บทที่ 19 จินตนาการอันทรงพลังเกินกว่าคุณจะจินตนาการได้
บทที่ 19 จินตนาการอันทรงพลังเกินกว่าคุณจะจินตนาการได้
นักเขียนมืออาชีพได้เล่าให้ฟังว่า บางทีอาจเป็นเพราะธรรมชาติของงานที่เขาทำ เขามักจะฝันเป็นเรื่องแปลกประหลาดอยู่เสมอทุกคืน ส่วนมากความทรงจำของเขาจะเลือนรางเมื่อตื่นขึ้น แต่บางที บางความฝันนั้นได้สร้างความประทับใจอย่างลึกล้ำต่อเขา เหมือนอย่างฝันของคืนวันหนึ่ง
ในความฝันนั้น เขาคิดหัวข้อเรื่องสำหรับหนังสือเรื่องใหม่ที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากจนถึงจุดที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ในความฝันนั้น เขากับเพื่อนนักเขียนอีกคนได้เขียนหนังสือที่กลายเป็นโด่งดังมาก และได้ทำสัญญากับบริษัทสร้างหนังและทีวีซีรีส์...
เมื่อเขาตื่น ความทรงจำในหัวก็เริ่มความชัดเจนขึ้น และเริ่มมีความสงสัยภาพความฝันที่ชัดเจนเหล่านั้น แม้ว่าความตื่นเต้นของเขายังไม่จางหายไป หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว หัวข้อเรื่องที่ยอดเยี่ยมของเขา ที่จริงก็แค่เรื่องธรรมดามากเกี่ยวกับความรักระหว่างสาวที่ชีวิตแนวซินเดอเรลล่ากับซีอีโอเศรษฐีหนุ่ม
หลังจากลุกจากเตียงแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงความฝันก่อนหน้าฝันครั้งนี้ ที่สร้างความประทับใจลึกซึ้งกับเขามากกว่าฝันครั้งนี้เสียอีก
ในความฝันครั้งนั้น เขาถูกขังอยู่ในห้องที่อับชื้นและหนาวเย็นอันมืดมิด มีเพื่อนร่วมชั้นมากมายถูกขังอยู่ร่วมกัน ไม่มีน้ำและอาหารให้กิน ดังนั้น ติดอยู่ในนี้หมายถึงความตายแน่นอน ในอีกด้านหนึ่ง บริเวณภายนอกที่คุมขังมีสัตว์ประหลาดดุร้ายเพ่นพ่านอยู่มากมายที่เขาต้องปราบให้เรียบก่อนที่จะหนีออกไปได้
เนื่องจากพวกเขายังเป็นเด็กนักเรียน นี่เป็นสิ่งที่อาจนำไปสู่ความตายของเขาได้ ไม่สำคัญว่าจะตัดสินใจอยู่ในห้องมืดอันน่ากลัวนี้ หรือออกไปเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดดุร้ายอันน่ากลัว ตัวเลือกทั้งสองยากที่จะยอมรับได้ แม้ในขณะนี้ เขายังจำความรู้สึกของความกลัวในฝันได้อย่างชัดเจน
ในที่สุด นักเรียนบางคนพยายามจะหนี และได้เผชิญกับกรงเล็บอันแหลมคมของสัตว์ประหลาดตกตายไปตามๆ กัน พวกเขาที่เหลือค่อยๆ เพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป จนพวกสัตว์ประหลาดระดับธรรมดาไม่สามารถทำร้ายพวกเราได้อีกต่อไป
หลังจากการสู้รบระหว่างพวกเขากับสัตว์ประหลาดอย่างยาวนาน กำลังคนของเขาเหลือน้อยลงเรื่อยๆ ในขณะที่ฝีมือพวกเขาก็เพิ่มขึ้นไปด้วยเช่นกัน หลังจากที่พวกเขาเดินหน้าห่างไกลจากห้องขังมืดมนนั้นออกไปทุกที และแล้วก่อนหน้าชัยชนะครั้งสุดท้าย เขาก็ล้มไม่เป็นท่าเพราะพลังหมดลงต่อหน้าสัตว์ประหลาดหัวหน้าใหญ่นั่นเอง
ความฝันของเขาไม่ได้จบแค่นั้น แต่จบที่ “การตาย” ของเขาต่างหาก เมื่อสัตว์ประหลาดฟันร่างของเขาขาดสองท่อน เขาถูกส่งกลับไปที่ห้องมืดที่อับชื้นในตอนแรกอีกครั้ง
ที่นี่คือห้องมืด เย็น อับชื้นที่เดิม พร้อมกับกลุ่มเพื่อนร่วมห้องที่ต่างตัวสั่นไปด้วยความกลัว กับเหล่าสัตว์ประหลาดดุร้ายที่ไม่ทรงพลังเท่าไหร่ เพ่นพ่านขวางทางหนีไว้...
ทุกสิ่งได้ย้อนกลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกที สิ่งที่แตกต่างคือเขาได้มีประสบการณ์กับเหตุการณ์เรียบร้อยแล้ว ตัวเขาในปัจจุบัน แตกต่างจากเขาเมื่อตอนเริ่มต้นความฝัน เขาไม่มีความรู้สึกตึงเครียดและกลัวเกรงอีกต่อไป เขามีความรู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกเพลิดเพลิน อีกทั้งรู้สึกตื่นเต้นไปพร้อมกับรอคอยสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กำลังใกล้เข้ามา
ต่อมา เขาก็ตื่นขึ้นจากความฝัน แต่มันยากที่เขาจะลืมความรู้สึกที่ซับซ้อนระหว่างอยู่ในความฝันนั้น ในตอนนั้น เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาเป็นพระเจ้าอย่างนั้นเลย ไม่เพียงเท่านั้น ทันทีที่เขาตื่นขึ้น เขารู้สึกว่าความฝันนี้เต็มไปด้วยองค์ประกอบของการเติมเต็มให้ชีวิตที่จะทำให้มันเป็นนวนิยายคลาสสิกได้ง่ายๆ
แต่เมื่อเขาตื่นเต็มตาแล้ว และคิดอย่างรอบคอบกับความฝันนี้ นี่มันไม่ใช่นิยายแนวกลับชาติมาเกิดธรรมดาที่เกี่ยวกับบุคคลทรงพลังย้อนกลับไปอดีตหรอกหรือ? และประสบการณ์ซับซ้อนที่ไม่รู้จบที่เขามีในความฝัน ที่จริงมันแค่เหตุการณ์เล็กๆ ไม่ใช่หรือ?
ในขณะที่ความฝันทั้งสองนี้มีเนื้อหาแตกต่างกัน มันมีสิ่งหนึ่งร่วมกันคือ เรื่องในฝันนั้นให้ความรู้สึกดีเยี่ยม แต่เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว เขาก็ตระหนักว่ามันเป็นแค่เรื่องธรรมดาเท่านั้น
นักเขียนมืออาชีพอยากจะแชร์ประสบการณ์เหล่านี้กับทุกคนในเรื่องนี้ก็เพราะว่า บ่อยครั้งที่เราเจอปัญหาคล้ายกันในการเขียนเรื่อง
แม้ว่าการต่อสู้นั่นควรจะเป็นสุดยอดแห่งความสนุก ทำไมมันรู้สึกแห้งแล้งเมื่อคุณเขียนลงมือเขียนมัน? แม้ว่ามันน่าจะเป็นเหตุการณ์สุดยอดแห่งการเติมเต็มให้ชีวิต ทำไมมันไม่ได้รับความนิยมเลยเมื่อคุณเขียนมันลงไป? แม้ว่ามันเป็นพล็อตที่คุณรู้สึกตื่นเต้นไปกับมันอย่างมาก ทำไมแม้แต่คุณเองยังไม่ต้องการอ่านมันเมื่อคุณเขียนเสร็จแล้ว?
เขาเชื่อว่านักเขียนหลายคนประสบปัญหาคล้ายกันที่ทำให้พวกเขาผิดหวัง เขาเชื่อว่ามีสองเหตุผลหลักที่เป็นสาเหตุ
อย่างแรกที่เห็นชัดเจนมากที่สุด คือเป็นเพราะขาดฝีมือในการเขียนบรรยายที่ดี เมื่อถามนักเขียนอีกคนให้อธิบายในเหตุการณ์เดียวกัน ผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างกันอย่างเหลือเชื่อ การที่จะบรรยายภาพเหตุการณ์เป็นตัวหนังสือนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายเท่าใดนัก
ส่วนที่สำคัญกว่าคือ ความมหัศจรรย์ของบางสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากจินตนาการของคุณนั้น เชื่อถือไม่ค่อยได้ เราไม่ควรหลงเชื่อในสิ่งที่เราจินตนาการขึ้นมามากเกินไป หรือกล่าวอีกแบบว่า เราไม่ควรจะประเมินพลังแห่งจินตนาการของเราต่ำเกินไป
ความฝันสองกรณีของนักเขียนมืออาชีพที่ยกตัวอย่างไปก่อนหน้าคือตัวอย่างที่ดีเยี่ยม เรื่องต้นแบบจะดูเหมือนน่าสนุกตื่นเต้น เพราะพลังจินตนาการในความฝันของเราได้ปรับแต่งพล็อตเรื่องสุดธรรมดานี้ให้กลายเป็นเรื่องสนุกขึ้นมา แต่ในความเป็นจริง สภาวะฝันกลางวันของเราโดยทั่วไปจะไม่ค่อยสร้างอะไรเกินความจริงไปมาก ดังนั้นพลังของจินตนาการไม่ใช่บางสิ่งที่คุณควรดูถูกดูแคลนได้ง่ายๆ
นี่คือบางสิ่งที่จำเป็นมากทีเดียวที่นักเขียนต้องเข้าใจ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องมีสองจุดที่เราต้องใส่ใจในระหว่างขั้นตอนการเขียนเรื่อง
ข้อแรก อย่าหลงเชื่อในพลังจินตนาการของคุณ เมื่อคุณค้นพบว่าเหตุการณ์ในเรื่องที่คุณเขียนดูเหมือนไม่ได้ดีมากอย่างที่คุณจินตนาการไว้ คุณควรตั้งข้อสงสัยต่อฝีมือการเขียนของคุณเช่นเดียวกับจินตนาการของคุณ “ฉากที่ฉันคิดขึ้นมาได้ มันดีอย่างที่ฉันคิดไหม?”
ข้อสอง คุณไม่ควรเขียนทุกรายละเอียดที่สวยงามในเหตุการณ์ที่คุณคิดไว้ ถ้าคุณเขียนรายละเอียดทุกอย่างลงไป จริงๆ แล้วนั่นจะทำให้ไม่เหลือที่ว่างให้ผู้อ่านได้จินตนาการต่อบ้าง เราควรเว้นการบรรยายบางส่วนอย่างจงใจ เพื่อให้ผู้อ่านได้จินตนาการเหตุการณ์ในรูปแบบที่พวกเขาต้องการบ้าง อย่างที่รู้กันว่ามันยากแค่ไหนที่จะอธิบายฉากเหตุการณ์ที่เราจินตนาการออกมาได้ ผู้อ่านอาจมีความสามารถจินตนาการภาพเหตุการณ์ในแบบของเขาได้ดีกว่าที่เราบรรยายก็เป็นได้
เพื่อนนักเขียนมือใหม่ทุกคน ตอนนี้คุณได้สังเกตเห็นสองข้อสำคัญนี้ในงานเขียนของคุณหรือยัง?
.....................................................................................