บทที่ 207: บันทึกชั้นที่ 25 (1-1)
บทที่ 207: บันทึกชั้นที่ 25 (1-1)
หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง
“วะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! นานแค่ไหนแล้วที่ข้าไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่สนุกและแข็งแกร่งแบบนี้? การมาที่นี่มันคุ้มค่านัก!”
คิชาช่าระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ทั้งที่ตอนนี้เลือดกำลังไหลออกมาจากส่วนต่างๆของร่างกายเธอ... ฉันเก็บดาบไว้ในฝักและตรวจดูร่างกายของฉันทุกส่วน
ทั้งไหล่ ต้นขา หน้าอก หน้าท้อง น่อง
ทุกบริเวณร่างกายสั่นเล็กน้อย แม้ว่าฉันจะพยายามป้องกันการโจมตี แต่พลังของการโจมตีแต่ละครั้งก็เกินขีดจำกัดของฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บได้
"เจ้าไหวไหม?"
“อย่างห่วงเลย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้แบบนี้”
"นั่นสินะ! สมกับที่เป็นนักรบมากประสบการณ์!”
ฉันนั่งลงบนต้นไม้ที่ล้ม
ชุดเกราะที่ฉีกขาดของฉันและเลือดแห้งกรังที่อยู่ภายในค่อยๆ สมานตัว ฉันรู้สึกว่ามีดวงตาหลายคู่จ้องมองฉันจากนอกพุ่มไม้ พวกเธอคงเป็นสมาชิกของปาร์ตี้ที่สาม พวกเธอจ้องมองมาที่ฉันด้วยความกลัวและความประหลาดใจผสมกัน พึมพำกันในหมู่พวกเขาเอง
“แล้วผลลัพธ์…”
การต่อสู้ได้ยุติลงก่อนสิ่งที่เลวร้ายจะเกิดขึ้น
ในจังหวะสุดท้าย เราคนใดคนหนึ่งอาจเสียชีวิตได้ ฉันพึ่งดาบอันทรงพลังเป็นอาวุธหลัก ในขณะที่คิชาช่าใช้กรงเล็บอันแหลมคมของเธอในการโจมตี หากการต่อสู้ดำเนินต่อไปอีกสักสิบวิ ร่างกายส่วนบนของฉันก็จะถูกฉีกกระชากและกระเด็นออกไป หรือไม่ศีรษะของคิชาช่าก็คงถูกตัดขาดกลิ้งไปกับพื้น
'แต่เป็นไปได้ที่ฉันน่าจะเป็นฝ่ายแพ้มากกว่า'
ฉันหัวเราะอย่างขมขื่น
แม้ว่าจะใช้ทักษะและประสบการณ์ของฉันอย่างเต็มที่ แต่ถ้าการต่อสู้ดำเนินต่อไป มันก็มีโอกาสสูงที่ฉันจะแพ้ ความสามารถของเรามีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
'เธอมีรอยประทับที่พิเศษอยู่'
คิชาช่ามีบางสิ่งที่พิเศษที่ฉันไม่มี
โดยปกติแล้ว ฉันไม่สามารถรับรอยประทับได้ในระดับปัจจุบันของฉัน แต่เพราะว่าคิชาช่าเป็นโร่ระดับ 4 ดาว เธอจึงได้ครอบครองมันมาตั้งแต่เกิด เพื่อลดช่องว่างนั้น ฉันจำเป็นต้องสร้างรอยประทับของตัวเองขึ้นมา
'ไว้ทีหลังแล้วกัน'
ตอนนี้ฉันต้องไปที่ชั้นที่ 30 แล้ว
หลังจากเคลียร์พื้นที่เรียบร้อย ฉันก็ได้รับเชิญให้ไปยังที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์
ระหว่างการสนทนา ฉันได้เรียนรู้บางสิ่ง เรื่องแรก คิชาช่ารอที่จะเจอฉันหลังจากได้เห็นการต่อสู้ของฉันผ่านหินเวทย์มนตร์ อย่างที่สอง ทันทีที่ข่าวการมาถึงของฉันไปถึงพวกเธอ พวกเธอก็ส่งลาการีมาเพื่อเชิญฉันให้มาที่นี่
“นั่นเป็นคำเชิญเหรอ?”
ฉันหัวเราะในลำคอ
ลาการีเอาแต่ซ่อนตัวอย่างน่าสงสัย ดูแล้วมีแต่จะก่อปัญหารบกวนเท่านั้น
"ขอโทษที ลืมไปว่าลาการีไม่ชอบมนุษย์ เด็กคนนั้นสูญเสียพ่อแม่ไปเพราะน้ำมือของมนุษย์น่ะ”
“ดูเหมือนเธอจะทะเลาะกับเวคิสเหมือนกัน”
“เด็กนั้นเห็นว่าเขาแข็งแกร่งดีก็เลยสนใจ แม้ว่าเราจะไม่ชอบมนุษย์ แต่ก็ไม่ได้เกลียดผู้บริสุทธิ์เสียหน่อย หากรู้สึกขัดใจก็ขออภัยด้วย ช่วยบอกคนๆนั้นด้วยแล้วกัน แน่นอนว่าถ้ามีปัญหานัดสู้ได้เสมอ”
ฉันมองไปด้านข้าง
ในป่าทึบ มีเด็กผมดำตัวน้อยกำลังจ้องมองฉันอยู่
นั่นคือลาการี
'เธอดูจะไม่หยุดเกลียดฉันแหง'
ฉันไม่สามารถคาดหวังความร่วมมือจากพวกเธอได้เต็มร้อยหรอก แต่ดูแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องสร้างศัตรูเพิ่ม
อย่างน้อยพวกเขาก็มีประโยชน์ในภารกิจ ความจริงที่ว่าพวกเธอผ่านด่านมาถึงชั้นที่ 25 ก็เป็นหลักฐานยืนยันสิ่งนั้น
“พี่พามนุษย์กลับบ้านเรา ยัยพี่ทรยศ!”
ลาการีแลบลิ้นแล้ววิ่งออกไป
หญิงสาวอีกคนที่อยู่ใกล้ๆ ก็ติดตามเธอไปเช่นกัน
“ชอบเนื้อไหม? มีเหยื่อให้ล่าเยอะเลย เราเลยมีคลังเนื้อสดจำนวนมาก”
คิชาช่าเปิดห่ออาหารเธอออกมา
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอบอวลไปทั่วอากาศขณะที่เธอหยิบเนื้อออกมา เธอหยิบชิ้นเนื้อที่ติดอยู่กับกระดูกและเริ่มเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“ไม่กินเหรอ?”
"พอดีไม่ค่อยหิว"
ฉันส่ายหัวไปมา
แม้ว่าภายนอกจะดูไม่แตกต่างจากมนุษย์มากนัก แต่ก็มีความแตกต่างอย่างชัดเจน
หลังกินเสร็จ เธอก็นอนลงตบท้องอย่างพอใจ และฉันก็เริ่มคุยกับคิชาช่า
หัวข้อที่จะคุยนั้นชัดเจน มันคือการขอความร่วมมือเพื่อการพิชิตหอคอยและทำให้ภารกิจผ่านไปอย่างราบรื่น และคิชาช่านั้นก็เห็นด้วยโดยไม่ลังเล
“ทำไมต้องพูดอะไรซ้ำๆ? เรามาที่นี่พร้อมกับสัญญาตั้งแต่เเรก”
“สัญญาอะไร”
"ใช่สัญญา ในยามที่บ้านเกิดของเราถูกกลืนหายไปในความมืดและหายไป...เราได้ยินเสียงหนึ่ง เสียงนั้นบอกว่ามันจะช่วยเราได้”
คิชาช่าเกาหัวที่ยุ่งๆของเธอ
“ข้าเลยยอมรับข้อเสนอ หลังจากนั้นข้าก็จำอะไรได้ไม่มากนัก และตั้งแต่นั้นมาข้าก็จำอะไรไม่ค่อยได้เลย แต่คนอื่นๆบอกว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงนั้น มันช่างแปลกจริงๆ”
มันคือจุดสิ้นสุดของโลกและเสียงลึกลับงั้นเหรอ?
มีสมมติฐานที่ฉันคิดไว้อยู่สองสามข้อ แต่ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาก็ยังไม่ชัดเจน ฉันเลยไม่ค่อยแน่ใจ
“แต่ยังไงก็เถอะ พวกเราจะช่วยปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จเอง ตอนแรกข้ารู้สึกผิดหวังเพราะมีแค่มนุษย์ธรรมดาๆ แต่ตอนนี้ข้าเห็นว่ามีนักรบที่เก่งกาจอยู่ในหมู่พวกเขา ค่อยโล่งใจหน่อย”
คิชาช่าเช็ดปากที่เลือดติดอยู่แล้วยิ้ม
จากนั้นจู่ๆ เธอก็หันไปมองอย่างเย็นชา
“นี่ๆเจ้านักรบ ไปบอกพวกมนุษย์ด้วยแล้วกัน หากพวกเขาไม่ได้รับคำเชิญ พวกเขาไม่ควรบุกรุกเข้ามาดินแดนของเรา ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับการสังเคราะห์หรือภารกิจ เราก็ไม่สนใจ แต่เราจะไม่ให้อภัยผู้บุกรุกเด็ดขาด”
“นี่คืออาณาเขตของเธอเหรอ?”
"ใช่ นายท่านสร้างมันขึ้นมา มันอาจจะไม่ดีเท่าบ้านเกิดของเรา แต่ก็ดีกว่าที่ซึ่งมีแต่กลิ่นโลหะ”
คิชาช่าปรับสีหน้าของเธออ่อนลง
“แต่ยกเว้นเจ้านะ เจ้าสามารถมาที่นี่ได้ตลอดเวลา นักรบผู้สังหารมังกร”
“ฉันแค่โชคดีเท่านั้น แต่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปหรอกนะ ถ้าไม่มีธุระ ฉันจะไม่มารบกวนหรอก”
ฉันลุกขึ้นจากที่นั่ง
"จะไปแล้วเหรอ?"
“ก็ฉันพูดธุระไปหมดแล้ว”
ตอนนี้สมาชิกของปาร์ตี้ที่หนึ่งคงจะกำลังฝึกที่สนามฝึกแล้ว เราไม่ได้ฝึกด้วยกันนาน เพราะงั้นจึงจำเป็นต้องกลับไปฝึกร่วมกัน นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องทำให้ปาร์ตี้กลับสู่สภาพเดิมด้วย
'ส่วนพวกนี้ไม่จำเป็นต้องออกมาฝึกด้วยหรอก'
สิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันทั้งหมดกระจุกตัวอยู่ในขนาดที่แห่งนี้ครบเเล้ว
ที่พัก สนามฝึกซ้อม ห้องอาหาร ที่พัก อุปนิสัยและวิถีการกินของเราแตกต่างกัน ยกเว้นทำภารกิจ พวกเขาคงจะไม่ออกมา แถมคำเตือนไม่ให้บุกรุกนั้นก็พอเข้าใจได้
“แล้วพบกันใหม่ในการต่อสู้ครั้งต่อไป นักรบ”
“ไว้เจอกัน”
ฉันหันกลับไป
ฉันออกจากที่พักของปาร์ตี้ที่สามทันที
'เผ่าพายุ'
เมื่อมีฮีโร่ใหม่ถูกอัญเชิญมา เวลาขึ้นหอคอยก็จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์และแผนแบบใหม่ต่างออกไป
ซึ่งก็ดี พวกเธอน่ะดูจะมีประโยชน์มากในการปีนหอคอย หัวหน้าปาร์ตี้อย่างคิชาช่านั้นมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น ถึงจะเป็นเพียงฮีโร่ระดับ 4 ดาวและสมาชิกคนอื่นๆ ก็น่าจะเป็นฮีโร่ระดับ 3 ดาว แต่มันดีตรงที่พวกเธอมีความตั้งใจที่จะร่วมมือในภารกิจกับเรา
ตราบใดที่ฉันไม่เข้าไปก้าวก่ายพวกเธอ เราก็คงสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ราบรื่นและเป็นมิตรเช่นนี้กันต่อไปได้...