บทที่ 204: มาสู้กัน (2-2)
บทที่ 204: มาสู้กัน (2-2)
เช้าวันรุ่งขึ้น
เมื่อฉันออกมาจากห้อง สมาชิกจากปาร์ตี้ที่ 1 ทั้งสี่คนก็มารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
เจนน่า ออลก้า เวคิส เนเรสซ่า จุดประสงค์ที่ทุกคนมารวมตัวกันนั้นง่ายมาก นั่นคือการทักทายและรายงานเหตุการณ์ล่าสุด ออลก้าบ่นว่าทำไมฉันถึงเมินเธอเมื่อวานนี้ แต่...
“ก็เธอหลับไปแล้ว”
“ไม่ ฉันไม่ได้หลับ...”
“แล้วเธอทำอะไรอยู่?”
“ก็นายหายไปเป็นเดือน ฉันก็เลยรอต้อนรับนายไง!”
“โอเค โอเค ฉันขอโทษแล้วกันที่ไม่ปลุกเธอ”
ฉันหัวเราะเบาๆ
หลังจากทักทายกับเนเรสซ่าแล้ว ฉันก็เริ่มพูดคุยในหัวข้อถัดไปทันที ออลก้าเสนอให้มีงานปาร์ตี้ต้อนรับเล็ก ๆ แต่ฉันปฏิเสธ ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาชิวหรือเล่นสนุกสักหน่อย
“นายนี้มันไม่ยอมเล่นสนุกอะไรเลยนะ ตรงดิ่งยังกับไม้บรรทัด”
“ฉันขอโทษด้วยแล้วกันถ้าฉันมันเป็นคนไม่ค่อยสนุก แต่ยังไงก็เถอะ ตอนที่ฉันไม่อยู่ พวกเธอคงสนุกกันมากใช่ไหมล่ะ? หลังจากว่างมาหนึ่งเดือน คงรู้สึกอยากขยับตัวมากแน่ๆ”
หากชั้นปัจจุบันคือชั้นที่ 25 เราคงจำเป็นต้องฝึกฝนให้หนักตามความยากของหอคอยเสียหน่อย
นอกจากนี้ เรายังจำเป็นต้องฟื้นฟูความเข้ากันของทีมด้วย เพราะเราไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้จริงๆ ด้วยกันมาสักพักแล้ว
“การฝึกน่าจะเริ่มในบ่ายวันนี้ เมื่อนายท่านเข้ามา…”
ครืง
พื้นใต้โต๊ะสั่นสะเทือน
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง มันก็เงียบลง เจนน่าถามขึ้นทันทีว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“หนูตัวน้อยโผล่มาแล้ว”
ฉันหัวเราะ
ตุ๊บ!
ฉันเตะใต้โต๊ะด้วยเท้าของฉัน
จุดนั้นยุบตัวลง และเศษไม้ก็กระจัดกระจายไปและโต๊ะไม้ขนาดใหญ่พลิกขึ้นไปในอากาศ
“ฉันโดนจับได้เเล้วเหรอ?”
“ถ้าจะซ่อน อย่างน้อยก็ซ่อนให้มันดีๆหน่อยสิ”
ในจุดที่เคยมีโต๊ะวางอยู่ มีเด็กคนหนึ่งนั่งยองๆ
เธอมีผมสีดำและสวมชุดเดรสชิ้นเดียวที่ทำจากหนังสัตว์ เธอน่าจะอายุประมาณสิบสองหรือสิบสาม แต่เธอยังเป็นเด็กอยู่
“ถ้าเห็นว่าข้าอยู่ที่นี่ จะแสร้งทำเป็นไม่เห็นเพื่ออะไรกัน!”
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ยืนขึ้น
“ข้ามีนามว่าลาการี วิคชาวี! ผู้ทรงเกียรติของเผ่าเกล ข้าแตกต่างจากพวกเจ้าที่สกปรกและเป็นแค่มนุษย์!”
เธอมีสีหน้าภาคภูมิใจ และจมูกของเธอก็เชิดขึ้นสูงเสียดฟ้า
“…”
พวกเราทั้งห้าคนไม่มีใครตอบอะไร
“ฮ่าๆๆ! ทำไมทุกคนกลัวจนพูดไม่ออกเลยใช่ไหม? แต่ก็รู้อยู่แล้วแหละ เพราะเข้าแตกต่างจากพวกมนุษย์เยี่ยงพวกเจ…อ๊าก!!”
กึก!
จู่ ๆ ลาการีก็ได้มาห้อยอยู่ในมือของฉัน
“ปะ ปล่อยข้านะ! พวกมนุษย์สกปรก!”
"นี่คืออะไร? ลิงเหรอ?”
“เธอเป็นสมาชิกของปาร์ตี้ที่สาม”
เนเรสซ่าตอบ
“นายท่านอัญเชิญมาเมื่อเดือนที่แล้ว”
"ฉันรู้ แต่มันค่อนข้างแตกต่างจากสิ่งที่ฉันคาดหวังไว้อยู่นะ”
“ปล่อยนะๆๆๆๆๆๆ!”
ลาการีกรีดร้องและดิ้นไปมา
ฉันคว้าคอเสื้อของเด็กน้อยแล้วเขย่าเธออย่างแรงเหมือนหุ่นเล็ก ๆ ร่างของลาการีก็แกว่งไปมา
“ขี้ขลาด…! เจ้าพวกมนุษย์น่ารังเกียจและสกปรก!”
“เธอต้องการอะไร?”
"นี่ๆๆ เจ้าเสียงดังเกินไปแล้วนะ! แล้วก็เจ้าเด็กน้อยที่อยู่ตรงนั้น! ไอ้เจ้าคนอ่อนแอที่ถูกพี่ข้าทุบเมื่อวันก่อนจงมาช่วยข้าเดี๋ยวนี้นะ!”
คิ้วของเวคิสกระตุก
มือของเขาเข้าใกล้ฝักดาบมากขึ้น เจนน่าหัวเราะเบาๆ
“เฮ้ อย่าใช้ดาบกับเด็กสิ…”
“แล้วไอ้เด็กคนนี้มันดูเหมือนไร้เดียงสาเหรอ?”
"หา? แต่ว่า…"
ฉันก้าวถอยหลังไป
ลาการีที่หลุดจากมือของฉัน วิ่งเข้ามาหาฉัน แล้วจึงทุบเก้าอี้ตรงหน้าฉันทันที
“เธอหลุดไปแล้ว”
ลาการีกางมือของเธอ
มือของเธอมีกรงเล็บที่ยาวและแหลมคม
"นั่นมันอะไร?"
“สมาชิกทั้งหมดของปาร์ตี้ที่สามเป็นพวกอสูร พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่หายากมาก ซึ่งอาศัยอยู่ทางตะวันออกไกลของจักรวรรดิ”
ลาการีแยกเขี้ยวของเธอ
“ฮึ่ม ปากมากน่ารำคาญเสียจริง คอยดูเถอะพวกเจ้า! ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าให้รอดเลยแม้แต่คนเดียว จะจัดการให้หมดเลย…”
ตุ๊บ!
ฝักดาบของเวคิสฟาดเข้าที่ด้านหลังศีรษะของลาการี
ลาการีทรุดตัวลงโดยไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้องออกมา
“ตัวเล็ก ๆ แต่เสียงดังแสบแก้วหูซะเหลือเกิน”
เวคิสพึมพำ
“วิธีคิดของพวกเขาแตกต่างจากเรา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ชอบมนุษย์ แต่สำหรับผม พวกเขาก็ดูไม่แตกต่างจากมนุษย์เท่าไหร่”
“เป็นเพราะพวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์อื่นแหละนะ”
ฉันมองลงไปที่ลาการี
'พายุที่พัดผ่านป่า'
เป็นชื่อของพันธมิตรที่ถูกสร้างขึ้นในการอัญเชิญมา
หมายความว่าทั้งสี่ รวมถึงลาการีล้วนเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน
'เผ่าพันธุ์อสูร'
คล้ายกับมนุษย์ แต่ก็แตกต่าง
ฉันคิดถึงตอนที่ฉันยังอยู่ข้างนอก ในบางครั้งเวลาอัญเชิญ สิ่งมีชีวิตที่มีเชื้อชาติแตกต่างจากมนุษย์ก็ปรากฏตัวขึ้น พวกเขามีลักษณะที่แตกต่างจากฮีโร่มนุษย์ทั่วไปเล็กน้อย
“เธอน่ารักจังเลยแฮะ”
เจนน่าจิ้มแก้มของลาการี
ลาการีมีแก้มแดงเหมือนมะเขือเทศ เป็นแก้มยุ้ยๆแบบเด็กทารก
“แต่ถ้าดูจากนิสัยแล้ว เธอดูเป็นเด็กที่แย่มากเลยนะ”
“แล้ววางแผนจะทำอะไรต่อไป? ปลุกเธอแล้วส่งเธอกลับห้องเหรอ?”
เจนน่าหันมาถามฉัน
“ฉันก็ไม่แน่ใจ”
ร่างกายของลาการีกระตุก ดูเหมือนว่าเธอคงกำลังจะตื่นในไม่ช้า
'ชักจะน่ารำคาญแล้วสิ'
ตามคำบอกเล่าของเวคิส ดูเหมือนว่าปาร์ตี้ที่สามจะไม่ให้ความร่วมมือกับเรา
แม้ว่าฝีมือของพวกเขาอาจเป็นประโยชน์ในการทำภารกิจรายบุคคล แต่การทำงานร่วมกันคงเป็นเรื่องยากแล้ว
“พวกเธออยู่ที่นี่แหละ ฉันจะลองคุยกับพวกเขาดูก่อน”
“หัวหน้าจะไปคนเดียวเหรอ?”
“นายจะมากับฉันทำไม? คิดจะไปสู้กันงั้นเหรอ?”
ฉันยกลาการีขึ้นด้วยมือเดียว
รู้สึกเหมือนเธอจะหนักประมาณ 30 กิโลกรัม แต่ฉันกลับยกร่างเธอเบามากเหมือนยกนุ่น
“ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ไปฝึกซ้อมหรือทำอะไรสักอย่างด้วยนะ”
“หัวหน้า จำสิ่งที่ผมบอกคุณเมื่อวานนี้ได้ไหม? เด็กคนนี้ไม่มีอะไรพิเศษเลย...แต่คนอื่น ๆ น่ะแตกต่างออกไป”
“ฉันจะจำเรื่องนั้นไว้”
ฉันเดินออกไปที่ทางเดิน โดยทิ้งสมาชิกปาร์ตี้ไว้ข้างหลัง
ที่ทางแยก ฉันได้พบกับใครบางคน
"ฮาน…!"
"เป็นไงบ้าง?"
คนที่อยู่ตรงนั้นคืออีดิส
“โทษทีนะที่ฉันไม่มีเวลาไปทักทายนายเลย พอดีช่วงนี้ฉันยุ่งนิดหน่อย”
อีดิสเหลือบมองลาคารีในมือของฉัน
“เด็กคนนั้น...”
“ฉันได้ยินมาว่าเธอรับมือได้ยาก เพราะงี้เองสินะ?”
“ขอโทษที ฉันพยายามเกลี้ยกล่อมเธอแล้ว แต่เธอไม่ยอมฟัง”
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบให้ความร่วมมือง่าย ๆ กับเราสินะ”
“ภารกิจของเราคือการออกไปปีนหอคอยก็จริง แต่ว่า…ฉันไม่เข้าใจพวกเขาเลยจริง ๆ ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้”
อีดิสส่ายหัว
“ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง ฉันขอไปจัดการเรื่องนี้ก่อน ไว้เจอกันนะ”
ฉันเดินต่อไป
เนื่องจากอีดิสมาจากทางเดินตรงกลาง ห้องพักของของปาร์ตี้ที่สามก็น่าจะทางนี้
เมื่อฉันเข้าใกล้กลางทางเดิน
"เฮือก!"
จู่ ๆ ลาการีก็ลืมตาขึ้น
ดวงตากลมโตของเธอจับจ้องมาที่ฉัน
“เจ้ามนุษย์ มนุษย์ขี้ขลาด…!”
"ตื่นแล้วเหรอ?"
ลาการีดิ้นอยู่ในมือของฉัน
ก่อนที่เธอจะยื่นกรงเล็บออกมา ฉันก็เอื้อมมือออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าและคว้าข้อมือของเธอไว้
“อ่ะ โอ้ยยยยยยยยยยๆๆๆๆ!”
“อย่าดิ้น ฉันอาจเผลอหักแขนของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้นะ”
“โอ้ย โอ้ย! มาทำเป็นพูดนั้นแบบนี้ แล้วทำเช่นนี้กับข้างั้นเหรอ…”
ฉันเหวี่ยงลาการีอย่างแรงโดยจับเสื้อผ้าของเธอไว้
ร่างกายของลาการีหมุนไปรอบๆเหมือนลูกข่าง หลังจากนั้นไม่นาน เสียงกรีดร้องของเธอก็เงียบลง
'แบบนี้สิดี ค่อยเงียบลงหน่อย'