บทที่ 490: ‘พนันหิน’ เวอร์ชันต่างโลก!
สำหรับถังเจิ้นแล้วหยกดิบที่จ้าวต้าเป๋าค้นพบนั้นมีความสำคัญมาก แต่กลับไม่ใช่ตรงที่มันขายได้
แม้ว่าสิ่งนี้จะสามารถสร้างรายได้ได้ก็ตาม แต่ถังเจิ้นก็ไม่ได้ขาดรายได้ถึงขนาดต้องขายมันกิน ดังนั้นที่ว่าสำคัญคือบทบาทหน้าที่ในการสนับสนุนนักรบของเมืองต่างหาก
เหตุผลที่ในที่สุดก็ยอมตกลงกันนั้นเอาจริง ๆ จะว่าบังเอิญก็ใช่อยู่ เพราะเขาบังเอิญเกิดลุ้นขึ้นมาว่าในโลกโหลวเฉิงนี้จะได้เห็นฉากตัดหินแล้วเจอหยกราคาเป็นร้อยล้านเหมือนที่โลกเดิมมั้ยนั่นเอง
และในความเป็นจริงก็ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเมื่อเทียบกับที่โลกเดิมแล้วหยกจากเย่โหลวยอดเขานั้นมีคุณค่ามากกว่าเยอะ!
แน่นอนว่าจ้าวต้าเป๋าไม่รู้หรอกว่าถังเจิ้นกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่รู้แน่ ๆ คือนี่คือโอกาสอันดีของตน ดังนั้นจึงต้องทุ่มเทความพยายามอย่างหนักหน่วงเพื่อมัน
พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกหลายวัน ร้านค้าของจ้าวต้าเป๋าถูกทำความสะอาดและติดตั้งอุปกรณ์ที่ทางถังเจิ้นจัดให้รวมถึงแก้นู่นปรับนี่ในจุดที่ยังไม่โอเค
พลังงานที่เมืองเชิ่งหลงใช้อยู่ตอนนี้นอกจากระบบพลังงานของเผ่าฉ่านจินแล้วยังมีการใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหลาย ๆ ชนิดที่เอามาจากโลกเดิมด้วย
เช่นแหล่งพลังงานที่ร้านของจ้าวต้าเป๋าใช้ก็คือแผงโซลาร์เซลล์
ตอนนี้ร้านโล่ง ๆ แต่เดิมถูกปรับโฉมใหม่หมดโดยสิ้นเชิง มีเคาน์เตอร์ใหม่เอี่ยมเรียงกันเป็นแถวชิดผนัง
บนเคาน์เตอร์มีหินเดิมที่ถูกตัดแล้วเผยให้เห็นหยกที่สะท้อนแสงไฟวิบ ๆ วับ ๆ อยู่ข้างใน
ลูกค้าที่เข้ามาในร้านเพียงแค่มองแวบเดียวก็จะรู้ได้ทันทีว่าก้อนหินกาก ๆ เหล่านี้จริง ๆ แล้วเป็นแร่หยก
เพื่อทำให้หินแร่หยกเหล่านี้ดูมีระดับมากขึ้นจ้าวต้าเป๋าจึงตั้งชื่อมันว่า ‘หลิงยู่’ (หยกวิญญาณ) และใช้ประชาสัมพันธ์อย่างเป็นจริงเป็นจัง
ซึ่งการประชาสัมพันธ์ของจ้าวต้าเป๋าก็ประสบผลสำเร็จ ในตอนนี้หยกวิญญาณดังกล่าวก็มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก นักรบในย่านการค้าล้วนได้รู้ถึงประสิทธิภาพของหยกจิตวิญญาณกันแล้ว
และเมื่อได้ยินว่ามีร้านเปิดใหม่ที่ขายหยกวิญญาณในสภาพแร่ดิบอยู่ด้วย พวกพ่อค้าทั้งหลายเลยรีบไปรวมตัวกันที่หน้าร้านตั้งแต่จ้าวต้าเป๋ายังไม่ทันเปิดร้าน
จ้าวต้าเป๋าที่มือเป็นระวิงตั้งแต่ในร้านยันนอกร้านได้เห็นฉากนี้แล้วก็หัวเราะหนักมากจนมองไม่เห็นตา เขาเดินเข้าไปหาฝูงชนทันทีและเริ่มอธิบายกฎเกณฑ์การค้าของทางร้าน
กติกาก็คล้าย ๆ กับการพนันหินของโลกเดิม เนื่องจากหยกพวกนี้มันสามารถปิดกั้นการใช้พลังจิตตรวจจับได้ดังนั้นการซื้อจึงขึ้นอยู่กับดวงล้วน ๆ
ในเวลานี้มีกองหินวางไว้ที่ทางเข้าร้าน โดยแต่ละก้อนจะมีตัวเลขกำกับไว้ ซึ่งเป็นตัวเลขราคากับน้ำหนักของมัน
แม้ว่าหินเหล่านี้จำป้องกันการใช้พลังจิตตรวจจับได้ก็จริง แต่ถ้าหากสังเกตให้ดี ๆ ล่ะก็มันจะมีพิรุธอะไรบางอย่างให้จับได้อยู่
เพื่อให้ความร่วมมือกับจ้าวต้าเป๋าไปได้สวยเมื่อหลายวันก่อนจึงให้คนหงานหลายสิบคนมารวมตัวกัน ให้แต่ละคนลองเลือกหินมาตัดกันคนละเจ็ดแปดก้อน
และเมื่อตัดดูแล้วเอาผลมาเทียบประสิทธิภาพแล้ว ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปในเรื่องเคล็ดลับในการเลือกและการแยกแยะคุณภาพดีชั่วของผลลัพธ์ที่ได้
แม้ว่าความแม่นยำของเคล็ดลับเหล่านี้จะไม่สูงมาก แต่ก็เพียงพอสำหรับเอามาใช้ในการกำหนดราคาของหินเดิม
หลักการของ ‘จ่ายเท่าไหร่ก็ได้เท่านั้น’ ยังคงใช้ได้กับทุกที่ และที่สำคัญคือเมืองเชิ่งหลงย่อมไม่ทำธุรกิจใด ๆ ที่ขาดทุดอยู่แล้ว
นักรบและพ่อค้าทั้งหลายที่พึ่งจะได้สัมผัสกับหินหยกวิญญาณดิบนี้ย่อมไม่อาจรู้เล่ห์กลอะไรทันอยู่แล้ว จะรู้ก็แค่ของถูกนั้นไม่ดีชัวร์ ๆ
ดังนั้นยกเว้นคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่จ้องมองหินหยกดิบราคาถูกเหล่านั้น คนที่เหลือส่วนใหญ่กำลังพูดคุยและศึกษาเกี่ยวกับหินหยกดิบเหล่านั้นที่มีราคาเป็นหมื่นหรือหลายแสน
ลมแรงไม่นำเงินมาให้ แม้นักรบและนักธุรกิจเหล่านั้นจะมีเงินก็ใช้ไม่ง่ายนัก พวกเขาไม่แน่ใจจริง ๆ ในสิ่งที่ดูไม่น่าไว้วางใจนัก
แต่หินหยกดิบที่แกะออกมาบนเคาน์เตอร์บอกทุกคนอย่างชัดเจนว่าหินที่ดูเหมือนจะไม่งดงามเหล่านี้จริง ๆ แล้วมีหินหยกอันล้ำค่าอย่างยิ่ง
สรุปคือหินหยกวิญญาณนั้นมีค่ามาก และหากอยากได้ก็ต้องดวงถึง
ถ้าคิดจะหาซื้อสินค้าสำเร็จรูปอย่างพวกเครื่องรางเครื่องประดับล่ะก็มีสองทางคือหนึ่ง ตัดให้เจอหยกแล้วเอาไปจ้างคนทำเอง หรือสอง เอาเงินก้อนโตไปซื้อเศษเครื่องรางที่เก็บได้จากเย่โหลวยอดเขา
หลังจากฟังที่จ้าวต้าเป๋าบอกแล้วทุก ๆ คนก็หันไปพูดคุยกันระเบ็งเซ็งแซ่ จนไม่ช้าก็มีคนหัวการค้าเจอช่องทางทำกินจนได้
นั่นคือหากตัดหินเดิมเหล่านี้และเจอหยกวิญญาณอยู่ภายในก็ให้เอาหยกนั่นไปแกะสลักเป็นเครื่องรางหรือเครื่องประดับแล้วขายในราคาสูง ซึ่งกำไรที่ได้จะมากมายมหาศาลอย่างแน่นอน
แม้ว่าราคาของหินเหล่านี้จะสูงมากก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับของสำเร็จรูปแล้วถือว่าถูกกว่ามาก ถูกมากพอให้คิดว่าคุ้มค่าที่จะลงทุนอย่างแน่นอน
แล้วพอคิดได้แบบนี้จึงมีหลายคนพยายามหาซื้อเพื่อลองเสี่ยงโชค
“เถ้าแก่ ๆ ฉันเอาอันนิ ว่าแต่ลดให้หน่อยได้ป่าวอะ”
เดินดูไป ๆ มา ๆ อยู่สองสามรอบก็มีพ่อค้าคนหนึ่งชี้ไปที่หินเดิมขนาดเท่าหัวคนพลางถามราคากับจ้าวต้าเป๋า
จ้าวต้าเป๋าซึ่งอยู่ไม่ไกลเมื่อได้ยินก็รีบเข้าไปหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทันที พอเห็นหินที่อีกฝ่ายเลือกก็พูดไปว่า “โอ้ สายตาดีนี่ครับคุณลูกค้า เลือกก้อนที่น่าจะได้มากที่สุดซะด้วย นี่ถ้าได้จริงล่ะก็รวยเลยนะเนี่ย
ก้อนนี้แสนห้า แต่เด๋วผมลดให้ยี่สิบเปอร์ฯเหลือแสนสองละกัน แต่ราคานี้ห้ามต่อแล้วนา!”
จ้าวต้าเป๋าพูดกับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มจริงใจ
พ่อค้าคนนั้นได้ยินก็เกิดลังเลขึ้นมา เพราะว่าราคานี้มันไม่ใช่ถูก ๆ หากว่าในหินนั่นไม่มีหยกวิญญาณอยู่ล่ะก็ ลูกปัดสมอง 120,000 เม็ดจะสูญเปล่าไปในบัดดล
แต่ว่าถ้าข้างในมีหยกวิญญาณอยู่ล่ะก็อย่าว่าแต่ 120,000 จะได้กลับมาเลย มันจะได้กำไรเพิ่มมาอีกซะด้วยซ้ำ
ขณะที่พ่อค้ารายนี้กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะเอาไงดีอยู่นั้นเองก็ได้มีนักรบเผ่าอื่น 2 คนเข้ามาเดินวน ๆ รอบหินก้อนเดียวกันนั้น
ดูจากสีหน้าของคนทั้งคู่แล้วเห็นได้ชัดเลยว่าพอใจกับหินก้อนนั้นมาก ๆ และมีทีท่าว่าจะซื้อแล้ว ทำให้พ่อค้ารายนี้เห็นแล้วก็เลิกลังเลและหยิบแบงก์เป็นปึ๊ง ๆ ออกมาจ่ายให้จ้าวต้าเป๋า
“เอาก้อนนี้เลยเถ้าแก่ ตัดให้ด้วยนะ!”
เงินก้อนแรกเข้ามือมาแล้วจ้าวต้าเป๋าก็สุขใจจริง ๆ จากนั้นก็เรียกคนงานในร้านให้เข้ามาช่วยขนหินเดิมก้อนดังกล่าวไปเข้าเครื่องตัด
ฉากนี้ทำให้มีคนแห่เข้าไปดูกันเป็นฝูงด้วยความอยากรู้ว่าข้างในหินนั้นจะมีหยกอยู่รึเปล่า
เครื่องตัดหินเปิดทำงานและหมุนด้วยความเร็วสูง เสียงตัดที่น่าหนวกหูดังก้องอยู่ในหูของทุกคนที่มามุงดู
เวลาในการตัดหินนั้นไม่ต้องใช้เยอะ ซักพักก็เผยให้เห็นสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน
หลังจากที่เอาน้ำล้างแล้วสิ่งที่เปิดเผยต่อสายตาของทุก ๆ คนก็คือแสงสะท้อนวิบวับน่าดึงดูดใจอย่างยิ่ง
แม้ว่าคุณภาพของหยกนี้จะไม่ใช่ชั้นยอดแบบที่เอาไปทำพวกเครื่องรางหรือยันต์หยกเหมือนของเย่โหลวยอดเขาก็ตาม แต่ถ้าเอาไปทำเป็นเครื่องประดับล่ะก็คุ้มสุด ๆ แน่นอน
พวกที่มุงดูพอเห็นฉากนี้ก็เป็นต้องตาถลน สีหน้านั้นบ่งบอกเลยว่าทั้งตกใจทั้งอิจฉา!
“อัปแล้ว อัปอย่างแรง!”
จ้าวต้าเป๋าที่เห็นก็ผงะไปเหมือนกัน แต่ก็ตั้งสติและใช้วิธีที่ตนเองเรียนรู้มาสมัยเรียนม.ต้นส่งเสียงเชียร์ดังลั่นเพื่อสร้างบรรยากาศให้คึกคักขึ้น
พนักงานในร้านเองก็ชช่วยกันตะโกนโห่ร้องด้วย ใบหน้าทุกคนต่างเต็มไปด้วยความสุข ซึ่งเมื่อบรรยากาศมันพาไปผู้มุงทุกคนต่างก็เหมือนติดเชื้อและร่วมกันตะโกนต่อ
จ้าวต้าเป๋าแสดงความยินดีกับพ่อค้าวานิชจากต่างเผ่าคนนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าถ้าเอาไปทำของขายล่ะก็ต้องได้กำไรเป็นสิบ ๆ เท่าชัวร์เลย!
ซึ่งเรื่องแบบนี้ต่อให้จ้าวต้าเป๋าไม่พูดเจ้าตัวก็รู้ดีอยู่แล้ว เจ้าตัวได้ประเมินราคาของหยกวิญญาณชิ้นนี้ได้ตั้งแต่ตอนที่หินถูกตัดออกไปแล้วเรียบร้อย
แค่กำไรเป็นสิบ ๆ เท่านั้นเรียกว่าขั้นต่ำ เพราะถ้าจะเอาจริง ๆ ทำอย่างถูกต้องถูกวิธีการล่ะก็เผลอ ๆ จะได้กำไรเป็นร้อยเท่าเลยด้วยซ้ำ!
พ่อค้าที่คิดได้แบบนี้นั้นถอนหายใจโล่งอกมาก ๆ และตอนนี้ใบหน้าที่จากก่อนหน้านี้หนักใจได้เปลี่ยนเป็นมีความสุขมากที่การลงทุนครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ
ขณะที่คนทั้งคู่พูดคุยกัน พวกที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็ได้ยินด้วย ว่าหินก้อนนี้สามารถเอาไปทำกำไรได้เป็นสิบ ๆ เท่า ทำให้แต่ละคนนอกจากหูผึ่งแล้วยังตาถลนเพราะหัวใจสูบฉีดเลือดมาเลี้ยงแรงเกิน
ฉากที่จู่ ๆ ก็ถูกหวยแบบนี้ทำให้คนที่ดูต่างต้องรู้สึกอิจฉาอย่างอดไม่ได้และกระตือรือร้นที่จะลองดูบ้าง
“เอาก้อนนิ!”
“ก้อนนิดูดีนี่หว่า เอานี่แหละ!”
“พี่ ๆ มานี่หน่อย ช่วยดูก้อนนี้หน่อยเร็ว”
และแล้วหินเดิมหลายสิบก้อนก็ถูกยกไปต่อคิวเข้าเครื่องตัดในชั่วพริบตา!