ตอนที่ 36 กลยุทธ์ของพี่ชาย
หลังส่งคนไป เย่อันผิงก็กลับโถงและนอนบนเก้าอี้รับรอง ครุ่นคิดถึงสำนักเจ็ดมือสังหาร
ตอนนี้เขากำลังคิดหาทางบอกไป่เยวี่ยซินถึงเรื่องนี้ล่วงหน้าเพื่อให้นางกลับไปบอกผู้อาวุโสดาวดำให้ป้องกันชายคนนั้นจากการลักพาตัวเฟิงหยูเตี๋ย
แต่นี่คือทางออกชั่วคราวเท่านั้น
ต่อให้เขาจะหยุดชายในชุดดำได้ ก็จะมีชายคนอื่นมาพรุ่งนี้ และพรุ่งนี้ เหนือสิ่งอื่นใด รางวัลสำหรับถุงมิติของอู่โหยวสูงถึงหมื่นหินปราณ ค่าหัวเช่นนี้พอจะทำให้ผู้บ่มเพาะพเนจรหลายคนเสี่ยงชีวิตเพื่อมัน
เย่อันผิงไม่กังวลเกี่ยวกับเฟิงหยูเตี่ยมาก เหนือสิ่งอื่นใด นางคือตัวละหลักที่แบกรับเจตจำนงของสวรรค์ นางมีพลังและตอนนี้ก็ยังมีการคุ้มครองของดาวดำ ดังนั้น นางจะไม่ตาย
ความกังวลหลักของเขาคือคนของสำนักเจ็ดมือสังหาร ขณะไล่ตามนาง พวกเขาจะรู้ว่าถุงมิติของอู่โหยวไม่อยู่กับนาง จากนั้น พวกนั้นจะมาหาเขาเ พ่ยเหลียนเสวี่ยและสำนักร้อยดอกบัวแทน
ความวุ่นวายทั้งหมดนี้เกิดจากชิ้นส่วนของ’ตำราจันทร์ทมิฬ’
เขาก็แค่ตัวประกอบที่อยากได้รับชีวิตที่สงบสุขในโลกนี้กับน้องสาวแสนน่ารัก แต่มันดูเหมือนว่าตั้งแต่พวกเขาฆ่าอู่โหยว พวกเขาจะไม่สามารถหนีห่างจากโครงเรื่องหลักได้
“โอ้ย ปวดหัวชะมัด”!
เย่อันผิงนวดขมับ คิดสักพัก จากนั้นก็ตัดสินใจฉวยโอกาสนี้กำจัดสำนักเจ็ดมือสังหารในภูมิภาคตะวันตก
ยังไงซะ มันก็ไม่ใช่องค์กรดีๆ ในเกม มันแค่ภารกิจย่อยแสนน่ารำคาญ และรางวัลก็ไม่สูง
แต่จะทำลายมันยังไง?
เขาไม่มีทางฆ่าได้ นั่นเป็นการเคลื่อนไหวที่บ้าบิ่น เขาแค่ผู้บ่มเพาะหลอมลมปราณ และไม่มีต้นทุนจะไปทำแบบนั้น
นี่เป็นเรื่องของการใช้สมอง
ถ้าเขาจำไม่ผิด ผู้นำของสำนักเจ็ดมือสังหารในฝั่งตะวันตกควรเป็นผู้บ่มเพาะแก่นแท้ขั้นปลายที่มีอาวุธวิเศษมากมาย
ดังนั้น เพื่อให้มั่นใจว่าสำนักเจ็ดมือสังหารจะโดนทำลายแน่แท้ มันต้องใช้ผู้บ่มเพาะวิญญาณแรกก่อตั้งอย่างน้อยหนึ่งคน ผู้บ่มเพาะแก่นแท้สักสามคนและกลุ่มผู้บ่มเพาะก่อตั้งรากฐานหลายคน
“ดูเหมือนข้าต้องเล่นบทวายร้ายที่สร้างความแตกแยกระหว่างดาวดำและสำนักเจ็ดมือสังหาร อืม..”
เย่อันผิงลูบคาง ครุ่นคิดสักพักและไอเดียก็ผุดในหัว
มันควรเป็นเหมือนตอนเขาเตรียมการสิบปีเพื่อฆ่าอู่โหยว เขารีบนำป้ายไปแขวนบนประตู’ถ้ามา ให้ตะโกนเรียก’ จากนั้นก็ไปห้องนอนเพื่อวางแผนกำจัดสำนักเจ็ดมือสังหาร
แม้การทำลายจะฟังดูเป็นแผนใหญ่ แต่มีเพียงสองเป้าหมายเท่านั้นที่ต้องทำ
หนึ่ง จุดความโกรธของดาวดำที่มีต่อเจ็ดมือสังหาร
สอง ล่อคนของสำนักดาวดำไปหาผู้นำภูมิภาคของสำนักเจ็ดมือสังหาร
นี่คืองานกล้วยๆ หลังคิด เขาก็นำกระดาษและพู่กันออกมา วาดแผนที่สำนักดาวดำ และทำเครื่องหมายตำแหน่งสำคัญของกับดักป้องกัน
เวลาผ่านไปไวมากตอนเขาคิดกลยุทธ์
ไม่นานนัก ฟ้าก็มืด ไป่เยวี่ยซินกลับมา
หลังกลับไปสำนักพร้อมศิษย์พี่ ตามคาด นางโดนกลุ่มศิษย์ถามถึงเย่อันผิง
แม้ไป่เยวี่ยซินจะทำตามที่เย่อันผิงพูดและพยายามอธิบายว่านางกับเย่อันผิงไม่ได้มีความสัมพันธ์เช่นนั้น ข่าวลือก็ได้กระจายไปแล้ว มันยากจะดับ
หลังอธิบายไป สาวๆก็ไม่ถามอะไร แค่ยิ้มอย่างมีความหมายเพื่อแสดงความเข้าใจ
“นี่คือร้านที่คู่บ่มเพาะเจ้าเป็นเจ้าของใช่ไหม น้องไป่?”
“ศิษย์พี่ เขาไม่ใช่คู่บ่มเพาะข้า ข้าอธิบายไปแล้วนี่?”
ไป่เยวี่ยซินเถียงด้วยคิ้วขมวด แต่ศิษย์พี่ที่ถามแค่พยักหน้า และยิ้มให้“ก็ได้ ก็ได้ เรารู้แล้ว เจ้าแค่เพื่อนกัน ใช่ไหม?”
“..”
ไป่เยวี่ยซินรีบพาพวกเขาเข้าร้านและมองรอบๆสักพัก ตอนนางเห็นว่าเย่อันผิงไม่อยู่ นางก็ร้องเรียก“อันผิง เจ้าอยู่ข้างหลังหรือเปล่า?ข้าพาสหายมาสองคน”
“..”
“อันผิง..”
เย่อันผิงเดินมาจากด้านหลังและขัดนาง“พี่สาวไป่ ข้าแซ่เย่”
“ไม่เอาสิ..เจ้าจะมากพิธีทำไม?เราเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?ข้าแค่เรียกชื่อเจ้า”ไป่เยวี่ยซินยิ้มและส่งของขวัญให้“ไม่ต้องเรียกข้าว่าพี่สาวไป่แล้ว เรียกข้าว่าเยวี่ยซินเฉยๆก็ได้”
ด้านหลังไป่เยวี่ยซิน ศิษย์สองคนมองการพูดคุยของทั้งสอง ปิดปากและหัวเราะ
พอเห็นสีหน้าของทั้งสอง เย่อันผิงก็ถอนหายใจ ทักทายพวกเขาและพูด“พี่สาวไป่อธิบายเรื่องการบำบัดให้ฟังแล้วใช่ไหมขอรับ?ถ้าไม่ ข้าจะได้อธิบาย”
“เรามาที่นี่เพื่อลอง น้องไป่บอกว่ามันจะช่วยเรื่องการบ่มเพาะ และพี่เฉินก็ยังแนะนำให้เราที่การฝึกกระบี่วันนี้”
“งั้นก็เชิญเข้ามาข้างในเลยขอรับ อยากได้เครื่องมืออะไรไหมครับ?ข้ามีชาหลงจิ่งและ…”
“หลงจิ่งก็ได้”
“ข้าด้วย’
ทั้งสองขอชาและไป่เยวี่ยซินก็พลันพูดขึ้นก่อนเย่อันผิง“หลงจิ่งสองถ้วยใช่ไหม?ข้าทำให้เอง?”
เย่อันผิงมองนางและถาม“ทำไมท่านถึงจะทำมัน?”
“ข้าแค่อยากช่วย”
“ข้าไม่ได้จ้างท่านนะ”
ไป่เยวี่ยซินเบือนหน้าหนีและบ่น“ข้าแค่ช่วยเฉยๆ เจ้าควรจะดีใจสิ?ข้าไม่ได้อยากให้เจ้าจ่ายให้ข้า ก็แค่ชาถ้วยเดียว ข้าทำให้เอง เจ้าไปนวดให้ทั้งสองเถอะ..”
ด้วยเหตุนั้น ไป่เยวี่ยซินจึงวิ่งไปข้างหลังเพื่อต้มน้ำ
พอเห็นการกระทำของนาง เย่อันผิงก็รู้สึกเหมือนเขาโดนเล่น แต่หลังพิจารณาส่วนได้ส่วนเสีย เขาก็ยอม
แรงงานฟรี และพอถงเวลา ชายชุดดำจากสำนักเจ็ดมือสังหารจะมา และเขาก็ต้องใช้ตัวตนของนางในฐานะศิษย์สายในเพื่อแก้ปัญหา
เขายักไหล่ เชิญสหายทั้งสองที่ไป่เยวี่ยซินพามาเข้าห้องไป
ขณะที่กำลังนวดให้ทั้งสอง ชายในชุดดำก็มาตามสัญญา เขาเห็นป้ายบนประตู เขาจึงตะโกนเรียก
“เถ้าแก่!!!”
“มาแล้ว มาแล้ว!!!”ไป่เยวี่ยซินวิ่งออกมาจากห้องหลังตอนได้ยินว่ามีแขก
ตอนชายชุดดำเห็นคนที่มาสวมชุดของดาวดำ เขาก็สูดหายใจลึก เหนือสิ่งอื่นใด เขากำลังจะไปที่นั่นและสร้างปัญหาให้การสอบคัดเลือก พอเห็นไป่เยวี่ยซินในชุดนี้ มันก็เหมือนหนูเห็นแมว
แต่ไม่ช้าเขาก็สงบและถาม“เถ้าแก่น้อยอยู่ไหม?ข้ามาที่นี่ตอนบ่ายวันนี้”
“อา..เถ้าแก่น้อยกำลังนวดให้ลูกค้า โปรดรอสักครู่ ข้าจะนำชามาให้ท่านก่อน อยากได้หลงจิ่งหรือตันฉง?”
ชายคนนั้นตรวจสอบชุดของไป่เยวี่ยซินและแปลกใจที่เห็นว่านางคือศิษย์สายในจริงๆและควรเป็นศิษย์ในดาวดำมาหลายปีแล้วด้วย
หลังลังเลสักพัก เขาก็ถาม“ที่นี่มีวิหคเพลิงขายไหม?”
ไป่เยวี่ยซินสับสน“วิหคเพลิง?ไม่ใช่ว่านั่นคืออสูรเซียนที่คอยเฝ้าภพเหรอ?มันจะขายได้ไง”
“อา..”ชายชุดดำหัวเราะอย่างอึดอัด“ไม่ใช่อสูรเซียน ชาวิหคเพลิงนะ”
ไป่เยวี่ยซินเอียงหัว เครื่องหมายคำถามผุดเหนือหัว“ชาวิหคเพลิงเป็นชาแบบไหนกัน?”
“..ถ้าไม่มี ก็ช่างมัน ข้าขอหลงจิ่งแทน”
ไป่เยวี่ยซินมองเขาแปลกๆ จากนั้นก็ขมวดคิ้วและถาม“เจ้ามาที่นี่เพื่อทำกายภาพบำบัดหรือเปล่า?ถ้าไม่ เจ้าจะต้องจ่ายค่าชา ถ้วยละห้าสิบหินปราณ!”
“ห้าสิบ..”ชายชุดดำผงะ เขาใช้ชีวิตมาหลายปี และไม่เคยได้ยินว่าจะมีชาราคาแพงเช่นนี้ ด้วยรอยยิ้มอึดอัด เขาพยักหน้า“ใช่ ข้ามาที่นี่เพื่อกายภาพบำบัด..ตอนบ่าย ข้าได้มาทำข้อตกลงกับเถ้าแก่น้อยและจะทำมันตอนเย็น”
“เยี่ยม!งั้นรอก่อน!”