1319 - ตระกูลอสูร
1319 - ตระกูลอสูร
เมื่อมองใกล้ๆ แล้ว เย่ฟ่านก็ค้นพบสิ่งแปลกๆ ยังมีปริศนาเกี่ยวกับการก่อสร้างบริเวณบ้านหลังนี้ด้วย หากให้เขาเดา บริเวณนี้จะต้องเป็นพื้นที่ของบางตระกูลที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคโบราณ
หัวหน้าแต่ละตระกูลล้วนมีความแตกต่าง แม้จะมองไม่เห็นอะไรเลย เขาเชื่อว่านี่เป็นตระกูลที่อาศัยอยู่อย่างสันโดษ และไม่ใช่ที่อยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างแน่นอน
“มียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่จริงๆ…” เย่ฟ่านพึมพำกับตัวเองและเดินเข้าไปข้างใน
เสี่ยวซงเอียงศีรษะและมองดูบ้านอย่างสงสัย มันรู้แค่ว่าทิวทัศน์ที่นี่นั้นงดงามมาก ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและแม่น้ำ คล้ายกับสถานที่ที่รวบรวมแก่นแท้ของสวรรค์พิภพทั้งหมด
เย่ฟ่านหายไปในส่วนลึกของบริเวณบ้าน เขาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านที่มีพลังวิญญาณแข็งแกร่งอยู่
“เจ้าของสถานที่แห่งนี้ออกมาพบข้า”
คำพูดของเขาทำให้บริเวณบ้านตกใจทันที จากนั้นดวงตาของผู้คนมากมายก็จับจ้องออกมาด้านนอกอย่างรวดเร็ว
มีคนเดินออกมาจากบ้านทันที เขาเป็นชายชรา ผิวพรรณดีและเต็มไปด้วยพลัง
ท่าทางของเย่ฟ่านยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาเป็นคนที่มีฐานการบ่มเพาะในขอบเขตสะพานวิญญาณซึ่งถือว่ามีความแข็งแกร่งมากเมื่อเทียบกับมนุษย์ทั่วไป
“มีธุระอะไรหรือพ่อหนุ่ม?” เขาถามด้วยรอยยิ้ม
“เราทั้งคู่ต่างเป็นผู้บ่มเพาะ ไม่จำเป็นต้องซ่อนมัน ข้าเห็นหมดแล้ว การปิดบังไม่มีประโยชน์” เย่ฟ่านกล่าว
สีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยนเป็นความเคร่งขึมทันที เขาทำท่าทางเพื่อเชิญเย่ฟ่านเข้าไปในห้องเพื่อพูดคุย เขามองดูกระรอกสีม่วงตัวน้อยบนไหล่ของเย่ฟ่านอย่างจริงจัง
ผ่านมุมหนึ่งของสถานที่ เย่ฟ่านตระหนักได้ทันทีว่าพลังวิญญาณของบริเวณนี้มาจากภูเขาลู่ซานซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงนั่นเอง
ตาที่สามของเขาสามารถมองเห็นถึงต้นกำเนืดของชายชราคนนี้ มีเลือดอสูรถึงสองสามเส้นไหลอยู่ในร่างหายของอีกฝ่าย สายเลือดนี้ควรจะเป็นทายาทของเผ่าอสูรโบราณ
หลังจากเข้าไปในห้องโถง ชายชราก็เชิญเย่ฟ่านนั่งลง หลังจากยกน้ำชาเข้ามาเขาก็กล่าวด้วยความสุภาพ
“เจ้ารู้อยู่แล้วว่าข้ามาที่นี่ทำไม เอาตัวชายหนุ่มคนนั้นมา ไม่มีอะไรต้องพูดอีกแล้ว” เย่ฟ่านพูดเบาๆ ขณะจิบชา
“สหายเต๋าโปรดสงบสติอารมณ์ อย่าใจร้อน”
ชายชรารู้ว่าเย่ฟ่านนั้นแข็งแกร่งมาก เขาจึงยิ้มและพูดออกมาอย่างใจเย็น
เขาบอกว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นหลานชายที่ไร้ความสามารถ ชายหนุ่มทำสิ่งที่ประมาทเลินเล่อและก่อปัญหา เขาเองก็รู้ว่ามันผิด ยินดีที่จะชดเชยให้กับเย่ฟ่าน
“พูดได้ดีนี่ เขาทำตัวประมาทเลินเล่อจริงหรือเ? เขาบุกเข้ามาในบ้านของข้าและทำร้ายเสี่ยวซงโดยไม่มีเหตุผล เอาตัวเขาออกมาไม่เช่นนั้นข้าจะทำลายตระกูลนี้ให้สิ้นซาก” เย่ฟ่านพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เสี่ยวซงอยากที่อยากรู้อยากเห็นกระโดดไปรอบๆ ห้องด้วยควาไร้เดียงสา มองดูสิ่งของอย่างไม่สามารถหยุดยั้งได้
ทันทีที่ชายชราได้ยินเช่นนั้นเขาก็พยายามอดทนและกล่าวว่า “ข้าหวังว่าสหายเต๋าจะยกโทษให้ มันเป็นความผิดของเราเอง ได้โปรด เราจะลงโทษเขาให้หนักที่สุด”
“ข้าแค่ต้องการตัวเขา เรื่องอื่นไม่จำเป็นต้องพูดคุย หากเจ้าต้องการต่อต้านก็ให้พูดออกมาตอนนี้เลย ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาอีก” เย่ฟ่านจิบชาด้วยสีหน้าเย็นชา
“หลายชายของข้ารู้สึกถูกใจอสูรวิญญาณตัวนี้ เขาพยายามฝึกมันให้เชื่อง แต่เขาไม่ได้หวังที่จะทำร้ายมัน มันเป็นแค่สัตว์เลี้ยง สหายเต๋าเจ้ากำลังก่อกวนเรื่องราวโดยไม่จำเป็น” ชายชราเองก็ไม่พอใจเล็กน้อย…
“เจ้ากำลังพูดถึงเสี่ยวซงถูกไหม ในสายตาของข้าหลานชายของเจ้ายังเทียบไม่ได้แม้แต่เศษเล็บของเสี่ยวซง ในความเป็นจริงแม้แต่ตัวเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งคุยกับข้าด้วยซ้ำ” เย่ฟ่านกล่าวอย่างเย็นชา
“สหาย…เจ้าล้ำเส้นมากไปแล้ว!”
ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรอีกฟากฝั่งหนึ่งออกมาอย่างมั่นใจ
“อีกฟากฝั่งหนึ่ง”
เย่ฟ่านประหลาดใจ ในยุคแห่งความไร้ระเบียบนี้แม้กระทั่งผู้ที่บ่มเพาะไปถึงสะพานวิญญาณก็ยังเป็นเรื่องยากแล้ว แต่อีฟายไปถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรกงล้อทะเลได้สำเร็จซึ่งเห็นได้ชัดว่าตระกูลนี้มีความยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก
จากนั้นเย่ฟ่านก็เข้าใจได้ทันที นี่ไม่ใช่พลังส่วนตัวของอีกฝ่ายแต่มันมาจากอาวุธที่ตกทอดมาตั้งแต่ยุคโบราณ
“ไสหัวออกไปจากที่นี่แล้วข้าจะถือว่าเจ้าไม่เคยเข้ามา”
ชายชรากล่าว เห็นได้ชัดว่าเขาแสดงอาวุธนี้เพราะมีเจตนาจะข่มขู่เย่ฟ่านและต้องการเลิกราโดยสันติ
หลังจากที่เสี่ยวซงเห็นกงล้อศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องสว่าง ร่างของมันก็สั่นสะท้านทันที มันจำได้ถึงเหตุการณ์ในวันนั้น นี่คือสายฟ้าที่ฟาดฟันร่างกายของมันนั่นเอง
“ข้าจะเอาเลือดพวกมันมาล้างแค้นให้เจ้าเอง”
ชายชราร่างกายสั่นสะท้านด้วยความโกรธเมื่อได้ยินคำพูดนี้
“พ่อหนุ่ม เจ้ายังไม่รู้จักความโหดร้ายของโลก อย่าอวดดีไปหน่อยเลย!”
ในเวลาเดียวกัน ประตูก็ถูกเปิดออก ชายชราอีกคนเดินเขามา เขาคือปรมาจาร์จากอาณาจักรลับของตำหนักเต๋า
“พวกเราเป็นตระกูลเซียนโบราณ ตระกูลของเราไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเข้ามาสร้างปัญหาได้!”
“ในตระกูลของเจ้าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่เพียงตำหนักเต๋าเท่านั้น ด้วยคุณสมบัตินี้เจ้าก็คิดว่าตัวเองสืบทอดมรดกของเซียนโบราณแล้วหรือ?” เย่ฟ่านยิ้ม
“ในโลกนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามาสร้างปัญหาที่นี่ เจ้ายังเด็กและโง่เขลามากเกินไป หรือว่าในชีวิตนี้เจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องของตระกูลอมตะแห่งจิ่วเจียงเลย?” ชายชราที่ออกมาภายหลังส่ายหน้า
ในเวลาเดียวกันก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา เป็นชายหนุ่มที่เย่ฟ่านตามหา
จู่ๆ ร่างกายของเสี่ยวซงก็สั่นสะท้าน มันไม่รู้ว่ามันผิดอะไร ถึงได้โดนทำร้าย และเมื่อเห็นอีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นมันก็รีบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเย่ฟ่านทันที
เย่ฟ่านเพียงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาชายหนุ่มคนนั้นโดยไม่อนุญาตให้อีกฝ่ายเปิดปาก
ปัง!
ร่างกายของชายหนุ่มปลิวไปอัดกับกำแพง และทำให้สีหน้าของชายชราทั้งสองคนบิดเบี้ยวอย่างถึงที่สุด
“เจ้าเข้ามาในบ้านของข้าและกล้ารังแกหลานชายของข้า เจ้ารู้จักตระกูลอมตะแห่งจิ่วเจียงน้อยเกินไปแล้ว!” การแสดงออกทางสีหน้าของชายทั้งสองเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เช่นนั้นก็แสดงให้ข้าดูหน่อยว่าตระกูลอมตะแห่งจิ่วเจียงทรงพลังสมคำร่ำลือ” เย่ฟ่านเย้ยหยัน
“เจ้าจะต้องเสียใจที่มาที่นี่!” ชายชราคนแรกกล่าว
จากนั้นเขาก็ตะโกนออกไปข้างนอกเพื่อสั่งให้เหล่าศิษย์ของตระกูลเข้ามาข้างใน เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ว่าการจะจัดการกับเย่ฟ่านไม่ใช่เรื่องง่ายดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องใช้ผู้คนจำนวนมาก
ผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้าไปในห้องและปิดล้อมเย่ฟ่านไว้ตรงกลาง พวกเขาทั้งหมดสวมชุดเกราะที่เป็นโลหะแวววาวและมีอาวุธโบราณอยู่ในมือ
ในยุคนี้หากเห็นใครแต่งกายในลักษณะนี้ทุกคนจะต้องเกิดความประหลาดใจเป็นอย่างมากนั่นก็เพราะนี่เป็นการแต่งกายที่ไม่เข้ากับยุคปัจจุบันโดยสิ้นเชิง
เย่ฟ่านไม่ลุกขึ้น แต่ยังคงนั่งอยู่ที่นั่น เขามองดูทุกคนอย่างใจเย็น แม้ว่าชุดเกราะของคนเหล่านี้จะแวววาว แต่ก็มีร่องรอยของเวลาเพียงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามันถูกสร้างขึ้นมาไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น
“พวกเจ้าเกือบจะฆ่าเสี่ยวซง ตอนนี้ยังคิดจะลงมือกับข้าอีกหรือ?” เย่ฟ่านถามอย่างใจเย็น
“เจ้าลืมไปแล้วว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ที่ไหน ไม่ใช่ทุกคนจะวิ่งเข้ามาในจิ่วเจียงและกลับออกไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น!” ชายชราซึ่งอยู่ในอาณาจักรตำหนักเต๋ากล่าวอย่างเย็นชา
เขาโบกมือเบาๆ และผู้คนกว่าสิบคนที่สวมชุดเกราะก็ฟาดฟันอาวุธทั้งหมดเข้าหาศีรษะของเย่ฟ่านอย่างไร้ความปรานี
ปัง!
เย่ฟ่านดีดนิ้วออกไปเพียงครั้งเดียวอาวุธและชุดเกราะเหล่านั้นก็แหลกละเอียดกลายเป็นฝุ่นผง
“เจ้ามีอาวุธเวทย์มนตร์อะไรติดตัว?”
ชายชราในอาณาจักรตำหนักเต๋าตกตะลึงและอดไม่ได้ที่จะล่าถอย ในยุคนี้เขาไม่เคยเห็นใครสามารถทำลายอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดายด้วยการดีดนิ้วเท่านั้น
อาวุธโบราณที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปีของตระกูลพวกเขาถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเย่ฟ่านจะต้องพกพาอาวุธโบราณที่แข็งแกร่งกว่าอย่างแน่นอน
…….