นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 567 - ตามหาพัศดี!?
เดวิด!? เขามองคนทั้ง 3 อยู่แค่แวบเดียวเท่านั้น เพราะช่องทางเดินที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันดึงความสนใจไปทั้งหมด หางตายังเหลือบเห็นสีหน้าและแววตาที่เหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามแผนการที่วางเอาไว้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนายน้อยอลันอย่างชัดเจน มันทำให้คิ้วของเดวิดขมวดเข้ากันเล็กน้อยอย่างครุ่นคิดทันที
“ตอบฉันออกมาตามตรงเดี๋ยวนี้!? พวกแก 2 คนคิดจะรวมหัวทำอะไรกันแน่!? พวกแกรู้ข้อมูลอะไรมาแล้วไม่บอกไม่เตือนพวกเรา! แต่ปกปิดมันเอาไว้กับตัวเองอย่างนั้นใช่มั้ย!?” เสียงตวาดที่ดังขึ้นมาของอฮาลีขัดจังหวะความคิดของเดวิดลงอย่างฉับพลัน คิ้วของเขาขมวดแน่นเข้าไปกว่าเดิมอีก เจ้าบ้านี่มีปัญหาอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?
“ทำไมพวกแกถึงได้ถูกส่งตัวแยกกลุ่มออกจากพวกเราไปทุกครั้ง!? มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน ถ้าแยกจากกันเพียงครั้งเดียวอาจจะเป็นความผิดพลาดอะไรบางอย่าง ถ้า 2 ครั้งยังเรียกได้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ 4 ครั้งติดแบบนี้มันไม่ใช่แล้ว!! พวกแกคนใดคนหนึ่งต้องทำให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!!
หือ? ใช่แล้ว! พวกแกต้องเจอหรือมีสมบัติอะไรบางอย่างที่สามารถนำทางบังคับการเทเลพอร์ตส่งตัวในคุกแห่งนี้แน่! คงจะเลือกแต่ห้องขังง่าย ๆ เพื่อเข้าไปเก็บซากศพและสมบัติที่อยู่ในนั้นใช่มั้ย? นั่นคงเป็นเหตุผลที่แกไม่กล้าเอาของที่อยู่ในแหวนออกมาให้นายน้อยดู ฉันนึกเอาไว้แล้วเชียว! แกนี่มันไว้ใจไม่ได้เลยจริง ๆ
เอาของที่อยู่ในแหวนเก็บของออกมาให้หมดเดี๋ยวนี้! ไม่สิ! ส่งแหวนเก็บของของแกให้นายน้อยเลยดีกว่า แล้วรีบอ้อนวอนขอให้เขายกโทษในสิ่งที่แกทำลงไป ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยแกให้ลอยนวลไปแน่!!!”
เมื่อทนฟังทุกอย่างจนจบแบบครบถ้วนกระบวนความ เดวิดก็ได้แต่กระพริบตาถี่ เขาเงยหน้าขึ้นจ้องมองหน้าของอฮาลีแล้วส่ายหัวดิก ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ “ยอดเยี่ยม! จินตนาการของนายล้ำเลิศมากอฮาลี! ไม่คิดมาก่อนเลยว่านายจะเป็นคนที่ช่างฝันถึงขนาดนี้!”
“ฉันเห็นด้วย! และขอให้คำแนะนำบางอย่างกับนาย ดูเหมือนว่านายกำลังทิ้งพรสวรรค์ของตัวเองให้เปล่าประโยชน์อยู่นะ จินตนาการบรรเจิดแบบนี้ ทำไมถึงไม่ไปเขียนนิยายล่ะ มันน่าจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลย!” ธีล่าก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงชื่นชมเช่นกัน ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจสิ่งที่เดวิดต้องการจะสื่อได้เป็นอย่างดี
“อา! หรือว่าจะไปเป็นศิลปินก็ไม่เลวเลยนะ! แค่ปรับทักษะเล็กน้อย ความสามารถในการใส่ร้ายป้ายสีกับปั้นน้ำเป็นตัวของนายยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ถ้าไปเป็นช่างวาดรูปหรือช่างปั้น ผลงานที่ออกมาต้องโดดเด่นมีชื่อเสียงอย่างแน่นอน” เขาเสนอทางเลือกออกไปอีก 2 อย่าง เดวิดพูดออกไปด้วยน้ำเสียงและแววตาที่จริงจังเป็นอย่างยิ่ง
“แก!! เจ้าสาระเลวเอ้ย!!!” เสียงตวาดอันเกี้ยวกราดดังออกมาจากปากของอฮาลี ดาบยาวที่อยู่ในมือถูกชักออกมาจากฝัก แต่! นายน้อยอลันขยับวูบมายืนขวางหน้าเอาไว้ได้ทัน
“พอ! เลิกโต้เถียงกันได้แล้ว! แยกย้ายกันไปฟื้นฟูร่างกาย อย่าลืมสิว่าในตอนนี้พวกนายยังอยู่ในหน้าที่ งานสำรวจครั้งนี้ยังไม่ได้เสร็จสิ้นลง การทะเลาะกันก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่การลงไม้ลงมือกับสมาชิกในทีมถือว่าเป็นเรื่องที่ฉันยอมรับไม่ได้อย่างเด็ดขาด! เข้าใจมั้ยอฮาลี!?” แววตาที่จ้องมองหน้าชายหนุ่มผมบลอนด์นั้นดูแข็งกร้าวเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่านายน้อยอลันจะมีโทสะขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
และหลังจากที่อฮาลีเก็บดาบกลับเข้าฝักด้วยท่าทางฮึดฮัดเรียบร้อยแล้ว นายน้อยหนุ่มก็หันมาจ้องมองทั้งเดวิดและธีล่าด้วยสายตาที่เย็นชาเช่นกัน แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรกับพวกเขาทั้งคู่
“อฮาลี! พิษที่แขนเป็นยังไงบ้าง?”
“ยังอยู่ในการควบคุม แต่คงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะฟื้นตัวกลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ได้อีกครั้ง”
“พวกเราไม่มีเวลามากขนาดนั้น เอานี่ไปใช้! พยายามฟื้นตัวกลับคืนมาให้ได้เร็วที่สุด!” เมื่อกล่าวจบ นายน้อยอลันก็โยนขวดเซรั่มให้กับอฮาลีอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ก่อนที่จะแยกตัวออกไปหาที่ลงนั่งขัดสมาธิเพื่อฟื้นฟูร่างกายของตัวเองเช่นกัน
เดวิดมองตามหลังอฮาลีไปด้วยสายตาที่มีแววแห่งความอิจฉาอยู่เล็กน้อย เขารู้ดูว่าเซรั่มที่อยู่ในขวดเล็ก ๆ นั่นคือเซรั่มฟื้นฟูฉุกเฉินระดับสมบูรณ์แบบ พลังงานอันมหาศาลและสรรพคุณของเซรั่มระดับนี้ยังออกฤทธิ์ฟื้นฟูร่างกายของตัวเองได้อยู่เช่นกัน น่าเสียดายที่แม้ว่าจะมีคะแนนจีโนมากจนใช้ไม่หมด แต่เขาก็ไม่สามารถหาซื้อมันมากักตุนเอาไว้ได้เลย เดวิดไม่มีคอนเน็คชั่นเครือข่ายที่ทรงอำนาจทรงพลังมากพอที่จะทำอย่างนั้น
เดวิดหลับตาลงหลังจากเห็นเซรั่มขวดนั้นถูกกรอกลงไปในปากของอฮาลีจนหมดแล้ว ร่างกายของเขาต้องการฟื้นฟูอยู่เล็กน้อยเช่นกัน แน่นอนว่าสมาธิส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่กับการชักนำพลังงานให้หมุนเวียนไปทั่วร่างกาย แต่อยู่ที่ความคิดในสมองที่หมุนวนอยู่อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะเริ่มงวดลงไปทุกที แผนการที่ยืดหยุ่นและรอบคอบเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุด และเดวิดกำลังไล่เลียงข้อมูลทุกอย่างที่มีเพื่อใช้ในการเคลื่อนไหวขั้นต่อไปอยู่
เมื่อผ่านประตูใหญ่สีทองเข้ามา มันมีช่องทางเดินอยู่ด้านหลังประตูทั้งหมด 7 ช่องทางด้วยกัน เขาตั้งสมมติฐานว่ามันเป็นทางที่พาแยกไปยังแดนต่าง ๆ ของคุกขังเทพแห่งนี้ ซึ่งในตอนนี้ทีมที่ตัวเองร่วมขบวนมาอยู่ในแดนที่ 6 และทำการเคลียร์ห้องขังไปทั้งหมด 12 ห้อง ช่องทางเดินไปต่อได้ถูกเปิดตัวขึ้น! ไม่สิ! หลังจากที่แม่สาวธีล่าเคลียร์ห้องขังแรกได้แล้ว ประตูทางเข้าห้องขังระดับครึ่งเทพถึงได้ปรากฏออกมา ที่นี่มันเป็นคุก!? หรือว่าด่านทดสอบอะไรกันแน่?
เดวิดคิดว่าตัวเองรู้เงื่อนไขการถูกส่งตัวไปยังห้องขังต่าง ๆ เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปแล้ว เขากับธีล่ามีความแข็งแกร่งมากพอที่จะจัดการกับนักโทษที่อยู่ด้านในได้ตามลำพัง จึงได้ถูกส่งตัวเข้าไปในห้องขังแบบไม่มีเพื่อนร่วมทีม ในขณะที่การ์ดอฟ อฮาลี หรือแม้แต่นายน้อยอลันไม่ได้ทรงพลังมากขนาดนั้น พวกเขาถูกจับรวมกลุ่มอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีทางเลือกอื่น?
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมนายน้อยอลันถึงได้มุ่งหน้าผ่านประตูบานที่ 6 มาอย่างมั่นใจ รวมถึงเป้าหมายที่แท้จริงของการสำรวจคุกขังเทพแห่งนี้ของ 9 ตระกูลใหญ่ เดวิดยังไม่มีเบาะแสแม้แต่นิดเดียว แต่เขารู้อย่างหนึ่งว่า มันไม่ใช่การเข้ามาเพื่อเก็บสะสมซากศพระดับอาตมันและสมบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างแน่นอน
ต้องแยกตัวออกไป! นี่คือข้อสรุปที่เดวิดคิดขึ้นมาได้ การผูกตัวเองติดอยู่กับกลุ่มสำรวจแบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย มันรังแต่จะทำให้เสียเวลาเปล่าเท่านั้น และถ้าอาจารย์ของเขาติดอยู่ในนี้จริง ๆ ทิศทางที่นายน้อยอลันกำลังมุ่งไปไม่ใช่การตามหาช่วยเหลือคนแน่ เดวิดขมวดคิ้วแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มคิดหาวิธีหลบเลี่ยงออกไปอย่างไม่ให้ผิดสังเกตอย่างเคร่งเครียดและจริงจัง
เขามีเวลาคิดวางแผนอยู่นานพอสมควรเลยทีเดียว เพราะกว่าที่นายน้อยอลันจะขยับตัวลุกขึ้นและเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่กลางห้องโถงก็หลังจากที่ทุกคนได้พักฟื้นร่างกายไปแล้วกว่า 1 ชั่วโมง
“เดวิด! ธีล่า! สภาพร่างกายสมบูรณ์ดีแล้วใช่มั้ย?” นายน้อยหนุ่มเริ่มส่งคำถามออกมา
เดวิดและธีล่าพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ไม่มีปัญหา พร้อมออกเดินทางได้ทุกเมื่อ”
“อฮาลี! พิษในร่างกายสลายไปหมดหรือยัง การ์ดอฟล่ะ! นายพร้อมมั้ย” อลันหันไปถามสมาชิกอีก 2 คนในทีมต่อ และดูเหมือนว่าทุกคนจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดของตัวเองกันแล้ว โดยเฉพาะอฮาลีที่ดูจะมีพลังเต็มเปี่ยมจากการกินเซรั่มฟื้นฟูฉุกเฉินระดับสมบูรณ์แบบเข้าไป
“ดีมาก! เมื่อทุกคนพร้อมแล้วฉันก็จะบอกแผนการสำรวจขั้นต่อไปให้ฟัง เห็นช่องทางเดินที่เพิ่งเปิดออกมาหลังจากที่พวกเราจัดการเคลียร์ห้องขังทั้งหมดได้นั่นมั้ย? นั่นเป็นเส้นทางที่จะนำพวกเราไปสู่ห้องของพัศดี! หรือพูดง่าย ๆ ก็คือหัวหน้าของผู้คุมที่ดูแลห้องขังพวกนี้อยู่” สีหน้าของนายน้อยอลันขณะที่เอ่ยคำพูดออกมานั้นเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด สายตาที่จ้องมองไปยังลูกทีมแต่ละคนจริงจังและเคร่งขรึม
“จากข้อมูลที่ฉันได้รับมา ความแข็งแกร่งของพัศดีแต่ละคนคืออาตมันขั้นสมบูรณ์แบบ ดังนั้นต่อให้เขาเสียชีวิตไปเนิ่นนานแล้ว แต่ถ้ายังมีจิตใต้สำนึกหลงเหลืออยู่แม้แต่เพียงนิดเดียว นั่นหมายถึงพวกเราจะต้องเผชิญหน้ากับร่างกายที่มีระดับการป้องกันสูงที่สุดตั้งแต่เข้ามาในคุกขังเทพแห่งนี้ ในกรณีที่โชคร้าย พัศดีที่พวกเรากำลังจะเจอเหลือจิตใต้สำนึกที่เข้มข้น พลังในการโจมตีก็อาจจะสูงที่สุดด้วยเช่นกัน” นายน้อยหนุ่มหยุดคำพูดของตัวเองลงเล็กน้อย แหวนเก็บของที่มือของเขาเรืองแสงเรื่อขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่โซ่จำนวน 4 เส้นจะปรากฏตัวออกมากองอยู่กับพื้น
“แต่ไม่ต้องกังวลไป! ฉันได้เตรียมจัดการกับสถานการณ์แบบนี้เอาไว้แล้ว พวกนายแต่ละคนมาหยิบโซ่พวกนี้ไปถือไว้คนละเส้น มันเป็นโซ่ที่ครึ่งเทพที่แท้จริงเป็นคนจัดสร้างขึ้น มันสามารถใช้พันธนาการได้แม้แต่กระทั่งระดับครึ่งเทพด้วยกัน สิ่งที่พวกนายต้องทำคือการส่งพลังพันธุกรรมของตัวเองเข้าไปให้เต็มที่ หาจังหวะพันธนาการแขนขาทั้ง 4 ข้างของอีกฝ่ายเอาไว้ให้ได้! ส่วนเรื่องที่เหลือ ฉันจะเป็นคนจัดการเอง...”