชาติ เธอต้องการรับประกันความปลอดภัยของครอบครัวเพื่อให้หลงชิงเหยาสบายใจ
ตราสัญลักษณ์นี่เป็นตราสัญลักษณ์ของสถาบันเทพศักดิ์สิทธิ์ ตราบใดที่ใครเห็นพวกเขาย่อมไม่กล้าสร้างปัญหาให้แก่ครอบครัวของหลงเทียนอย่างแน่นอน
“ขอบคุณครับท่านผู้อาวุโส!”หลงเทียนพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ เขารู้ว่าหลิงซีใจดีกับพวกเขามาก
หลังจากนั้นหลิงซีจึงเดินเข้าไปในรถของเธอ ทันใดนั้นเองมีเสียงราวกับเครื่องจักรกลดังขึ้นมาจากรถของหลิงซี จากรถหรูสีขาวค่อยเปลี่ยนๆร่างทีละส่วนจนกลายเป็นเครื่องบินลำใหญ่สีขาวดูตระหง่านตาขนาดหลายเมตร!
เครื่องบินได้ลอยขึ้นไปในอากาศซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยพลังวิญญาณและอุปกรณ์วิญญาณต่างๆ ปกคลุมท้องฟ้าบริเวณรอบบ้านหลงเทียนแล้วพุ่งตรงไปยังทิศทางของทวีปศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว
หลงเทียนที่มองอยู่รู้สึกตกตะลึงในใจเล็กน้อย วิธีการเดินทางของจักรพรรดิวิญญาณช่างไม่ธรรมดาจริงๆ
ภายในรถที่กลายเป็นเครื่องบินแล่นบนท้องฟ้า หลิงซีมองไปที่หลงชิงเหยาที่มีน้ำตาไหลพรากและสีหน้าเป็นทุกข์เล็กน้อย
“เธอไม่จำเป็นต้องเศร้าขนาดนั้นหรอก ถ้ามีโอกาสฉันจะพาเธอกลับบ้านไปหาครอบครัวของเธอเป็นบางครั้งบางคราว”
“อีกอย่างเมื่อกี้ฉันได้ยินว่าน้องชายของเธอจะไปสถาบันเทพศักดิ์สิทธิ์ด้วยไม่ใช่เหรอ!? สี่ปีอาจจะยาวนานสำหรับคนธรรมดา แต่สำหรับปรมาจารย์วิญญาณอย่างพวกเราที่ฝึกฝนพลังวิญญาณอยู่ตลอดและมีอายุได้หลายร้อยปี สี่ปีแค่ผ่านไปชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น” หลิงซีพยายามปลอบใจหลงชิงเหยา
“ ท่านอาจารย์ น้องชายจะเข้ามาที่สถาบันได้จริงๆใช่ไหม!?” หลงชิงเหยาถามออกมาด้วยสีหน้าคาดหวัง
ถึงแม้เธอจะเชื่อมั่นในตัวน้องชายของเธอ แต่7สถาบันระดับสูงมีอัตราสอบเข้าที่ต่ำมาก มีอัจฉริยะจากทั่วโลกหลายล้านคนที่ต้องการสอบเข้าเป็นนักเรียนของ7สถาบันระดับสูง แต่สถาบันทั้ง7รับเพียงแค่1000คนเท่านั้นในทุกๆสามปี
“แน่นอนสิ! น้องชายของเธอก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเช่นกัน” หลิงซีพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลงชิงเหยาที่ได้ยินแบบนั้นสีหน้าก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย แต่หลิงซีไม่ได้บอกว่ามีอัจฉริยะเหมือนหลงเทียนมากมาย เขาจะสามารถเข้ามาได้ไหมขึ้นอยู่กับความสามารถของเขา แน่นอนว่าหลิงซีจะไม่พูดคำนี้กับหลงชิงเหยา
“ว่าแต่เขาค่อนข้างดูเหมือนผู้ชายในภาพวาดของรองคณบดี” หลิงซีพูดออกมาอย่างสงสัยเล็กน้อย แต่เธอก็ส่ายหัวทันที คนๆนั้นหายตัวไปตั้งแต่200ปีที่แล้วไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ไหน!?
กลับมาทางด้านหลงเทียน เขาจ้องมองเครื่องบินที่บินผ่านไปอย่างรวดเร็วจนลับสายตาพร้อมกำหมัดแน่น
“สถาบันเทพศักดิ์สิทธิ์ ฉันต้องไปให้ได้!” หลงเทียนคิดในใจอย่างมุ่งมั่น
หลังจากที่หลงชิงเหยาไปเป็นระยะเวลา3วันแล้ว หลงเทียนรู้สึกเหงาอยู่เล็กน้อยที่ไม่ค่อยมีใครมากวนเขาเหมือนอย่างเคย
ถึงทั้งสองจะคุยผ่านโทรศัพท์ทุกวันแต่มันไม่เหมือนกับการได้คุยกันแบบเจอหน้ากัน แต่ในช่วงเวลาที่เงียบเหงานั้นเองก็มีคนโทรมาหาเขาซึ่งมีตัวอักษรบนหน้าจอว่า พี่สาวหยุน
“สวัสดีครับพี่สาว! พี่มีอะไรหรือป่าวครับ!?” หลงเทียนรับสายขึ้นมาและกล่าวทักทาย
“สวัสดีจ้าน้องชาย! ดูเหมือนช่วงนี้เราจะไม่ค่อยได้เจอกันเลย”
“ที่จริงพี่สาวมีข้อมูลเล็กน้อยที่น้องชายน่าจะสนใจ” เสียงของโม่หยุนหยุนตอบกลับมาจากโทรศัพท์
“ข้อมูลอะไรเหรอครับ!? ” หลงเทียนถามด้วยสีหน้าสงสัย
“ในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าจะมีมิติลับเกิดขึ้นในภูเขาเหล็กกล้าที่อยู่ใกล้เคียงกับเมืองหลักต้าหลัวในทวีปดารา”
“มิติลับ!?” หลงเทียนพูดออกมาด้วยความแปลกใจแต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นในจิตใจของเขา
“ติ้ง! โฮสต์ได้รับภารกิจพิเศษ”
[ภารกิจพิเศษ]
1.สืบทอดมรดกของจักรพรรดิสายฟ้าในมิติลับ ระยะเวลา:2เดือน
(รางวัล: +5000คะแนนจิตวิญญาณ +50000คะแนนโชคชะตา + ทักษะระดับ7 ก้าวมังกรทะยานฟ้า