ตอนที่แล้ว1320 - วิหคมังกร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1322 - สุสานเซียน

1321 - วังใต้ดินแห่งภูเขาลู่ซาน


1321 - วังใต้ดินแห่งภูเขาลู่ซาน

เย่ฟ่านเข้าใจถึงตัวตนของเผ่าพันธุ์นี้อย่างถ่องแท้ บรรพชนของพวกเขาคือวิหคมังกรซึ่งดำรงเผ่าพันธุ์มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์เซี่ย คนเหล่านี้มีเลือดของเทพอสูรไหลเวียนอยู่ในร่างกาย

“ต้าเซี่ย วิหคมังกร...”

เขารู้สึกถึงบางอย่างแปลกๆ และนึกถึงราชวงศ์เซี่ยแห่งจงโจว ราชวงศ์เซี่ยทั้งสองแห่งมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่?

“วิหคมังกรที่เป็นบรรพชนของเจ้ามีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน?”

เย่ฟ่านหันกลับมาสอบถามกับผู้คนที่ยังรอดชีวิตของเผ่าพันธุ์วิหคมังกร

“ได้ยินมาว่าเป็นปราชญ์โบราณ พวกเราที่เป็นลูกหลานไม่เข้าใจขอบเขตนี้มากนัก” ชายชราในอาณาจักรสะพานวิญญาณตอบตามตรง

ความแข็งแกร่งของบรรพชนวิหคมังกรน่าทึ่งอย่างมาก เย่ฟ่าน ค่อนข้างประหลาดใจ เพราะในโลกใบนี้มีสิ่งมีชีวิตระดับปราชญ์เพียงน้อยนิดเท่านั้น

“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?” เย่ฟ่านถามอีกครั้ง

"พวกเราไม่ทราบ ในอดีตบรรพชนของข้าต่อสู้กับเก่อหง..."

เย่ฟ่านตกใจมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เก่อหง! หนึ่งในบุคคลที่น่าทึ่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของลัทธิเต๋า เขาเป็นมหาปุโรหิตแห่งราชวงศ์จิ้นตะวันออกและผู้แต่งคัมภีร์ “เป่าปู้จื่อ”

"เป่าปู้จื่อ" ซึ่งตกอยู่ในมือของมนุษย์กล่าวถึงความลับทั้งเก้า แม้ว่าเขาจะไม่ได้บอกว่าความลับเหล่านี้มีประโยชน์อะไร แต่ขอเพียงท่องมันออกมาก็จะทำให้ความชั่วร้ายทั้งปวงถูกปัดเป่าออกไป

ความลับทั้งเก้าประการนี้ประกอบด้วยคำว่า หลิน ซิง โต้ว เจ้อ เจี่ย เจิ้น หลิน ไจ้ เฉียน

เย่ฟ่านเป็นผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ยุคโบราณดังนั้นเขาจึงมีการศึกษาอักษรเหล่านี้มาบ้าง ตามที่เขาเข้าใจความลับทั้งลับเก้าประการนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากเก่อหง แต่พวกมันมีมาตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว

บรรพชนวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ยในฐานะปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ เขามีความสามารถมองผ่านดวงดาวโบราณทั้งหมดได้ อย่างไรก็ตามเขายังไม่อาจเอาชนะเก่อหงได้

ในเผ่าพันธุ์วิหคมังกรแห่งต้าเซี่ยยังมียอดฝีมือที่เป็นผู้อาวุโสของตระกูลอีกหลายคน เมื่อได้รับการสอบถามจากเย่ฟ่านพวกเขาก็ยินยอมเปิดเผยความลับอันยิ่งใหญ่ออกมา

บรรพชนของพวกเขายังไม่ตายแต่ถูกเก่อหงปิดผนึกไว้ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่รู้ว่าสถานที่ที่ถูกปิดผนึกนั้นอยู่ที่ไหน รู้เพียงว่ามันอยู่ในโลกใบนี้อย่างแน่นอน

เก่อหงเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะในประวัติศาสตร์ของลัทธิเต๋าที่โลกยกย่องตลอดยุคสมัย

ในโลกมนุษย์นั้นมีผู้คนจำนวนน้อยมากที่ถูกยกย่องว่าเป็นเซียน แต่เก่อหงคือหนึ่งในนั้นซึ่งเพียงพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขามีความยิ่งใหญ่มากเพียงใด

เก่อหงอาศัยอยู่อย่างสันโดษบนภูเขาลู่ซาน เขาเป็นหนึ่งในผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่อดีตและปัจจุบันอย่างแน่นอน ทักษะการฝึกพลังปราณของเขามีชื่อเสียงเลื่องลือตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน

ก่อนหน้านี้เย่ฟ่านคิดว่ามันเป็นเพียงตำนานโบราณที่ไม่สามารถหาความจริงได้ แต่ตอนนี้ความคิดของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแล้ว

เย่ฟ่านไม่ได้ทำให้ตระกูลวิหคมังกรอับอายมากเกินไป เขาเพียงสอบถามถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเก้าความลับเท่านั้น เมื่อรู้ว่าเก้าความลับนี้มีความเกี่ยวข้องกับเก้าญาณวิเศษลึกลับเย่ฟ่านก็มีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก

ในความคิดเขา เผ่าพันธุ์วิหคมังกรนี้เพียงอาศัยอยู่ในเส้นเลือดมังกรที่กำลังแห้งเหือดเท่านั้น บรรพชนที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบันก็อยู่เพียงแค่อาณาจักรสี่สุดขั้ว ซึ่งไม่เพียงพอจะทำอะไรได้

เมื่อเขามาถึงที่นี่ในคราแรก เขาขวมดคิ้วสงสัย มังกรสีม่วงนั้นอ่อนแอมาก ปราณสีม่วงใต้ดินก็เหลือไม่มากแล้ว เกรงว่าหลังจากผ่านไปอีกหลายสิบปีสถานที่แห่งนี้คงเป็นเพียงดินแดนอันแห้งแล้งแห่งหนึ่ง

เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คาดคำนวณได้ สาเหตุหลักก็เพราะเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้ตายไปแล้ว นั่นทำให้โลกกำลังดำเนินไปถึงจุดจบ หลังจากผ่านไปอีกไม่กี่ร้อยปีเกรงว่าในโลกใบนี้คงไม่มีใครสามารถบ่มเพาะได้อีก

เย่ฟ่านมุ่งหน้าสู่ลู่ซานด้วยรถยนต์ เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะรวบรวมเก้าญาณวิเศษลึกลับทั้งหมดเข้าด้วยกัน หากเขาทำสำเร็จมันจะช่วยยกระดับความแข็งแกร่งของเขาขึ้นสู่ขอบเขตใหม่อย่างแน่นอน

หลายคนรู้จักภูเขาลู่ซานจากบทกวีนิรันดร์ของหลี่ไป๋ บทกวีนี้ได้ชื่อว่าเป็นบทกวีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ผู้คนรู้จักเขียนตัวอักษรขึ้นมา

เย่ฟ่านนิ่งเงียบ สัมผัสได้ถึงความอ้างว้าง เขารู้สึกว่าเส้นเลือดมังกรของภูเขาอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ก็กำลังแห้งเหือดเช่นกัน

ทันที่ที่ลงจากรถเย่ฟ่านรู้สึกตกใจเล็กน้อย ในถ้ำโบราณบนยอดเขามีจิตสังหารเข้มข้นแผ่ออกมาอยู่ตลอดเวลา หากเป็นผู้บ่มเพาะระดับต่ำเผชิญหน้ากับจิตสังหารนี้พวกเขาอาจไม่มีความกล้าที่จะขยับตัวด้วยซ้ำ

แม้ว่าเสี่ยวซงจะมีนิสัยเรียบร้อย แต่มันก็ฝึกฝนตัวเองจนมาถึงขอบเขตสะพานวิญญาณแล้ว แต่เมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้แม้แต่ตัวมันก็ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้

เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าด้วยความกระตือรือร้น เขาต้องการดูว่ามีค่ายกลชนิดใดที่สามารถบรรจุจิตสังหารอันแข็งแกร่งแบบนี้ไว้ได้

ถ้ำที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นลึกมาก เขาเดินเข้าไปข้างในและเห็นทางแยกมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ภายในถ้ำโบราณ หากเป็นคนธรรมดาถ้าไม่มีคนนำทางพวกเขายากจะมองหาทางออกได้

ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งพวกเขาเดินลึกเข้าไปเท่าใดก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

“ภูเขาลู่ซานแทบจะไม่มีปราณมังกรหลงเหลืออยู่แล้ว เห็นได้ว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้ามันก็จะกลายเป็นเพียงดินแดนแห่งความตาย แล้วคนที่ตั้งค่ายกลอยู่ที่นี่มีความปรารถนาอะไรกันแน่?”

เย่ฟ่านเดินลึกลงไปในถ้ำและรำพึงรำพันด้วยความสงสัย

หลังจากติดตามจิตสังหารอันชั่วร้ายลึกเข้าไปไม่กี่ลี้เขาก็มองเห็นพระราชวังใต้ดินขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความแห้งแล้ง พระราชวังใต้ดินที่กว้างใหญ่นั้นเงียบสงบ เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครมาถึงสถานที่แห่งนี้มาหลายร้อยปีแล้ว

ในที่สุด เย่ฟ่านก็มาถึงส่วนลึกของพระราชวังใต้ดินที่เป็นใจกลางของภูเขาลู่ซาน เปลวไฟที่กำลังลุกโชนไม่มีชีวิตชีวา ด้านหน้ามีแท่บูชาขนาดใหญ่ที่ถูกโซ่เหล็กตรึงอยู่

สถานที่แห่งนี้คือจุดศูนย์กลางแห่งจิตสังหารที่แผ่ออกไปด้านนอก กล่าวกันตามตรงต่อให้เป็นปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังยากที่จะเข้ามาที่นี่ได้

หากไม่ใช่ว่าเย่ฟ่านแข็งแกร่งมากกว่าเซียนเทียมขั้นสามเขาคงไม่มีโอกาสเข้ามาที่นี่

เสี่ยวซงคว้าเสื้อของเย่ฟ่านด้วยความประหม่า ดวงตากลมโตกลอกไปรอบๆ

เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว ในที่สุดเขาก็เห็นได้ว่ามีอะไรอยู่แท่นบูชาที่ปลายสุดของพระราวังใต้ดิน เมื่อเห็นสิ่งนี้สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง

ภายในแท่นบูชานั้นมีโซ่สีดำสนิทวางอยู่ โซ่เส้นนี้คล้ายกับผูกมัดวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของผู้คนนับพันนับหมื่นอยู่ภายใน และทำให้ความเครียดแค้นของผู้คนที่ถูกจับตัวไว้แผงออกมาข้างนอก

เย่ฟ่านก้าวเข้าไปอย่างช้าๆและสังเกตอย่างระมัดระวัง ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าที่ปลายโซ่นั้นผูกมัดชายคนหนึ่งไว้ ร่างของเขาผอมแห้งเหลือเพียงผิวหนังหุ้มกระดูกแทบไม่มีเลือดเนื้อแม้แต่น้อย ผมเผ้าของเขาดูยุ่งเหยิงและไม่สามารถสัมผัสพลังชีวิตได้

ดวงตาเย่ฟ่านเป็นประกาย เขารู้ดีว่านี่จะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเซียนอย่างแน่นอน บางทีเขาอาจจะเป็นบรรพชนของเผ่าวิหคมังกร

เขาถูกกักขังอยู่ที่นี่ เพียงแค่พลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายอันแห้งเหี่ยวของเขาก็ทำให้เย่ฟ่านเกิดความหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุดแล้ว

แต่น่าเสียดายที่ชายคนนี้น่าจะถูกขังอยู่ที่นี่มาหลายพันปี พลังชีวิตของเขาแห้งเหือดไปแล้ว และร่องรอยของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็หายสาบสูญไปด้วย

ดูเหมือนว่าเขาจะถูกปิดผนึกไว้ที่นี่เพราะคู่ต่อสู้ไม่อาจสังหารเขาได้ ดังนั้นอีกฝ่ายจึงทำได้เพียงปล่อยให้พลังชีวิตของเขาร่อยหรอลงไปทุกวัน

เย่ฟ่านไม่ได้เข้าใกล้มากนัก เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตายแล้วหรือยังหากเขาเดินเข้าไปใกล้และถูกทำร้ายอย่างไร้สาระคงเป็นเรื่องน่าหัวเราะอย่างยิ่ง

“เอ๊ะ!”

เย่ฟ่านตกใจ เมื่อเขายืนอยู่แล้วมองจากบนลงล่าง เขาเห็นรูปแกะสลักหินบนแท่นบูชาที่มีลักษณะจำเพาะเจาะจงอย่างมาก

“นี่คือ…”

เขาเปิดตาที่สามแล้วเห็นว่ามันดูเหมือนมุมหนึ่งของแผนที่ภูมิประเทศ มันซับซ้อนมากแต่อยากจะมองออกว่ามันเป็นสถานที่ใดกันแน่

สิ่งที่เขาตกใจมากที่สุดคือเวลาของภาพนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว มันเทียบไม่ได้กับอายุของโซ่เหล็กและแท่นบูชาซึ่งถูกสร้างมานานนับหมื่นปี

เย่ฟ่านมองอย่างระมัดระวัง เขาประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ นี่คือภาพของร่างกาย ซึ่งประกอบด้วยแขนขา ศีรษะ ที่ถูกแยกออกจากกัน ไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่าร่างกายที่ถูกจับแยกนั้นจะต้องเป็นของชายคนที่ถูกมัดอยู่ตรงนี้อย่างแน่นอน

“คนผู้นี้คือใคร เขาถูกขังอยู่ที่นี่มาแล้วอย่างน้อยก็ห้าพันปี แล้วภาพนี้ปรากฏขึ้นได้อย่างไร…”

………..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด