ตอนที่ 27 สำรวจเมืองฐานทัพ
เหลิงหยุเหว่ยและพรรคพวกนั้นก็เดินไปหลายร้อยกิโลเมตรและใช้เวลาครึ่งเดือนซึ่งในที่สุดพวกเธอนั้นก็มาถึงเมืองหวังฉาง
ก่อนยุคโลกาวินาศ ระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรนี่ไม่เท่าไหร่ แค่ใชรถก็สามารถเดินทางไปถึงที่หมายได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ด้วยการที่มีสัตว์กลายพันธุ์เพ่นพ่านแบบนี้ ความเร็วในการเดินทางของพวกเธอจึงลดลงมาก
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นกลับเพ่มขึ้นมากโดยที่แต่ละคนนั้นเพิ่มระดับขึ้นเล็กน้อยและไม่ห่างจากระดับต่อไป
ที่พวกเขาสามารถเพิ่มระดับได้เร็วแบบนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเผชิญหน้าอันครายมากมาย และอีกส่วนก็คือคริสตัลพลังงานที่ซูเฉินมอบให้ หากไม่มีมัน ด้วยความพรสวรรค์ของพวกเขานั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเลื่อนระดับได้เร็วแบบนี้
“งั้นที่นี่ก็คือเมืองหวังฉางสินะ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมได้เห็นเมืองฐานทัพจริงๆแบบนี้ มันโคตรใหญ่เลย”ลั่วฮางก็อุทานออกมา
ตรงหน้าของเขานั้นมีเมืองที่รายล้อมไปด้วยกำแพงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นซึ่งกำแพงนั้นมีความสูงห้าสิบเมตรและมีความหนาไม่น้อยไปกว่าสิบเมตร ที่ผิวของกำแพงนั้นถูกเคลือบไว้ด้วยโลหะซึ่งมันแสดงให้เห็นพลังป้องกันอันแข็งแกร่งของมัน
ที่ทางเข้าฐานนั้นมีผู้คนมากมายยืนต่อคิวเพื่อเข้าไปข้างใน
การเข้าเมืองฐานทัพนั้นจำเป็นต้องผ่านทางนี้เพื่อป้องกันไม่ให้คนแอบเข้าไปภายในเมือง
หากถูกตรวจพบ คนพวกนั้นก็จะโดนลงโทษอย่างร้ายแรงแต่แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นก็มีคนบางส่วนที่เสี่ยงแอบเข้าไปเพราะการเข้าไปในเมืองฐานทัพได้นั้นจะเป็นการประกันชีวิตอันสุขสบายของพวกเขา
เมืองฐษนทัพนั้นจะมอบอาหารพื้นฐานและสิ่งจำเป็นสำหรับคนธรรมดาทุกคนในทุกๆวัน ถ้าหากพวกเขาเต็มใจทำงานให้เมืองหล่ะก็ พวกเขาก็จะได้รับอาหารมากขึ้น คนธรรมดามากมายต่างต้องการจะเข้าเมืองฐานทัพแต่โชคร้ายที่เงื่อนไขเข้าเมืองนั้นเยอะมาก
เงื่อนไขที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือเมืองฐานทัพนั้นต้องการแค่หนุ่มสาวที่แข็งแกร่ง หากพวกเขาอายุเกินห้าสิบแล้วยังไม่ใช่คนเหนือมนุษย์ พวกเขาจะถูกเนรเทศจากเมืองฐานทัพในทันที
ถ้าหากมีคนให้กำเนิดเด็ก พวกเขาก็จะได้รับรางวัลจากเมืองฐานทัพ
ลั่วฮางนั้นก็หวังจะเข้าร่วมเมืองฐานทัพด้วยแต่หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่รวมตัวมายี่สิบปี เขานั้นกลับไม่อยากจะจากที่แห่งนี้ที่เขาคิดว่าเป็นบ้านของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่เคยคิดจะออกมา
ความจริงแล้ว ด้วยการที่เป็นคนเหนือมนุษย์ เขานั้นก็มีสิทธิจะเข้าร่วมเมืองฐานทัพแล้วแต่เขาแค่ไม่อยากจะทำ
ในครั้งนี้ ด้วยการพังทลายของสถานที่รวมตัว ในที่สุดเขาจึงได้มาเมืองฐานทัพแต่เขานั้นมาในฐานะสปาย
ทั้งสามคนนั้นก็เดินตรงไปต่อแถวและรอประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนจะถึงตาพวกเขา
“แสดงพาสของพวกเธอซะ”ทหารยามก็ตะโกนใส่เหลิงหยูเหว่ยและทีมของเธอ
“ท่านครับ พวกเรามาจากสถานที่รวมตัวและอยากจะเข้าร่วมกับเมืองหวังฉาง พวกเราต้องทำอะไรบ้างครั้บ? พวกเราทั้งสามเป็นคนเหนือมนุษย์ทั้งหมดเลยครับ”ลั่วฮางนั้นก็หยิบเอาคริสตัลพลังงานที่มีขนาดเท่าไข่นกพิราบออกมาส่งให้ทหารยาม
ทหารยามก็รับคริสตัลไปอย่างใจเย็นแล้วพูดออกมาอย่างจริงจัง “งี้นี่เอง พวกนายสามคนเป็นคนเหนือมนุษย์ พวกนายก็เดินเข้าไปหาคนที่ชื่อว่าหลินโปตรงนั้นนะ เขารับหน้าที่ลงทะเบียน แค่บอกหมอนั่นว่า ฉัน พี่ฮวง ส่งพวกนายไป”
เหลิงหยูเหว่ยก็ส่งซิกให้ลั่วฮาง เธอนั้นไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนแต่ลั่วฮางกลับทำแบบชิวๆเลย
ก่อนที่จะพบกับเหลิงหยูเหว่ย ลั่วฮางเป็นคนที่เคยอยู่ในจุดต่ำสุดมาก่อนซึ่งเขานั้นทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอด
ทั้งสามนั้นก็เดินตรงไปตามเส้นทางที่ทหารยามชี้ไปและในที่สุดก็พบกับคนผู้หนึ่งที่กำลังนอนบนโต๊ะ
“คุณคือลินโปใช่มั้ยครับ? หัวหน้าฮวงแนะนำเรามาหน่ะครับและพวกเราอยากจะเข้าร่วมกับเมืองหวังฉาง พวกเราต้องทำยังไงบ้าง?”นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ลั่วฮางส่งคริสตัลพลังงานให้ แน่นอนว่าพวกเขานั้นมีเยอะแยะเลย
“รายงานชื่อและความแข็งแกร่งของพวกนายมา ห้ามโกหกเด็ดขาด เพราะหลังจากนี้จะมีการทดสอบความแข็งแกร่ง ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้รับผลประโยชน์มากเท่านั้น เอาหล่ะ ฉันจะบอกข้อมูลสำคัญให้แล้วกัน ช่วงนี้ในเมืองฐานทัพมีงานว่างอยู่เยอะเลย ถ้าหากพวกนายแข็งแกร่งพอ ก็ลองไปสมัครทำดู”หลินโปพูด
ลั่วฮางก็รู้สึกว่าคริสตัลพลังงานที่ให้ไปนั้นช่างคุ้มค่ามาก!!
“เหลิงหยูเหว่ย คนเหนือมนุษย์ระดับสอง ไม่มีความสามารถพิเศษ การโจมตี…”
“ลั่วฮาง…”
“จางเถา…”
ทั้งสามนั้นก็แนะนำตัวเองพร้อมกับพื้นเพ แล้วจากนั้นหลินโปก็นำทั้งสามเข้าสู่เมืองฐานทัพและเดินตรงไปถึงตึกหนึ่งที่ค่อนข้างใหญ่
“รับมาใหม่สามคนเลยสินะ พวกนี้แข็งแกร่งขนาดใหนกัน?”
เหลิงหยูเหว่ยก็เห็นหลินโปนำพวกเธอไปหาชายวัยกลางคนที่มีสายตาอันเฉียบคมซึ่งดูเหมือนจะสามารถมองทะลุได้ทุกอย่าง
“หนึ่งคนอยู่ในระดับสองดาวกลาง ส่วนอีกสองคนอยู่ในระดับหนึ่งดาวปลาย”หลินโปพูด
“ไม่เลย ถ้าหากทั้งสามสามารถมาถึงขั้นนี้ได้ในขณะที่อยู่ข้างนอก แสดงว่าจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้แน่เมื่อได้มาอยู่ในเมืองฐานทัพ ไม่เลวทีเดียว”ชายวัยกลางคนก็ส่ายหัวแล้วสั่งให้หลินโปไปได้พร้อมกับหันหน้ามาหาทั้งสามคน “พวกนายเรียกฉันว่าครูฝึกหวังแล้วกัน ฉันรับผิดชอบทดสอบความสามารถในการต่อสู้ของพวกนาย เอาหล่ะแสดงความสามารถที่มีทั้งหมดออกมาให้ฉันเห็นหน่อยสิ แต่ห้ามใช้อาวุธปืนนะ”
หลังจากทดสอบความสามารถ ครูฝึกหวังนั้นก็ไร้อาการบาดเจ็บอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่เหลิงหยูเหว่ยและอีกสองคนนั้นเหงื่อแตกพลั่กเลย พวกเขานั้นใช้พลังทั้งหมดที่พวกเขามีแต่กลับไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่เสื้อผ้า กล่าวได้ว่าพวกเขานั้นอ่อนแอมาก ครูฝึกหวังนั้นจะต้องเป็นคนเหนือมนุษย์ระดับสาม หรือบางทีอาจจะเป็นระดับสี่ดาวก็เป็นได้
“ความแข็งแกร่งของพวกนายสองคนพอจะผ่านอยู่นะ มีเพียงเธอคนเดียวที่นับได้ว่ายอดเยี่ยม”ครูฝึกหวังก็พูดออกมาและกล่าวถึงเหลิงหยูเหว่ย
“นี่คือบัตรผ่านของพวกนายและรวมไปถึงเข็มกรัดเครื่องหมายที่แสดงถึงสถานะการเป็นคนเหนือมนุษย์ของพวกนาย จากนี้ไป พวกนายก็คือสมาชิกของเมืองหวังฉาง”
พอเห็นของสองสิ่งในมือ ลั่วฮางก็ตกตะลึง เข้าร่วมกับเมืองฐานทัพมันง่ายๆแค่นี้จริงหรอเนี่ย?
“ไม่ใช่ว่าพวกเราจะต้องโดนตรวจสอบตัวตนอีกหรอครับ?”ลั่วฮางถาม
“ฮ่าๆ พวกนายถูกตรวจสอบตั้งแต่ก้าวเข้ามายังเมืองฐานทัพแล้ว อย่างไงซะ คนเหนือมนุษย์นั้นก็เป็นคนส่วนน้อยและง่ายต่อการตรวจสอบ พวกนายเป็นคนเหนือมนุษย์จากสถานที่รวมตัวหายเลข 160 มื่ใช่หรอ? พวกเราพึ่งจะได้รับข่าวว่าสถานที่รวมตัวของพวกนายถูกทำลาย บางทีอาจจะเป็นเพราะการคลุ้มคลั่งของพวกสัตว์กลายพันธุ์แต่ตอนนี้พวกเราส่งคนไปตรวจสอบแล้วหล่ะ”
ทุกคนในเมืองฐานทัพนั้นต่างก็รู้เรื่องนี้ยกเว้นทั้งสามคน ดังนั้นครูฝึกหวังจึงอธิบายให้พวกเขาได้รู้
พวกเขาทั้งสามก็หันมามองหน้ากัน พวกเขานั้นไม่คิดว่าเมืองฐานทัพจะส่งคนไปตรวจสอบ พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
ไม่มีใครเชื่อทั้งสามคนที่มาจากเมืองฐานทัพหรอก ครูฝึกหวังนั้นคิดว่าทั้งสามนั้นโชคดีที่อยู่นอกเมืองฐานทัพและไม่ได้พบสัตว์กลายพันธุ์ มิฉะนั้นแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสามแล้ว จะเอาอะไรไปหลบหนีได้กัน?
ไม่ไกลจากเมืองฐานทัพ เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งกำลังบินอยู่ในอากาศ
นี่ไม่ใช่เฮลิคอปเตอร์จู่โจมของซูเฉิน แต่มันเป็นของเมืองฐานทัพ มันเป็นแค่เฮลิคอปเตอร์ธรรมดาที่ไม่มีอาวุธ
“คุณฉื่อเฉา ผมหวังว่าคุณจะช่วยจัดการภารกิจในครั้งนี้นะครับ”คนผู้หนึ่งก็พูดประจบขึ้นมา
ตรงหน้าของชายคนนี้นั้นมีชายหนุ่มที่แสดงสีหน้าอันหยิ่งยโสนั่งอยู่ซึ่งดูเหมือนว่าเขานั้นจะมีตัวตนที่ค่อนข้างสูงส่งจนถึงกับทำให้คนอื่นอีกสามคนทำได้เพียงก้มหน้า
“ตราบใดที่นายปฏิบัติตามคำสั่งของฉันและเข้าร่วมกับตระกูลฉื่อ ในอนาคตนายไม่ต้องห่วงเลยว่าจะมีปัญหายุ่งยากเข้ามารังควาน”