ตอนที่ 37 พี่ชายช่างเจ้าเล่ห์
ในความเป็นจริง เย่อันผิงได้ยินชายชุดดำตะโกนเรียก แต่เขาก็ต้องยึดหลักการใครมาก่อนได้ก่อน เขาต้องนวดให้ลูกค้ารายแรกก่อน
หลังนวดเสร็จ เขาก็ล้างมือและออกไป
มันดูเหมือนไป่เยวี่ยซินจะคุยกับชายคนนั้นตลอดเวลา
ตอนเย่อันผิงเดินกลับไป เขาเห็นว่าสีหน้าของชายชุดดำดูไม่สู้ดีนักและสงสัยว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไร
พอเห็นเขาออกมา ไป่เยวี่ยซินก็รีบเดินมากระซิบ“อันผิง ชายคนนี้แปลกมาก เขาเข้ามาและถามว่าเรามีวิหคเพลิงขายไหม จากนั้น ข้าก็ถามเขาว่าวิหคเพลิงคืออะไร เขาบอกว่ามันคือชาชนิดหนึ่ง จากนั้น ข้าอยากให้เขาบอกว่าชานั่นคืออะไร..”
เย่อันผิงถอนหายใจ“พี่สาวไป่ ปกติท่านพูดมากขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ข้าไม่..ข้ากลัวว่าเขาจะหนีไป ข้าเลยมาคุยกับเขา”
“คือ มันก็สายแล้ว พี่สาวไป่ ท่านควรกลับสำนักได้แล้ว หลังนวดแขกรายนี้เสร็จ ข้าก็จะปิดร้าน”
“ข้าอยู่ค้างได้ไหม?”
“ไม่ได้”
“ทำไมละ?”
“คืนก่อนท่านนอนกอดข้าแน่น ข้านอนไม่หลับ”
เย่อันผิงตอบตรงๆ จากนั้นก็เมินนาง เชิญชายชุดดำเข้าห้องหลัง
ชายชุดดำแอบฟังอยู่ และหลังได้ยินคำว่า’กอดบนเตียง’ เขาก็คิดถึงเรื่องของการบ่มเพาะคู่ ขณะเดินตามเย่อันผิงไปข้างใน ความแปลกใจในดวงตาก็ไม่เคยหาย
แต่ นี่คือสิ่งที่เย่อันผิงตั้งใจให้เขาได้ยิน
เหนือสิ่งอื่นใด เขาต้องให้ข้อมูลชายคนนี้เกี่ยวกับการสอบเข้าและว่าจะเข้าดาวดำได้ยังไง ถ้าอีกฝ่ายถามเขาว่าได้ข้อมูลมายังไง เขาก็จะตอบได้ว่าไป่เยวี่ยซินบอกเขา มันจะไม่น่าสงสัย
หลังเข้าห้องข้างใน เย่อันผิงก็โบกมือ และล็อคประตูด้วยพลังปราณ จากนั้นก็แปะยันต์กันเสียงทำเองรอบห้องเพื่อแสดงความเป็นมืออาชีพ
ตอนชายชุดดำเห็น เขาก็พยักหน้าชมและถาม“สหายน้อย ศิษย์สายในของดาวดำนั่นเป็นใคร?”
“นางแค่สาวน้อยโง่ๆที่มาตกหลุมรักข้า”เย่อันผิงยักไหล่
“..สาวน้อยโง่ๆ..”เขาแปลกใจ“ข้าคิดว่านางอยู่ในอาณาจักรก่อตั้งรากฐานขั้นกลางและยังเป็นศิษย์สายในขั้นสูง ทำไมเจ้าถึง..”
“ข้าสามารถพึ่งพาหน้าตาข้าได้ ใครจะไม่ชอบหนุ่มหล่ออ่อนโยนกัน?”
“..”
“เจ้ามาที่นี่เพื่อรับข่าว?หรือเพื่อนินทาข้า?”
“เอ่อ สหายน้อย เจ้าได้เนื้อหาของการสอบหรือยัง?”
เย่อันผิงยิ้ม เชิญเขานั่ง จากนั้นก็ตรงเข้าประเด็น“วันก่อนเมื่อวานคือสอบเขียน เมื่อวานคือทดสอบกระบี่ และตอนนี้ จะเริ่มการทดสอบกายภาพ มันจะจัดขึ้นหกวันและจะจัดบนภูเขาด้านหลังสำนักดาวดำ ถ้าเจ้าอยากพาตัวนางไป นี่คือโอกาสดีสุด หลังจากนั้น จะเป็นการทดสอบส่วนตัวแล้ว”
“ช่วยให้รายละเอียดมากกว่านี้ได้ไหม?”
“พวกที่ผ่านการทดสอบกระบี่ทั้งหมดจะถูกมอบหมายให้เดินสองร้อยลี้ที่ตีนเขาหลังสำนักดาวดำผ่านสภาพแวดล้อมซับซ้อน มีภูเขา ป่า ยอดเขาหิมะ ทะเลทรายและสัตว์อสูรระดับต่ำ คนเหล่านั้นจะโดนริบกระบี่บินก่อนเข้า พวกเขาจะบินไม่ได้และจะไม่มีผู้อาวุโสสำนักคอยอยู่เฝ้าระหว่างนั้น”
“งั้น..”ชายคนนั้นพยักหน้า คิดสักพักและถามอีกครั้ง“ในเมื่อเจ้าบอกว่ามันเป็นโอกาสที่ดีสุด นั่นก็หมายความ่วาเจ้ามีทางช่วยให้เราเข้าภูเขาใช่ไหม?ผ่านกับดักป้องกันและศิษย์ลาดตระเวน?”
“เรา?”เย่อันผิงขมวดคิ้ว“เจ้ามีกี่คน?ระดับบ่มเพาะ?”
“มีก่อตั้งรากฐานขั้นต้นสองคน ก่อตั้งรากฐานขั้นกลางสองคน และก็ข้า ก่อตั้งรากฐานขั้นปลาย”เขาไม่ปิดบังอะไรและพูดตรงๆ“ข้าได้ยินว่าเฟิงหยูเตี๋ยล้มผู้บ่มเพาะก่อตั้งรากฐานขั้นกลางที่การทดสอบกระบี่ได้ง่ายๆ ข้าเลยไปหาสหาย ด้วยกลุ่มนี้ ไม่ว่านางจะมีพรสวรรค์แค่ไหน ก็ไม่มีทางหนีพ้น”
เย่อันผิงขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เดิมเขาวางแผนจะแสดงทางให้ชายคนนี้ แต่พอได้ยินคำพูดแสนมั่นใจ เขาก็เริ่มลังเล
มันไม่ใช่ว่าเขากังวลถึงความปลอดภัยของเฟิงหยูเตี๋ย แต่ถ้าคนเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่นาง น้องสาวเขาก็จะโดนด้วย เฟิงหยูเตี๋ยมีเลือดของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้นางจะแขนขาขาด นางก็งอกใหม่ได้ แต่น้องสาวเขาทำไม่ได้!
มันคงแย่ถ้าน้องสาวเขาบาดเจ็บ
หลังคิดสักพัก เขาก็พูด“ไม่ใช่ปัญหาที่จะส่งเจ้าเข้าไป แต่ถ้าอยากออกมา ต้องพาข้าไปด้วย”
“พาเจ้าไปกับเรา?”ชายนั้นขมวดคิ้วและรีบปฏิเสธ“เจ้าแค่หลอมลมปราณขั้นสาม และเป็นเจ้าของร้าน นั่นขัดต่อกฎ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า งั้น..”
เจ้าของ’ร้าน’ของสำนักเจ็ดมือสังหารไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานล่าค่าหัวและศิษย์ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยตัวตนและตำแหน่งของเจ้าของร้านถ้าโดนจับ ถ้าพวกเขาเผยตำแหน่งเจ้าของร้าน พวกเขาจะโดนลงโทษอย่างหนักตามกฎของสำนัก
นี่คือกฎของสำนักเจ็ดมือสังหาร เหนือสิ่งอื่นใด ข้อมูลคือสิ่งสำคัญสุดที่พวกเขาจะใช้ชีวิตและทำเงิน
เย่อันผิงยกมือหยุดเขา“ข้ารู้ ถ้าข้าตาย สำนักจะสอบถามเจ้า แค่คิดให้ดี เจ้าจะลอบเข้าสำนักดาวดำ ถ้าเจ้าล้มเหลว เจ้าจะตายอยู่ดี คิดใหม่..เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้ถ้าไม่มีข้านำทาง และต่อให้เจ้าเข้าไปได้ เจ้าก็หาเฟิงหยูเตี๋ยไม่เจอ มีคนเกือบหมื่นในภูเขาหลังของสำนักดาวดำ การหาคนหนึ่งท่ามกลางคนนับหมื่น มันเหมือนการงมเข็มในกองหญ้า”
ชายคนนั้นเงียบไป จากนั้นก็มองเย่อันผิงอย่างลังเลและเตือนเขา“เราไม่มีพลังพอจะเหลือไปคุ้มครองเจ้าหรอกนะ”
“ไม่ต้องห่วง ข้ามีวิธีปกป้องตัวเอง ถ้าเกิดอะไร ข้าอาจทิ้งพวกเจ้าและหนีไปก่อน”เย่อันผิงยิ้มและรินชา“ว่าแต่ ถ้าเรื่องนี้เสร็จ ข้าอยากได้ส่วนแบ่งสามส่วน”
“มากสุดสอง รางวัลสำหรับถุงมิติของปรมาจารย์มีค่าหมื่นหินปราณ และรางวัลสำหรับการจับเป็นเฟิงหยูเตี๋ยคือห้าพัน ซึ่งข้ายังต้องแบ่งกับอีกสี่”
เย่อันผิงเลิกคิ้วและถาม“ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่ามีหมื่นหินปราณเหรอ?ทำไมถึงมีเพิ่มอีกห้าพันได้?”
“ตอนบ่ายนี้ ค่าหัวใหม่ถูกประกาศภายในสำนักให้จับเป็นเฟิงหยูเตี่ย”เขาลังเล“เถ้าแก่น้อย ข้ามีคำขอที่อาจฟังดูสามหาว แต่ก็หวังว่าจะตกลง”
“ว่ามา”
“อีกสี่คนที่ข้าเรียกมาไม่รู้ว่าถุงมิติของปรมาจารย์สำนักพิษมารถูกเฟิงหยูเตี๋ยเอาไป พวกเขาจึงมาเพื่อล่าหัวนางเท่านั้น ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยข้าเก็บเป็นความลับ สำหรับเรื่องนี้ ข้าสามารถมอบหินปราณให้เจ้าเพิ่มได้อีกสองพันหลังเสร็จงาน”
เย่อันผิงพูดไม่ออกเล็กน้อย ชายคนนี้อยากฮุบรางวัลไว้ลับๆ
แต่ถ้าคำนวณแบบนี้ 2ส่วนของ 15000 บวกกับอีกสองพันก็จะเป็นห้าพัน
นี่ไม่ใช่จำนวนน้อย ถ้าเขามีห้าพัน เขาจะสามารถซื้อของอร่อยให้น้องสาวเขาได้เยอะและพานางไปซื้อเครื่องประดับของผู้หญิง
ตั้งแต่เด็ก หินปราณทั้งหมดของนางถูกใช้กับยา ตอนนี้ที่นางโต มันถึงเวลาที่นางจะมีของสวยๆจากพี่ชาย
เย่อันผิงเท้าคางและเริ่มคิด ไม่ใช่ว่าเรื่องรางวัลที่สมเหตุสมผล แต่คิดว่าจะได้เพิ่มยังไง
แม้ชายคนนี้จะบอกว่ากลุ่มของเขาต้องจับเฟิงหยูเตี๋ยได้แน่ เย่อันผิงก็ยังไม่อยากเชื่อ แต่ถ้ากลุ่มนี้เก่งจริง เขาจะต้องแทรกแซงเพื่อป้องกันคนเหล่านี้จากการทำร้ายน้องสาวเขา
ในอีกด้าน ถ้าชายคนนี้จับเฟิงหยูเตี๋ยไม่ได้ รางวัลของเขาก็จะหายไป
เรากำลังพูดถึงห้าพันหินปราณเชียวนะ!
ดูเหมือนว่าเขาต้องหาโอกาสคุยกับเฟิงหยูเตี๋ยลับๆเพื่อดูว่านางจะยอมให้ตัวเองโดนลักพาตัวได้ไหมเพื่อเขาจะได้เก็บรางวัลและจากนั้นก็ล่อคนของสำนักดาวดำไปฆ่าเจ็ดมือสังหาร
“อืม ตกลง”เย่อันผิงพยักหน้า.“เจ้าจะไปเลยไหม?”
“เราพร้อมแล้ว เหลือแค่เจ้า”
เย่อันผิงมองไปนอกหน้าต่างและเห็นว่ามันมืดแล้ว“งั้นก็ไปเลย มันดีกว่าที่จะเคลื่อนไหวยามวิกาล ข้าขอทราบชื่อเจ้าได้ไหม?”
“เหลียงจู้”เขาตอบและประสานมือ
“ผู้อาวุโสเหลียงก็สุภาพเกินไป”เย่อันผิงรีบประสานมือคารวะคืน และพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย“ข้าเจียงจื่อหยา”