ตอนที่แล้วบทที่ 206 : มาสู้กัน (3-2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 208 : บันทึกชั้นที่ 25 (1-2)

บทที่ 207: บันทึกชั้นที่ 25 (1-1)


บทที่ 207: บันทึกชั้นที่ 25 (1-1)

หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง

“วะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! นานแค่ไหนแล้วที่ข้าไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่สนุกและแข็งแกร่งแบบนี้? การมาที่นี่มันคุ้มค่านัก!”

คิชาช่าระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

ทั้งที่ตอนนี้เลือดกำลังไหลออกมาจากส่วนต่างๆของร่างกายเธอ... ฉันเก็บดาบไว้ในฝักและตรวจดูร่างกายของฉันทุกส่วน

ทั้งไหล่ ต้นขา หน้าอก หน้าท้อง น่อง

ทุกบริเวณร่างกายสั่นเล็กน้อย แม้ว่าฉันจะพยายามป้องกันการโจมตี แต่พลังของการโจมตีแต่ละครั้งก็เกินขีดจำกัดของฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บได้

"เจ้าไหวไหม?"

“อย่างห่วงเลย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้แบบนี้”

"นั่นสินะ! สมกับที่เป็นนักรบมากประสบการณ์!”

ฉันนั่งลงบนต้นไม้ที่ล้ม

ชุดเกราะที่ฉีกขาดของฉันและเลือดแห้งกรังที่อยู่ภายในค่อยๆ สมานตัว ฉันรู้สึกว่ามีดวงตาหลายคู่จ้องมองฉันจากนอกพุ่มไม้ พวกเธอคงเป็นสมาชิกของปาร์ตี้ที่สาม พวกเธอจ้องมองมาที่ฉันด้วยความกลัวและความประหลาดใจผสมกัน พึมพำกันในหมู่พวกเขาเอง

“แล้วผลลัพธ์…”

การต่อสู้ได้ยุติลงก่อนสิ่งที่เลวร้ายจะเกิดขึ้น

ในจังหวะสุดท้าย เราคนใดคนหนึ่งอาจเสียชีวิตได้ ฉันพึ่งดาบอันทรงพลังเป็นอาวุธหลัก ในขณะที่คิชาช่าใช้กรงเล็บอันแหลมคมของเธอในการโจมตี หากการต่อสู้ดำเนินต่อไปอีกสักสิบวิ ร่างกายส่วนบนของฉันก็จะถูกฉีกกระชากและกระเด็นออกไป หรือไม่ศีรษะของคิชาช่าก็คงถูกตัดขาดกลิ้งไปกับพื้น

'แต่เป็นไปได้ที่ฉันน่าจะเป็นฝ่ายแพ้มากกว่า'

ฉันหัวเราะอย่างขมขื่น

แม้ว่าจะใช้ทักษะและประสบการณ์ของฉันอย่างเต็มที่ แต่ถ้าการต่อสู้ดำเนินต่อไป มันก็มีโอกาสสูงที่ฉันจะแพ้ ความสามารถของเรามีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด

'เธอมีรอยประทับที่พิเศษอยู่'

คิชาช่ามีบางสิ่งที่พิเศษที่ฉันไม่มี

โดยปกติแล้ว ฉันไม่สามารถรับรอยประทับได้ในระดับปัจจุบันของฉัน แต่เพราะว่าคิชาช่าเป็นโร่ระดับ 4 ดาว เธอจึงได้ครอบครองมันมาตั้งแต่เกิด เพื่อลดช่องว่างนั้น ฉันจำเป็นต้องสร้างรอยประทับของตัวเองขึ้นมา

'ไว้ทีหลังแล้วกัน'

ตอนนี้ฉันต้องไปที่ชั้นที่ 30 แล้ว

หลังจากเคลียร์พื้นที่เรียบร้อย ฉันก็ได้รับเชิญให้ไปยังที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์

ระหว่างการสนทนา ฉันได้เรียนรู้บางสิ่ง เรื่องแรก คิชาช่ารอที่จะเจอฉันหลังจากได้เห็นการต่อสู้ของฉันผ่านหินเวทย์มนตร์ อย่างที่สอง ทันทีที่ข่าวการมาถึงของฉันไปถึงพวกเธอ พวกเธอก็ส่งลาการีมาเพื่อเชิญฉันให้มาที่นี่

“นั่นเป็นคำเชิญเหรอ?”

ฉันหัวเราะในลำคอ

ลาการีเอาแต่ซ่อนตัวอย่างน่าสงสัย ดูแล้วมีแต่จะก่อปัญหารบกวนเท่านั้น

"ขอโทษที ลืมไปว่าลาการีไม่ชอบมนุษย์ เด็กคนนั้นสูญเสียพ่อแม่ไปเพราะน้ำมือของมนุษย์น่ะ”

“ดูเหมือนเธอจะทะเลาะกับเวคิสเหมือนกัน”

“เด็กนั้นเห็นว่าเขาแข็งแกร่งดีก็เลยสนใจ แม้ว่าเราจะไม่ชอบมนุษย์ แต่ก็ไม่ได้เกลียดผู้บริสุทธิ์เสียหน่อย หากรู้สึกขัดใจก็ขออภัยด้วย ช่วยบอกคนๆนั้นด้วยแล้วกัน แน่นอนว่าถ้ามีปัญหานัดสู้ได้เสมอ”

ฉันมองไปด้านข้าง

ในป่าทึบ มีเด็กผมดำตัวน้อยกำลังจ้องมองฉันอยู่

นั่นคือลาการี

'เธอดูจะไม่หยุดเกลียดฉันแหง'

ฉันไม่สามารถคาดหวังความร่วมมือจากพวกเธอได้เต็มร้อยหรอก แต่ดูแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องสร้างศัตรูเพิ่ม

อย่างน้อยพวกเขาก็มีประโยชน์ในภารกิจ ความจริงที่ว่าพวกเธอผ่านด่านมาถึงชั้นที่ 25 ก็เป็นหลักฐานยืนยันสิ่งนั้น

“พี่พามนุษย์กลับบ้านเรา ยัยพี่ทรยศ!”

ลาการีแลบลิ้นแล้ววิ่งออกไป

หญิงสาวอีกคนที่อยู่ใกล้ๆ ก็ติดตามเธอไปเช่นกัน

“ชอบเนื้อไหม? มีเหยื่อให้ล่าเยอะเลย เราเลยมีคลังเนื้อสดจำนวนมาก”

คิชาช่าเปิดห่ออาหารเธอออกมา

กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอบอวลไปทั่วอากาศขณะที่เธอหยิบเนื้อออกมา เธอหยิบชิ้นเนื้อที่ติดอยู่กับกระดูกและเริ่มเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย

“ไม่กินเหรอ?”

"พอดีไม่ค่อยหิว"

ฉันส่ายหัวไปมา

แม้ว่าภายนอกจะดูไม่แตกต่างจากมนุษย์มากนัก แต่ก็มีความแตกต่างอย่างชัดเจน

หลังกินเสร็จ เธอก็นอนลงตบท้องอย่างพอใจ และฉันก็เริ่มคุยกับคิชาช่า

หัวข้อที่จะคุยนั้นชัดเจน มันคือการขอความร่วมมือเพื่อการพิชิตหอคอยและทำให้ภารกิจผ่านไปอย่างราบรื่น และคิชาช่านั้นก็เห็นด้วยโดยไม่ลังเล

“ทำไมต้องพูดอะไรซ้ำๆ? เรามาที่นี่พร้อมกับสัญญาตั้งแต่เเรก”

“สัญญาอะไร”

"ใช่สัญญา ในยามที่บ้านเกิดของเราถูกกลืนหายไปในความมืดและหายไป...เราได้ยินเสียงหนึ่ง เสียงนั้นบอกว่ามันจะช่วยเราได้”

คิชาช่าเกาหัวที่ยุ่งๆของเธอ

“ข้าเลยยอมรับข้อเสนอ หลังจากนั้นข้าก็จำอะไรได้ไม่มากนัก และตั้งแต่นั้นมาข้าก็จำอะไรไม่ค่อยได้เลย แต่คนอื่นๆบอกว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงนั้น มันช่างแปลกจริงๆ”

มันคือจุดสิ้นสุดของโลกและเสียงลึกลับงั้นเหรอ?

มีสมมติฐานที่ฉันคิดไว้อยู่สองสามข้อ แต่ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาก็ยังไม่ชัดเจน ฉันเลยไม่ค่อยแน่ใจ

“แต่ยังไงก็เถอะ พวกเราจะช่วยปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จเอง ตอนแรกข้ารู้สึกผิดหวังเพราะมีแค่มนุษย์ธรรมดาๆ แต่ตอนนี้ข้าเห็นว่ามีนักรบที่เก่งกาจอยู่ในหมู่พวกเขา ค่อยโล่งใจหน่อย”

คิชาช่าเช็ดปากที่เลือดติดอยู่แล้วยิ้ม

จากนั้นจู่ๆ เธอก็หันไปมองอย่างเย็นชา

“นี่ๆเจ้านักรบ ไปบอกพวกมนุษย์ด้วยแล้วกัน หากพวกเขาไม่ได้รับคำเชิญ พวกเขาไม่ควรบุกรุกเข้ามาดินแดนของเรา ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับการสังเคราะห์หรือภารกิจ เราก็ไม่สนใจ แต่เราจะไม่ให้อภัยผู้บุกรุกเด็ดขาด”

“นี่คืออาณาเขตของเธอเหรอ?”

"ใช่ นายท่านสร้างมันขึ้นมา มันอาจจะไม่ดีเท่าบ้านเกิดของเรา แต่ก็ดีกว่าที่ซึ่งมีแต่กลิ่นโลหะ”

คิชาช่าปรับสีหน้าของเธออ่อนลง

“แต่ยกเว้นเจ้านะ เจ้าสามารถมาที่นี่ได้ตลอดเวลา นักรบผู้สังหารมังกร”

“ฉันแค่โชคดีเท่านั้น แต่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปหรอกนะ ถ้าไม่มีธุระ ฉันจะไม่มารบกวนหรอก”

ฉันลุกขึ้นจากที่นั่ง

"จะไปแล้วเหรอ?"

“ก็ฉันพูดธุระไปหมดแล้ว”

ตอนนี้สมาชิกของปาร์ตี้ที่หนึ่งคงจะกำลังฝึกที่สนามฝึกแล้ว เราไม่ได้ฝึกด้วยกันนาน เพราะงั้นจึงจำเป็นต้องกลับไปฝึกร่วมกัน นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องทำให้ปาร์ตี้กลับสู่สภาพเดิมด้วย

'ส่วนพวกนี้ไม่จำเป็นต้องออกมาฝึกด้วยหรอก'

สิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันทั้งหมดกระจุกตัวอยู่ในขนาดที่แห่งนี้ครบเเล้ว

ที่พัก สนามฝึกซ้อม ห้องอาหาร ที่พัก อุปนิสัยและวิถีการกินของเราแตกต่างกัน ยกเว้นทำภารกิจ พวกเขาคงจะไม่ออกมา แถมคำเตือนไม่ให้บุกรุกนั้นก็พอเข้าใจได้

“แล้วพบกันใหม่ในการต่อสู้ครั้งต่อไป นักรบ”

“ไว้เจอกัน”

ฉันหันกลับไป

ฉันออกจากที่พักของปาร์ตี้ที่สามทันที

'เผ่าพายุ'

เมื่อมีฮีโร่ใหม่ถูกอัญเชิญมา เวลาขึ้นหอคอยก็จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์และแผนแบบใหม่ต่างออกไป

ซึ่งก็ดี พวกเธอน่ะดูจะมีประโยชน์มากในการปีนหอคอย หัวหน้าปาร์ตี้อย่างคิชาช่านั้นมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น ถึงจะเป็นเพียงฮีโร่ระดับ 4 ดาวและสมาชิกคนอื่นๆ ก็น่าจะเป็นฮีโร่ระดับ 3 ดาว แต่มันดีตรงที่พวกเธอมีความตั้งใจที่จะร่วมมือในภารกิจกับเรา

ตราบใดที่ฉันไม่เข้าไปก้าวก่ายพวกเธอ เราก็คงสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ราบรื่นและเป็นมิตรเช่นนี้กันต่อไปได้...

0 0 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด