บทที่ 1041 (162) ทำไมเป็นเขา? (ตอนฟรี)
บทที่ 1041 (162) ทำไมเป็นเขา?
“นอกจากนั้นยังมีพวกดาราอีก แม้จะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีจำนวนไม่มาก แต่ก็เป็นกลุ่มของคนมีเงิน ตราบใดที่มันช่วยให้พวกเขาดูดีได้ ลดน้ำหนักได้ พวกเขาก็ยินดีที่จะจ่าย ไม่ว่ามันจะแพงแค่ไหน มันไม่ทำให้ขนหน้าแข้งของพวกเขาร่วงได้ง่ายๆหรอก!”
ต้วนเผิงกล่าวต่อไปว่า “อ้อ! มีนักร้องดังอยู่คนหนึ่ง เป็นนักร้องเพลงคลาสสิก เธอร้องเพลงให้ผู้คนรักตัวเอง แล้วเพลงนี้ก็ดังไปทั่วโลก แต่ตัวเธอเองกลับลดน้ำหนักด้วยวิธีผิดๆ จนท้ายที่สุด เธอก็ขาดสารอาหารจนตาย! มีเงินมากมาย แต่กลับไม่มีชีวิตไว้ใช้มัน... ดูเอาแล้วกันว่าพวกฝรั่งมันบ้ากันขนาดไหน!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย อันที่จริง เขารู้มานานแล้วว่าพื้นที่ตลาดของต่างประเทศนั้นมีมากพอที่จะให้ผงลดน้ำหนักคังหยวนของเขาได้ไปโลดแล่น ก็อย่างที่ต้วนเผิงว่า ในต่างประเทศเต็มไปด้วยคนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน โดยเฉพาะในบางประเทศ และประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างอเมริกาก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีคนอ้วนอยู่เป็นจำนวนมาก
หากคังหยวนสลิมมิ่งสามารถเข้าสู่ตลาดของประเทศเหล่านั้นได้ ยอดขายคงพุ่งสูงจนทะลุเพดานอย่างแน่นอน!
“ฉันพอจะรู้จักสรรพคุณของคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์อยู่บ้าง สุดท้ายแล้วเจ้ายาลดน้ำหนักตัวนี้ก็โด่งดังมากในจีน!”
ต้วนเผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อันที่จริง ฉันคิดว่าคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกทำขึ้นมาสำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากเกินไปหน่อย ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนในประเทศจีนนั้นมีอยู่มาก.. ดังนั้นฉันเลยคิดว่าผลิตภัณฑ์บางอย่างควรจะแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะเพิ่มสารสกัดพิเศษซักชนิดหนึ่งแล้วเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ นี่จะทำให้เราสามารถอัพราคาได้อีกหลายเท่า.. ถึงจะแปลกแต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่ถ้าสินค้ายิ่งมีราคาแพงมากเท่าไหร่ คนรวยๆก็ยิ่งกระตือรือร้นที่จะซื้อมันมากขึ้นเท่านั้น!”
จี้เฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แน่นอนว่าเขาได้พิจารณาถึงปัญหานี้แล้ว มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างคนรวยในประเทศจีนและคนรวยในประเทศอื่นๆ
ที่ประเทศจีนซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเขา ตราบใดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเศรษฐีมีอันจะกิน การซื้อของของพวกเขาจะซื้อแต่ของแพง ไม่แม้แต่จะเหลียวแลของราคาถูก พวกเขาจะมุ่งตรงไปที่โซนสินค้าราคาแพงทันทีเมื่อไปห้างสรรพสินค้า
ดังนั้นแม้ว่าสินค้าของคุณจะมีคุณภาพสูงจริงๆ แต่มีราคาถูก ตราบใดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสินค้าราคาถูก คนรวยเหล่านั้นจะไม่ซื้อ เพราะพวกเขาไม่แม้แต่จะมองดู แล้วพวกเขาจะซื้อได้อย่างไร?
จี้เฟิงเคยคิดเรื่องนี้ไว้ในตอนแรก แต่สิ่งที่ต้องทำมากที่สุดในเวลานั้นคือการกระจายตลาดไปทั่วประเทศและสร้างชื่อเสียงของเขา สำหรับปัญหาของเส้นทางระดับไฮเอนด์จี้เฟิงยังคงพิจารณาอยู่และยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ
ตอนนี้จี้เฟิงไม่คิดที่จะอธิบายสถานการณ์เหล่านี้ให้ต้วนเผิงฟัง ในเมื่อต้วนเผิงต้องการที่จะแสดงความคิดเห็นของเขา จี้เฟิงจึงตั้งใจรับฟัง อีกทั้งเขายังสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อดูว่าต้วนเผิงมีความรู้ความสามารถจริงๆหรือไม่ และจากการวิเคราะห์ของเขา เขายังสามารถมองเห็นถึงความคิดและวิสัยทัศน์ของต้วนเผิงได้อีกด้วย
ดังนั้นจี้เฟิงจึงยิ้มและพูดว่า “เหล่าต้วน... ในความคิดเห็นของคุณ คุณคิดว่าเราควรทำอย่างไรเพื่อให้ได้เงินมากที่สุด?”
ต้วนเผิงรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที แน่นอนเขารู้ว่าแท้จริงแล้วผู้ที่เป็นเจ้าของเถิงเฟยกรุ๊ปก็คือจี้เฟิง และในเมื่อชายหนุ่มอย่างจี้เฟิงสามารถตั้งกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ ก็ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยเลยว่าชายหนุ่มคนนี้คือบุคคลที่มีวิสัยทัศน์และความสามารถจริงๆ! และนอกเหนือจากนั้น รอบๆตัวเขาจะต้องมีบุคลากรมากความสามารถอย่างแน่นอน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เคยคำนึงถึงปัญหาด้านการพัฒนาตลาด
ดังนั้นเหตุผลที่จี้เฟิงถามคำถามนี้จึงเป็นไปได้สูงว่าจี้เฟิงกำลังพิสูจน์ความสามารถของเขา!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ต้วนเผิงก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ การแสดงออกของเขาในครั้งนี้อาจเป็นตัวกำหนดว่าจี้เฟิงจะร่วมมือกับเขาหรือไม่และอย่างไรในอนาคต
นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากอย่างแน่นอน และต้วนเผิงก็ไม่ต้องการที่จะพลาดมัน!
ต้วนเผิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันยังไม่รู้ถึงรายละเอียดมากนักเกี่ยวกับสถานการณ์เฉพาะ ดังนั้นฉันจะกล่าวถึงบทสรุปอย่างสั้นๆตามความคิดเห็นส่วนตัวของฉันก็แล้วกัน”
“ไม่มีปัญหา พูดสิ่งที่คุณคิดมาได้เลยครับ!” จี้เฟิงยิ้ม
ต้วนเผิงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “ในความคิดของฉัน คังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ในตอนนี้น่าจะแพร่กระจายไปทั่วประเทศแล้ว ดังนั้นสิ่งต่อไปที่จะต้องทำคือเปลี่ยนชื่อของผลิตภัณฑ์และมุ่งสู่สินค้าระดับไฮเอนด์ อย่างเช่น คังหยวนสลิมมิ่งพลัส หรือเป็นพาวเดอร์ในชื่ออื่นๆ โดยมีการแบ่งระดับ มีการควบคุมปริมาณสินค้าและยอดขายในสินค้าระดับไฮเอนด์นี้ อุปทานจะต้องไม่เกินอุปสงค์ แต่สินค้าจะต้องไม่ขาดตลาด และมีราคาที่สูงขึ้น...”
“นี่คือก้าวแรก จากนั้น เราสามารถใช้สรรพคุณด้านอื่นๆเพิ่มเติมเพื่อเปิดตัวยาลดความอ้วนประเภทต่างๆได้ อย่างเช่น ยาลดความอ้วนตัวนี้ทำขึ้นมาสำหรับวัยกลางคนและผู้สูงอายุ หรือไม่ก็ถูกพัฒนามาเป็นพิเศษสำหรับสตรีมีครรภ์เพื่อฟื้นฟูร่างกายหลังคลอดบุตร... ฯลฯ แน่นอนว่าสิ่งนี้ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดและมีข้อโต้แย้งทางการตลาดที่ดีพอ”
ต้วนเผิงกล่าวต่อไปว่า “สุดท้ายนี้ เราก็แค่ต้องออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นวัฏจักร เพราะอาจมีลูกค้าบางรายไม่ซื้อสินค้าอีกต่อไป เพราะเมื่อพวกเขาลดน้ำหนักมาจนถึงระดับหนึ่งแล้ว การกินยาลดน้ำหนักต่อไปก็จะไม่เกิดผลอะไรกับพวกเขาอีกต่อไป... แบบนี้ไม่ดีแน่ โดยเฉพาะถ้ากลุ่มลูกค้าเหล่านั้นเป็นพวกคนรวยและดาราใหญ่ทั้งหลาย เพราะถ้าสูญเสียกลุ่มลูกค้าอย่างพวกเขาไปก็เท่ากับเป็นการสูญเสียเม็ดเงินจำนวนไม่น้อยเลย”
“ดังนั้นเราจึงสามารถเปิดตัวยาลดน้ำหนักแบบปรับปรุงสูตรสำหรับคนรวยและดาราดังได้ สิ่งที่พวกเราทุกคนรู้เกี่ยวกับคนเหล่านั้นคือพวกเขาไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างปกติทั่วไป บางครั้งพวกเขาอาจต้องทานอาหารมื้อใหญ่หลายมื้อติดต่อกัน และแทบไม่ได้ทานมื้อปกติเลยตลอดหลายวัน ดังนั้นในกรณีนี้ พวกเขาจะมีความต้องการอย่างมากสำหรับการปรับปรุงร่างกายโดยเร็วและทำให้น้ำหนักกลับสู่สภาพเดิมหรืออยู่ในเกณฑ์ที่พวกเขาต้องการ”
ต้วนเผิงยิ้มเล็กน้อย “สำหรับวิถีชีวิตของพวกเซเลบไฮโซหรือพวกดาราเหล่านั้น เราสามารถทำให้มันเป็นสิ่งพิเศษสำหรับพวกเขาโดยเฉพาะได้ด้วยการแนะนำยาลดความอ้วนให้พวกเขาได้ใช้มันเป็นระยะๆ อย่างเช่น ถ้าคุณกินมันไปสักระยะหนึ่งจนน้ำหนักลดลง ก็ยังคงต้องกินต่อไปเพื่อให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติและมันจะช่วยคุณในเรื่องของการควบคุมน้ำหนักและฟื้นตัวได้ดี!”
“อันที่จริง ในประโยคเดียวกัน แต่ใช้วิธีขายที่แตกต่างกันสำหรับคนกลุ่มต่างๆ ล้วนเป็นไปด้วยวัตถุประสงค์เดียวเท่านั้นคือการสร้างรายได้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และในขณะเดียวกันเราก็สามารถรับประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์และชื่อเสียงของแบรนด์ด้วย!” ต้วนเผิงกล่าวด้วยเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อย
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้า ต้องยอมรับตามตรง แม้ว่าวิธีของต้วนเผิงจะฟังดูเลวร้ายไปบ้าง แต่ก็เป็นวิธีที่ทำเงินได้ดีจริงๆ
ที่จริงแล้ว ไม่ใช่แค่พวกคนดังที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียงเท่านั้น ยังมีเจ้าหน้าที่ทางการ ข้าราชการระดับสูงรวมถึงลูกๆของพวกเขาด้วย ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มลูกค้าประเภทเดียวกัน พวกเขาต้องการผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ที่มีราคาสูง แต่ที่ต้วนเผิงไม่ได้พูดถึงจุดนี้ จี้เฟิงประเมินว่าเป็นเพราะเขาและจี้ช่าวเหลยอยู่ที่นี่ พวกเขาต่างก็เป็นลูกหลานของทางการระดับสูงทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นการด่าอีกคนแต่กระทบอีกคนไปด้วย
จี้เฟิงที่นั่งฟังอยู่ด้านข้างถึงกับหัวเราะ “เหล่าต้วน! ด้วยวิธีต่างๆเหล่านี้ของคุณ ผมเดาไม่ถูกเลยว่าจะมีกี่คนที่จะสาปแช่งคุณ!”
“ทำไมพวกเขาถึงต้องสาปแช่งฉันด้วยล่ะ? ต้องขอบคุณฉันสิถึงจะถูก!” ต้วนเผิงพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ถ้าเราสามารถเปิดตัวยาลดน้ำหนักที่คุณภาพดีและมีราคาแพงได้ก็เท่ากับว่าเราได้สร้างของลิมิเต็ดเพื่อให้คนเหล่านั้นสามารถซื้อได้ พวกเขาควรจะคิดว่า ‘ฉันภูมิใจกับยาลดน้ำหนักลิมิเต็ดรุ่นนี้จริงๆ..’ เพราะผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ตัวนี้ของเราจะเป็นเหมือนกับสัญลักษณ์แสดงสถานะที่ร่ำรวยของพวกเขา... และนั่นจะทำให้พวกเขาแห่กันไปซื้อมา ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องก่นด่าสาปแช่งฉันเลย!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะถาม “อย่าเพิ่งพูดถึงว่าวิธีการของคุณจะเป็นไปได้หรือไม่และมันจะได้ผลแค่ไหน... ผมอยากรู้ว่ามันมีความเป็นไปได้ไหมที่คุณจะดำเนินโครงการตามวิธีที่คุณพูดกับชาวต่างชาติเหล่านั้น?”
“แน่นอน!” ต้วนเผิงพูดทันที “ชาวต่างชาตินี่แหละตัวดี มีคนจำนวนมากที่ซื้อของอย่างไร้เหตุผล อันที่จริง ไม่ว่าคนประเทศไหน ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะซื้อของเพราะความจำเป็นและมีเหตุผลเป็นหลัก!”
จี้เฟิงพยักหน้าอย่างครุ่นคิด หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ คุณไปหาผู้จัดการ ของเถิงเฟยกรุ๊ป เขาชื่อฮั่นจง ผมจะให้ที่อยู่และเบอร์ติดต่อของเขากับคุณ แน่นอนว่าผมก็จะติดต่อหาเขาเช่นกันในภายหลัง... เมื่อคุณได้พบกับเขาแล้ว ให้คุณชี้แจงความคิดทั้งหมดที่คุณเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้ให้เขาฟัง ยิ่งละเอียดยิ่งดี.. อ้อ! บอกเขาด้วยว่าเรามีแผนการที่จะให้คุณรับผิดชอบในด้านการส่งออกของคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ หลังจากที่คุณพูดคุยกับเขาเรียบร้อยแล้วเราจะติดต่อกลับไปเมื่อถึงเวลา... คุณคิดว่าไง?”
“ไม่มีปัญหาครับ นายน้อยจี้! ขอบคุณมาก!” ต้วนเผิงกล่าวทันที
จี้เฟิงได้พูดออกมาแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่าจี้เฟิงเชื่อใจมือเขาในระดับหนึ่ง และต้วนเผิงจะไม่มีทางปล่อยโอกาสทองนี้ให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน
“เอาล่ะๆ ถ้าคุยเรื่องธุรกิจกันเสร็จแล้วก็มากินข้าวกันเถอะ ฉันหิวจะแย่แล้ว!” จี้ช่าวเหลยพูดด้วยรอยยิ้ม “กินให้อิ่ม แล้วดื่มให้เต็มคราบ!”
มื้ออาหารจบลงอย่างรวดเร็ว จี้ช่าวเหลยได้จัดหาโรงแรมที่พักสำหรับต้วนเผิงไว้เรียบร้อยแล้ว... ทั้งสามคนพูดคุยและหัวเราะพร้อมกับเดินจากห้องอาหาร และตั้งใจที่จะไปส่งต้วนเผิงก่อนเป็นอันดับแรก
ทันทีที่จี้เฟิงและคนอื่นๆออกจากห้องอาหาร พวกเขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา เธอเดินตรงไปที่ห้องน้ำ ร่างนั้นหายวับไปที่มุมและหายไปจากสายตา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าร่างนั้นจะเพียงแค่แวบผ่านไป จี้เฟิงก็ถึงกับหยุดชะงักโดยไม่รู้ตัว
“หือ? น้องสาม เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” จี้ช่าวเหลยอดไม่ได้ที่จะถามเมื่อเห็นท่าทีของจี้เฟิง
“เหมือนผมจะเห็นคนรู้จักเมื่อกี้นี้ เธอดูเหมือน...” จี้เฟิงส่ายหัวและพูดว่า “ช่างเถอะ ผมอาจจะมองผิดไปก็ได้ เราไปกันเถอะ!”
“สายตาระดับนายเนี่ยนะจะมองผิด?” จี้ช่าวเหลยอดไม่ได้ที่จะมองเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “นายหมายถึงร่างที่แวบผ่านหน้าเราไปเมื่อกี้นี้น่ะเหรอ? ฉันก็ว่ารู้สึกคุ้นๆอยู่เหมือนกันนะ แต่นึกไม่ออกว่าใคร นายพูดว่าเธอนี่.. นายคิดว่าเธอเป็นใครล่ะ?”
“ฉินซูเจี๋ย!” จี้เฟิงตอบ “ผมเห็นว่ารูปร่างคล้ายกับเธอมาก แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่เธอจริงๆหรือเปล่า... ช่างเถอะ เราไปกันดีกว่า มันไม่สำคัญว่าคนเมื่อกี้จะใช่เธอจริงๆหรือเปล่า...”
“ฉินซูเจี๋ยเหรอ?!” จี้ช่าวเหลยสะดุ้งเล็กน้อย “ว่าแต่.. ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับฉินซูเจี๋ยเป็นยังไงบ้าง? ฉันจำได้ว่าพวกนายดูเหมือนจะสนิทสนมกันพอสมควรเลยไม่ใช่เหรอ?”
จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้มที่เรียบง่าย “มันเป็นแค่มิตรภาพธรรมดาๆทั่วไป ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น”
“จริงเหรอ?” จี้ช่าวเหลยเหลือบมองเขาด้วยใบหน้าที่เหมือนจะยิ้มก็ไม่เชิง “เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ นายไม่เคยพูดความจริงเลยสักครั้ง! เอาเถอะ อย่าให้ฉันหาหลักฐานจนจับได้คาหนังคาเขาก็แล้วกัน.. หึหึ!”
จี้เฟิงยิ้มอย่างบิดเบี้ยวและพูดว่า “ทุกสิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่พี่รองเถอะ!”
“โอเคๆ ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง ยังไงก็ตาม ฉินซูเจี๋ยเป็นผู้หญิงที่ดี ตอนเรียนมหาลัย ไม่รู้ว่ามีผู้ชายกี่คนที่แจกขนมจีบให้เธอ แต่เธอกลับเลือกไอ้เวรเจิ้งฮ่าวหยูนั่นซะได้! อนิจจา.. สงสัยชาติที่แล้วเธอคงทำกรรมกับมันไว้!” จี้ช่าวเหลยพูดพลางส่ายหัว
เมื่อพูดถึงเจิ้งห่าวหยู จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ตอนนี้ไอ้หมอนั่นอยู่ที่ไหนแล้ว? มันไม่ได้ติดต่อกับฉินซูเจี๋ยแล้วใช่หรือเปล่า?”
“ว่ากันว่าเขาไปทำงานที่หนานเยว่ แต่ฉันไม่รู้รายละเอียดมากนัก เฮ้อ.. พูดก็พูด ฉันเองก็ยังติดหนี้เขาอยู่ ไว้มีโอกาสจะตอบแทนเขาให้จบๆไป” เมื่อพูดถึงหนี้บุญคุณ จี้ช่าวเหลยก็อดไม่ได้ที่จะคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาส่ายหัวแล้วยิ้มอย่างขมขื่น
พวกเขาสามคนเดินต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเดินไปถึงประตูห้องอาหารที่ร่างเมื่อครู่นี้เดินออกมา จี้เฟิงก็หยุดอีกครั้งและขมวดคิ้วเล็กน้อย
“มีอะไรผิดปกติ?” จี้ช่าวเหลยถามทันที “หรือว่าอยากทักทายฉินซูเจี๋ยก่อนกลับ?”
ในความคิดของจี้ช่าวเหลย ความสัมพันธ์ระหว่างจี้เฟิงและฉินซูเจี๋ยจะต้องมีอะไรมากกว่ามิตรภาพธรรมดาทั่วไปแน่นอน ไม่อย่างนั้นทำไมจี้เฟิงถึงได้ช่วยฉินซูเจี๋ยตั้งแต่แรก?
“พี่รอง.. ดูในห้องอาหารสิ” จี้เฟิงกระซิบ
จี้ช่าวเหลยชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็มองตามสายตาของจี้เฟิงไปยังห้องอาหารที่ร่างของคนที่เหมือนกับฉินซูเจี๋ยเดินออกมาเมื่อครู่นี้ และพบว่าประตูของห้องอาหารนั้นปิดไม่สนิท มันมีช่องว่างอยู่
ในสายตาของคนนอกที่มองเข้าไป เขามองเห็นชายคนหนึ่งนั่งหันหน้ามาทางประตู
“อู๋จื้อเหอ?! ทำไมถึงเป็นเขาไปได้?!” จี้ช่าวเหลยขมวดคิ้วทันที
.....จบบทที่ 1041