ตอนที่แล้วบทที่ 18.1 ความเป็นต้นแบบแท้จริงในนิยายออนไลน์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 19 จินตนาการอันทรงพลังเกินกว่าคุณจะจินตนาการได้

บทที่ 18.2 ความเป็นต้นแบบแท้จริงในนิยายออนไลน์


บทที่ 18.2 ความเป็นต้นแบบแท้จริงในนิยายออนไลน์

5 – วิธีการทำ การสร้างสรรค์บางส่วน

ในหัวข้อที่แล้วเราได้พูดคุยกันถึงความแตกต่างระหว่าง การสร้างสรรค์บางส่วน และ การสร้างสรรค์เทียม หลังจากนั้น เราจะเขียนเรื่องด้วยการสร้างสรรค์บางส่วนได้อย่างไร? เราจะได้ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ได้ที่ไหน?

ที่จริงแล้วมันง่ายทีเดียว เมื่อเรารู้สึกว่าคิดอะไรใหม่ไม่ค่อยออก เราก็แค่ใช้วิธีการปรับเปลี่ยนทุกอย่างที่เราสามารถจะคิดได้ ในเฉพาะส่วนที่เราต้องการแก้ไข

เริ่มแรก เราควรเลือกนิยายเรื่องที่เราต้องการใช้เป็นต้นแบบให้เรื่องใหม่ของเรา หลังจากนั้นเลือกปัจจัยเฉพาะด้านจากในเรื่อง แล้วพยายามปรับเปลี่ยนทุกสิ่งในส่วนนั้นเท่าที่คุณสามารถนึกขึ้นมาได้ หลังจากนั้น ใช้วิธีการแทนที่ นำความคิดใหม่นี้ใส่ลงไปในแนวเรื่องเดิมแล้วดูว่า มันกลายเป็นความสร้างสรรค์บางส่วนหรือความสร้างสรรค์เทียม ขั้นสุดท้าย เลือกปัจจัยปรับเปลี่ยนที่ดีที่สุด หรือยกเลิกการปรับส่วนนั้นแล้วไปดูส่วนอื่นที่ต้องการปรับและวิเคราะห์ต่อไปแทน

เราลองมาดูตัวอย่างกัน

โลหะ ไม้ น้ำ ไฟ และดิน คือธาตุทั้งห้าของชาวตะวันออกที่ผู้คนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ในนิยายแฟนตาซีตะวันออกจำนวนมาก จะฝึกฝนวิชาศิลปะการต่อสู้กับธาตุต่างๆ ที่พวกเขาผูกพันด้วย การกำหนดคุณลักษณะแบบนี้ค่อนข้างใช้กันโดยทั่วไปเลยทีเดียว เมื่อหัวข้อหลักของเรื่องเป็นลักษณะนี้ แล้วจะใส่ตัวแปรการเติมเต็มให้ชีวิตแบบไหนดี?

ความคิดที่ง่ายที่สุดคือให้มีธาตุทั้งห้า และกำหนดให้คนส่วนมากในโลกสามารถมีฝีมือผูกกับธาตุแค่ชนิดเดียว อาจมีบุคคลที่ทรงพลังบางคนที่สามารถฝึกวิชาผูกกับสองธาตุได้ แต่อย่างไรก็ตาม มีเพียงคนเดียวเท่านั้น คือตัวละครหลักของคุณที่สามารถฝึกฝนวิชาผูกกับธาตุทั้งหมดห้าชนิดได้ นี่จะทำให้เขามีความได้เปรียบมหาศาล ไม่เพียงแค่เขาจะสามารถฝึกฝนวิชาได้เร็วขึ้นเป็นห้าเท่าของคนอื่นเท่านั้น เขาสามารถตอบโต้คู่ต่อสู้ที่มีฝีมือผูกกับธาตุใดก็ได้ อีกทั้งยังใช้พลังของเขาได้หลายรูปแบบ มากเท่าที่นักเขียนจะคิดขึ้นมาได้

แน่นอนว่าความสามารถควบคุมธาตุทั้งห้าได้นี่เป็นแค่ตัวแปรการเติมเต็มให้ชีวิตเท่านั้น ถ้าอย่างนั้น หากกำหนดให้ไม่มีความสามารถในการควบคุมธาตุใดๆ เลย? ตัวละครหลักไม่มีความผูกพันกับธาตุใดเลย และเขาเป็นพวกคนไร้ประโยชน์ คุณสามารถเขียนไปในแนวจากอ่อนแอไปเป็นแข็งแกร่งได้ ซึ่งจะให้ความรู้สึกของการเติมเต็มให้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง สำหรับเรื่องการทำอย่างไรให้ตัวละครหลักแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต นั่นก็ขึ้นอยู่กับคุณในฐานะนักเขียน ว่าจะต้องการให้เรื่องดำเนินไปในแบบไหน? ตัวอย่างเช่น เนื่องจากตัวละครไม่มีความสามารถผูกพันกับธาตุพลังได้ ดังนั้นจึงเขียนให้เขามีพลังเทพแทน เมื่อตัวละครหลักเกิดการบาดเจ็บจากศัตรูครั้งหนึ่ง เขาได้ค้นพบว่า เขามีความสามารถติดต่อสื่อสารโดยตรงกับสวรรค์ และใช้พลังจากวิญญาณในโลก...

นอกจากการมีพลังธาตุทั้งห้า หรือไม่มีเลย แล้วถ้าหากให้มีแค่สี่ธาตุล่ะ? บางทีคุณอาจจะเขียนให้คนฝึกวิชาทุกคนในโลกต้องมีพลังธาตุทั้งห้าเพื่อความสมดุลที่จะทำให้พลังฝีมือเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ตัวละครหลักบังเอิญมีแค่พลังจากสี่ธาตุ และขาดไปหนึ่งธาตุ ทำให้ขาดความสมดุลของพลังธาตุทั้งสี่ของเขา และพลังโจมตีอ่อนแออย่างสิ้นเชิง คนรอบข้างจึงเชื่อว่าเขากลายเป็นคนไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดว่า กฎธรรมชาติของสวรรค์และโลกคือการทำให้พลังธาตุทั้งห้ามีความสมดุลตลอดกาล ดังนั้นเมื่อตัวละครหลักบังคับตนเองให้ฝึกฝนวิชากับธาตุทั้งสี่อย่างหนัก สวรรค์จึงประทานพลังธาตุที่ห้าให้ตัวละครหลักด้วยพลังจิตวิญญาณบริสุทธิ์ วิธีนี้ก็ใช้ได้ดีมาก และเมื่อตัวละครหลักได้เรียนรู้เรื่องความสามารถพิเศษที่เพิ่มขึ้น เขาก็สามารถหลุดพ้นจากความเป็นคนไร้ประโยชน์...

หากว่าสี่ธาตุใช้ได้ ถ้างั้นลองสองธาตุจากห้าธาตุจะได้ไหม? คุณอาจกำหนดคุณลักษณะคล้ายกันว่า นักสู้ทั่วไปในโลกต้องมีพลังสมดุลของธาตุทั้งห้าเป็นพื้นฐาน แต่ตัวละครหลักมีแค่สองธาตุ คือพลังน้ำกับไฟ ซึ่งเป็นธาตุตรงข้ามกัน ทำให้คนอื่นๆ มองว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างเคย อย่างไรก็ตาม ตัวละครหลักเริ่มค้นพบอย่างช้าๆ ภายหลังว่าพลังที่เขาควบคุมได้ไม่เชิงเป็นน้ำและไฟ แต่เป็นพลังใดๆ ที่ตรงข้ามกันต่างหาก ซึ่งเราสามารถอธิบายให้ละเอียดได้ว่า ตัวละครหลักคิดว่ามันคือพลังหยินและหยาง...

ด้วยแนวคิดคล้ายกันนี้ คุณสามารถเขียนให้ตัวละครหลักมีสามธาตุจากห้าธาตุ ขาดธาตุน้ำและไฟ แต่ด้วยความบังเอิญ เขาสามารถใช้พลังหยินหยางทดแทนสองธาตุที่ขาดไป...

พูดถึงเรื่องหยินและหยาง เราสามารถหยิบมาใช้ได้ง่ายเช่นกัน คุณจำเป็นต้องติดอยู่กับธาตุทั้งห้าหรือ? ถ้าคุณให้ตัวละครหลักมีธาตุที่หกล่ะ? คุณสามารถเขียนให้ธาตุที่หกเป็นแสงสว่าง ความมืด หยิน หยาง ความวุ่นวาย ช่องว่าง การทำลายล้าง... คุณสามารถออกแบบให้มันเป็นธาตุที่หกที่พิเศษกว่าธาตุอื่น หรือแม้กระทั่งเพิ่มอีกธาตุหนึ่งก็ยังได้ อย่างเช่น ธาตุที่หกคือหยิน ในขณะที่โลหะ ไฟ น้ำ ไม้ และดิน ผสมกันกลายเป็นหยาง...

ตัวอย่างข้างต้นทั้งหมดเป็นการปรับเปลี่ยนจำนวนจากระบบธาตุทั้งห้า แต่แน่นอนว่าคุณสามารถสร้างสรรค์ไปกว้างไกลได้ตามที่คุณต้องการในการสร้างตัวแปรการเติมเต็มให้ชีวิตนี้ มากกว่าจำนวนตัวเลข

ตัวอย่างเช่น ในขณะที่คนอื่นๆ มีพลังผูกพันกับความตาย และบางทีจำเป็นต้องมีพรสวรรค์พร้อมทั้งต้องทุ่มเทฝึกหนักอย่างยาวนาน เพื่อที่จะขึ้นถึงระดับนักบุญ แต่ตัวละครหลักขึ้นถึงระดับนักบุญได้ตั้งแต่ต้นด้วยความบังเอิญ...

ตัวละครหลักมีพลังผูกพันกับชิ้นส่วนธาตุที่ไร้ประสิทธิภาพ แต่เขาได้พบกับวัตถุโบราณที่เป็นชิ้นส่วนประกอบธาตุที่เขาครอบครองอยู่ เมื่อนำมาประกอบกัน ทำให้กลายเป็นธาตุผูกพันอันทรงพลัง เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าวัตถุลึกลับที่เขาครอบครองอยู่ จะเป็นแหล่งพลังพื้นฐานของสวรรค์และโลก...

ตัวละครหลักจับสัตว์เลี้ยงประหลาดธาตุไฟได้ ในขณะที่เขาบังเอิญขาดพลังธาตุไฟ...

ตัวละครหลักคือนักฟิสิกส์สมัยใหม่ที่ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของเขา เช่นรู้ว่าหน้าที่ของออกซิเจนคือการสันดาป แล้วเอาไปใช้กับพลังธาตุผูกพันของเขาอย่างมีประสิทธิภาพมาก เพื่อเพิ่มพลังให้ตนเอง...

ตัวละครหลักใช้พลังธาตุทั้งห้าเพื่อสร้างระบบตัวเลขฐานห้า และสร้างส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ติดตั้งไว้ภายในตัวเขา ช่วยเพิ่มความสามารถในการคำนวณเทคนิค ฝีมือ และยึดครองโลก...

ตัวละครหลักเกิดอุบัติเหตุพลัดหลงเข้าไปในความผันผวนของอีกมิติหนึ่งที่มีความวุ่นวายมากเกี่ยวกับพลังธาตุผูกพันต่างๆ และพบกับความลำบากมากในการร่ายพลัง แม้แต่พลังง่ายๆ เขาก็ใช้ออกมาไม่ได้ แต่ในสภาพแวดล้อมอย่างนั้น เขาสามารถเอาชีวิตอยู่รอดได้ถึงหนึ่งร้อยปี ในตอนนี้ตัวละครหลักครอบครองพลังในการควบคุมธาตุทั้งห้าได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด หลังจากกลับมายังโลกปกติ พลังเวทมนตร์ของพวกศัตรูกลายเป็นอ่อนแอมากในสายตาเขา แม้สุดยอดพลังเวทมนตร์ที่พุ่งเข้ามาทำร้าย เขาสามารถตอบโต้กลับได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ร่ายเวทมนตร์ระดับต่ำส่งไปที่จุดอ่อนของศัตรู...

ตัวละครหลักมีธาตุไฟเป็นพลังธาตุผูกพัน แต่มีธาตุน้ำเป็นพลังเปลือกนอกไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ซึ่งทำให้เขาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นนักสู้พลังธาตุน้ำ ดังนั้นเขาจึงฝึกวิชาธาตุน้ำแทน และฝีมือพัฒนาไปช้ามาก แต่อย่างไรก็ตาม นี่คือสถานการณ์ที่ผิดปกติและไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยๆ และช่วยให้เขาพัฒนาพลังธาตุน้ำเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันเขาก็ดูด้อยพลังอย่างน่าสมเพช...

ตัวละครหลักคือคนที่มีพลังผูกพันธาตุไฟกลับชาติมาเกิด...

จอมยุทธ์คนหนึ่งข้ามมิติจากโลกมาสู่อีกโลกหนึ่ง และค้นพบว่าผู้คนที่นั่นไม่มีความรู้เรื่องการใช้ธาตุไฟ นอกจากการผสมผสานพลังแบบลองผิดลองถูก ซึ่งพลังโจมตีที่ได้จะต่ำมาก และทำให้พลังพวกเขาอ่อนแอลง...

ตัวละครหลักข้ามมิติมาอีกโลกหนึ่งและค้นพบว่า แม้ผู้คนรู้วิธีการใช้ธาตุไฟ แต่พวกเขารู้แค่การใช้พลังธาตุทีละชนิดต่อการใช้พลังโจมตีหนึ่งครั้ง โดยไม่มีความรู้เรื่องการใช้พลังหลายธาตุพร้อมกัน...

หลังจากที่คุณได้อ่านตัวอย่างข้างต้นหลายตัวอย่างแล้ว หลายคนน่าจะเริ่มเข้าใจเป็นรูปเป็นร่างแล้ว การกำหนดคุณลักษณะของเรื่องหลากหลายให้เป็นรากฐาน เราสามารถใช้วิธีการแทนที่เฉพาะส่วนเพื่อตรวจดูว่าสิ่งที่เราเปลี่ยนลงไปคล้ายเรื่องต้นแบบเกินไปหรือเป็นการสร้างสรรค์เทียม ในขณะที่การปรับเปลี่ยนบางแบบอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องอย่างมาก

คัดเอากลุ่มคุณลักษณะที่เป็นการสร้างสรรค์เทียมทิ้งไป และวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของคุณลักษณะที่เหลือทั้งหมดว่า มีไอเดียไหนที่สร้างตัวแปรการเติมเต็มให้ชีวิตเข้ากับพล็อตเรื่องที่คุณจะพัฒนาต่อไปได้ พิจารณาดูว่าไอเดียเหล่านี้จะเหมาะกับสภาพเหตุการณ์ที่คุณคิดไว้หรือไม่ หลังจากที่คุณวิเคราะห์มันต่อไป คุณจะพบว่ามันยังมีส่วนประกอบในไอเดียเหล่านั้นที่ยังตัดทิ้งไปได้อีก ในที่สุดจะเหลือตัวเลือกที่ดีที่สุดกลุ่มหนึ่ง คุณจะเลือกไอเดียไหนไปใช้ก็ได้ อันที่คิดว่าคุณจะเขียนมันได้ดีที่สุด และนั่นก็เป็นอันจบกระบวนการสร้างสรรค์เรื่องสำหรับการเขียนนิยายของคุณ

ถ้ามีนักเขียนบางคนที่มีจินตนาการสูงมาก สามารถคิดสิ่งที่จะปรับเปลี่ยนเรื่องได้เป็นสิบหรือร้อยเท่าของรายการตัวอย่างข้างต้น? การคัดเลือกจากไอเดียกองมหึมาขนาดนั้นจะไม่ยุ่งยากมากขึ้นหรือ? แล้วนักเขียนจะทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนั้น

มันง่ายทีเดียว อย่าคัดเลือกทุกไอเดีย แค่ใช้วิธีทำคล้ายกับตัวอย่างก่อนหน้า เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณมีตัวเลือกไอเดียมากพอแล้ว ให้หยุดสร้างไอเดียปรับเปลี่ยนใหม่ๆ ไม่จำเป็นต้องคิดให้มากเกินจำเป็นและพยายามทำให้สมบูรณ์แบบ เพราะถ้าพูดกันตามจริง เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้มันสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว

และถ้านักเขียนบางคนบอกว่า พวกเขาไม่เก่งในการระดมความคิด ไม่เก่งในความคิดสร้างสรรค์ ทำให้พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะสร้างรายการได้แบบตัวอย่างข้างต้น แม้แต่ไอเดียสองสามอย่างก็ถูกตัดทิ้งจนหมดไม่เหลือที่ใช้ได้เลย พวกเขาจะทำอย่างไรในสถานการณ์อย่างนี้?

ที่จริงแล้วปัญหานี้ก็แก้ง่ายเช่นกัน ถ้าคุณไปต่อทางนี้ไม่ได้ อย่างนั้นก็ไปทางอื่น

ถ้าคุณไม่สามารถสร้างไอเดียให้กับธาตุทั้งห้าได้ ลองคิดจากด้านตัวแปรความได้เปรียบก็ยังได้ ยกตัวอย่าง คุณอาจเขียนให้คุณปู่คนหนึ่งได้เข้าไปเจอขุมสมบัติต้องห้ามและจบลงด้วยความตาย และกลับมาเกิดใหม่ ซึ่งทำให้เขาเกิดมีความพลังลึกลับขึ้นมา

หากคุณยังคิดไม่ออกว่าจะใช้ประโยชน์อะไรจากตัวแปรความได้เปรียบได้ พยายามหาทางจากองค์ประกอบอื่นต่อไป เช่น บุคลิกของตัวละครหลัก ถ้าคุณเปลี่ยนเขาหรือเธอจากขี้โกงและเลวร้าย เป็นซื่อตรงและเมตตา หรือเปลี่ยนตัวละครหลักจากกล้าหาญและประมาท เป็นขี้ขลาดและระวังตัว นั่นจะช่วยให้เรื่องเกิดภาพลักษณ์ใหม่ขึ้นไหม?

ถ้าที่กล่าวมาก่อนหน้าไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา คุณอาจลองเปลี่ยนภูมิหลังของตัวละครหลัก ลูกนอกสมรสของตระกูลขุนนาง คนเดินดินธรรมดา เป็นลูกหลานครอบครัวที่มีชื่อเสียง เป็นอมตะในมิติของคนธรรมดา ลูกครึ่งมนุษย์และปีศาจ... การเปลี่ยนภูมิหลังของสิ่งต่างๆ ในเรื่อง จะไม่ช่วยให้คุณได้พล็อตที่ต่างออกไปหรอกหรือ?

หากปรับเปลี่ยนที่ตัวละครแล้วยังไม่ดี คุณลองเปลี่ยนโลกในเรื่อง จากโลกมนุษย์ไปเป็นโลกอื่น โลกแห่งเวทมนตร์ โลกที่เทคโนโลยีสูงส่ง ยุคโบราณ หรือเมืองยุคอนาคต...

ถ้าในที่สุดแล้วการปรับเปลี่ยนแค่องค์ประกอบเดียวยังไม่พอ ลองเปลี่ยนหลายองค์ประกอบพร้อมกัน เพื่อให้มันส่งเสริมเรื่องไปด้วยกัน? หลังจากนั้นแล้ว สภาพเหตุการณ์แบบไหนที่คุณจะสร้างขึ้นได้

ยกตัวอย่างเช่น คิดถึงปัจจัยและตัวแปรต่างๆ และปรับเปลี่ยนมันทั้งหมด ผสมตัวแปรต่างๆ ที่ปรับเปลี่ยนลงไปกับแบบสภาพเหตุการณ์ที่คุณคิดไว้ แล้วลองคัดกรองโดยการตัดทิ้งไปทีละอย่าง นักเขียนมืออาชีพเชื่อว่า ด้วยวิธีนี้คุณจะค้นพบเรื่องที่เป็นต้นแบบแท้จริงได้อย่างแน่นอน สุดท้ายแล้ว กับองค์ประกอบมากมายที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ การผสมผสานปัจจัยทุกอย่างเข้าด้วยกัน ทำให้มีศักยภาพความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด

ในบางกรณี บางคนอาจกล่าวว่าพวกเขามีความคิดสร้างสรรค์จำกัด และในหัวของเขาว่างเปล่าเพราะคิดอะไรไม่ออก พวกเขาจะทำอะไรได้บ้างในสถานการณ์เช่นนั้น?

ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็คงไม่มีวิธีไหนที่ช่วยคุณได้แล้ว ตัวคุณเท่านั้นที่จะช่วยคุณได้ เพราะสถานการณ์นี้หมายถึงว่า คุณอ่านหนังสือนิยายน้อยเกินไป

เหมือนอย่างที่สุภาษิตกล่าวว่า ยิ่งเรารู้มากขึ้นเท่าไร เรายิ่งตระหนักว่าเรารู้น้อยนิดจริงๆ การอ่านหนังสือให้มากขึ้นเท่านั้น จะช่วยให้เรามีพื้นฐานที่ดีกว่า ในการคิดหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ เพื่อการเขียนนิยายของคุณ

ตัวอย่างเช่น มันจะง่ายทีเดียวที่จะเกิดไอเดียเรื่องการเดินทางข้ามมิติให้นิยายราชวงศ์หมิง หลังจากได้อ่านนิยายเกี่ยวกับการเดินทางข้ามมิติของราชวงศ์ซ่ง อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณไม่เคยอ่านนิยายเกี่ยวกับการเดินทางข้ามมิติมาก่อน มันเป็นการยากมากที่จะคิดเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางข้ามมิติขึ้นมาได้

ดังนั้น เพื่อสรุปการวิเคราะห์ของเรา เราจะพบว่า นอกจากการใช้วิธีต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นเพื่อใช้ในการสร้างความเป็นต้นแบบแท้จริง ปัจจัยพื้นฐานที่สุดคือจำนวนหนังสือนิยายที่คุณได้เคยอ่านมาก่อนหน้านี้

ตราบใดที่คุณได้อ่านหนังสือมามากพอสมควร และรู้วิธีที่ใช้มันได้ถูกต้อง มันจะช่วยให้คุณเขียนนวนิยายที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ แม้ว่าคุณจะไม่สามารถคิดเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์จนน่าตื่นตะลึงชนิดที่ไม่เคยมีใครเขียนมาก่อนเลย คุณพร้อมจะสร้างงานที่มีความเป็นต้นแบบแท้จริงบางส่วนแล้วใช่ไหม?

.................................................................................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด