บทที่11 การปรุงยา
โม่หยุนหยุนได้เดินไปที่หม้อปรุงยาและยื่นมือออกมา ก่อนจะจุดเปลวเพลิงสีส้มขึ้นบนฝ่ามือของตัวเอง แล้วปลดปล่อยเปลวเพลิงลงไปยังจุดที่ก่อไฟด้านใต้ของหม้อปรุงยาแล้วปิดฝาครอบส่วนนั้นไว้
จากนั้นโม่หยุนหยุนก็เปิดฝาหม้อปรุงยาด้านบนก่อนที่จะเริ่มใส่สมุนไพรและวัตถุดิบลงไปทีละชิ้น
การปรุงยาหรือการกลั่นยานั้น วัตถุดิบ ลำดับการใส่ อุณหภูมิ และเวลา เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ความแตกต่างเพียงแค่เล็กน้อยอาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ต่างกันราวกับฟ้ากับเหว ซึ่งหลังจากใส่วัตถุดิบลงไปแล้ว สิ่งสำคัญต่อไปคือการควบคุมเปลวเพลิงและอุณหภูมิ
เมื่อโม่หยุนหยุนวัตถุดิบลงไปจนหมดตามลำดับแล้วเธอก็ปิดฝาหม้อลง
หลังจากนั้นโม่หยุนหยุนก็ได้หมุนเวียนพลังวิญญาณไว้บนฝ่ามือทั้งสอง ก่อนจะนำมือไปวางไว้ยังด้านล่างของเตาที่เป็นช่องระบายอากาศที่อยู่ใกล้ๆ ช่องจุดไฟหม้อปรุงยาเมื่อครู่
โม่หยุนหยุนจุดไฟออกมาอีกครั้งด้วยมือทั้งสอง ก่อนที่จะเริ่มใช้พลังวิญญาณ เร่งความร้อนของไฟตามอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับเม็ดยาเม็ดนี้
จังหวะและความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิไฟของโม่หยุนหยุน ดูผู้เชี่ยวชาญอย่างมากเมื่อเทียบกับนักปรุงยาระดับ3ทั่วไป เห็นได้ชัดว่าเธอผ่านการอบรมอย่างดี
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
มือของโม่หยุนหยุนยกขึ้นมาก่อนจะสะบัดมือเร่งเปลวเพลิงให้ปะทุขึ้นอย่างรุนแรงพร้อมทั้งส่งมันไปยังช่องอากาศของหม้อปรุงยา
ได้เวลาเก็บเกี่ยวแล้ว!
ทันใดนั้นเม็ดยา 3 เม็ดสีแดงเข้มก็พุ่งลอยออกมาจากช่องด้านข้างของเตาหลอมโอสถ ก่อนที่จะจะตกลงบนมือของโม่หยุนหยุน
“นี่คือเม็ดยาระดับ2 ยาทลายวิญญาณ”
โม่หยุนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มและยื่นให้หลงเทียนดู
“น้องชายคิดยังไงบ้างกับการปรุงยา!?”
“มันค่อนช้างยากกว่าที่คิดมาก ถึงแม้ตอนทำจะดูเหมือนง่ายแต่หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างที่ทำมาก็จะพังทลายลงอย่างแน่นอน” หลงเทียนตอบออกมาด้วยท่าทีครุ่นคิด
“ใช่แล้วล่ะ! การปรุงยาต้องใช้สมาธิและความรอบคอบอย่างมาก หากใส่วัตถุดิบผิดหรือควบคุณอุณหภูมิพลาดแม้แต่นิดเดียวทุกอย่างที่ทำมาจะเสียหมดทันที” โม่หยุนหยุนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะถามว่า
“น้องชายอยากลองดูไหม!?”
“ครับผม!”
หลงเทียนพยักหน้าตอบกลับและเดินไปยังที่หม้อปรุงยา พยายามสงบสติอารมณ์ให้คงที่ก่อนจะเริ่มปรุงยา แต่ทันใดนั้นเขาก็พลันฉุดคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา
“ฉันไม่มีธาตุไฟแล้วจะจุดเพลิงยังไง!?” หลงเทียนคิดขึ้นมาอย่างกังวล
เขาเอาแต่ตั้งใจจะทำภารกิจให้สำเร็จจึงลืมไปเลยว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นนักปรุงยาคือต้องมีธาตุไฟ เพราะหากคุณไม่สามารถจุดไฟและควบคุมไฟได้ คุณก็ไม่สามารถปรุงยาได้
“โฮสต์ไม่ต้องกังวล! โฮสต์สามารถใช้สายเลือดมังกรจุดไฟได้ เนื่องจากสายเลือดมังกรเต็มไปด้วยพลังหยางซึ่งเป็นองค์ประกอบเดียวกับธาตุไฟ”
“อื้ม! ฉันจะลองดู”
หลงเทียนพยักหน้าตอบกลับก่อนจะใช้สายเลือดมังกรของเขาทันที ทันใดในมือของของเขาก็ปรากฎสีแดงส้มที่มีออร่าไม่ธรรมดาออกมา
โม่หยุนหยุนที่จ้องมองอยู่ก็แปลกใจเล็กน้อยเพราะไฟของหลงเทียนมีออร่าที่ทรงพลังกว่าไฟปกติมาก
หลงเทียนได้ลงมือทำตามที่โม่หยุนหยุนทำทุกขึ้นตอนทันที จุดไฟ เปิดหม้อ ใส่วัตถุดิบและจุดไฟอีกครั้งพร้อมควบคุมไฟเหมือนโม่หยุนหยุนทุกอย่าง โม่หยุนหยุนที่มองอยู่ก็พยักหน้าด้วยความชื่นชม ดูเหมือนน้องชายคนนี้จะความจำดีมาก
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงหลงเทียนจ้องมองไปที่หม้อปรุงยาด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะเขาสัมผัสได้ว่าวัตถุดิบกำลังควบแน่นเป็นเม็ดยาแล้ว
แต่เพราะด้วยความตื่นเต้นอันเล็กน้อยนั้นเองทำให้หลงเทียนเผลอเร่งไฟมากกว่าปกติ ทันใดนั้นเองวัตถุดิบที่กำลังควบแน่นก็กลายเป็นสีแดง แล้วก็….
“ตู้มม!!”
“แค๊ก…แค๊ก…แค๊ก”
วัตถุดิบไหม้ก่อนจะระเบิดปล่อยกลิ่นควันสีดำฟุ้งเต็มห้อง ทำให้หลงเทียนที่สำลักควันจามออกมาอย่างหนัก
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
โม่หยุนหยุนหัวเราะออกมาอย่างหนัก ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่หลงเทียนที่หน้าและเสื้อผ้าเต็มไปด้วยรอยดำ ผมไหม้เกรียมเป็นกระจุกกลายเป็นผมทรงแอฟโฟร เธอจำได้ว่าตอนเธอปรุงยาครั้งแรกก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
หลงเทียนที่ได้ยินเสียงหัวเราะของโม่หยุนหยุนก็มองตัวเองในกระจก ก่อนจะหน้าแดงด้วยความอับอาย
“อะ..แฮ้ม.. ฉันจะลองใหม่อีกครั้ง คนเราครั้งแรกก็ผิดพลาดกันทั้งนั้น” หลงเทียนพูดด้วยน้ำเสียงแก้เขินเล็กน้อย ก่อนจะลองทำใหม่อีกครั้งทันที
“ตู้มม!!”
“แค๊ก…แค๊ก…”
“อีกครั้ง!”
“ตู้มม!!”
“รอบนี้แหละ!”
“ตู้มม!!”
“……………”
__________
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆ”
“น้องชายคุณไปทำอะไรมา!?”
หลงชิงเหยาจ้องมองไปที่หลงเทียนที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยดำราวกับขี้เถ้าและผมรุงรัง แล้วหัวเราะออกมาอย่างหนัก
“อะ..แฮ้ม! พี่สาว”
“นักรบย่อมมีบาดแผลเป็นเรื่องปกติ” หลงเทียนพูดด้วยน้ำเสียงเขินอายนิดๆ
“….”
หลังจากนั้นหลงเทียนจึงไปที่หอปรุงยาเพื่อฝึกฝนกับโม่หยุนหยุนทุกวัน บางครั้งเมื่อโม่หยุนหยุนไม่อยู่ก็จะมีนักปรุงยาคนอื่นมาสอนเขาแทน
เวลาผ่านไป 1 เดือนกว่า
“ปัง! ปัง!”
ในห้องๆหนึ่งที่มีเต็มไปด้วยกลิ่นอายของโลหะ มีเสียงของค้อนที่กระทบโลหะอย่างต่อเนื่องราวกับคลื่นกระทบฝัง เด็กหนุ่มกำลังอยู่ในกระบวนการตีขึ้นรูป มือของเขาถือค้อนคู่ทุบไปยังเหล็กที่พึ่งผ่านกระบวนการหลอมเหลวในอุณหภูมิสูงจนเป็นสีแดง
การตีเหล็กไม่ใช่งานง่ายๆต้องใช้ทั้งพละกำลังและความรู้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น คุณสมบัติ พื้นผิวของโลหะ รวมถึงคำนวณแรงกระทบของค้อนถึงจะสร้างผลงานที่ดีขึ้นมาได้
“ฟู่…. สำเร็จ!”
หลงเทียนจ้องมองไปยังดาบสีเงินของเขาด้วยแววตาเปล่งประกาย นี่คืออาวุธชิ้นแรกของเราและนี่เป็นสัญลักษณ์ว่าเขากลายเป็นช่างตีเหล็กระดับ1แล้ว
หลงเทียนสำรวจดาบของเขาอย่างละเอียดและใช้ผ้าเช็ดราวกับลูกรัก โดยมีหยวนเย่เฉินที่จ้องมองด้วยสายตาเบิกกว้างและสงสัยชีวิตอยู่ เขาจำได้ว่าเขาใช้เวลาเกือบ 10เดือนกว่าจะเป็นช่างตีเหล็กระดับ1ได้ แต่เจ้าเด็กนี่ใช้เวลาแค่เดือนกว่าเท่านั้น
“เอาล่ะ! วันนี้พอแค่นี้ อาทิตย์หน้าฉันจะสอนวิธีตีเหล็กบริสุทธิ์ให้” หยวนเย่เฉินสงบสติอารมณ์ของเขาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งครึม
“ขอบคุณครับคุณลุง!” หลงเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีกับโฮสต์ที่ทำภารกิจสำเร็จ”
“+100 คะแนนจิตวิญญาณ +1000 คะแนนโชคชะตา + ประสบการณ์ช่างตีเหล็กระดับ2”
ทันใดนั้นความรู้และประสบการณ์ช่างตีเหล็กระดับ2ก็ไหลเข้ามาที่สมองของหลงเทียนทันที ด้วยสิ่งนี้เขามั่นใจว่าอีกไม่นานเขาจะกลายเป็นช่างตีเหล็กระดับ2อย่างแน่นอน
……………….
“น้องชายพรุ่งนี้ไปเทศกาลปีใหม่กันไหม!?” หลงชิงเหยาพูดด้วยตาที่เปล่งประกายและน้ำเสียงที่คาดหวัง
“อื้มมม… ตกลง!”
“พรุ่งนี้เราไปงานเทศกาลกันเถอะ” หลงเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่เขาปลุกจิตวิญญาณเขาก็เอาแต่ฝึกหนักตลอดทั้งวัน ไม่ค่อยได้คุยกับหลงชิงเหยาเท่าไหร บางทีการไปเที่ยวกับครอบครัวก็เป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกัน
……….
ณ ยามค่ำคืน เมืองชิงหลง
ใจกลางเมืองในวันนี้ครึกครื้นกว่าปกติ ถนนเต็มไปด้วยผู้คนและไฟหลากหลายสี มีต้นไม้และเครื่องประดับต่างๆที่สวยงามมากมาย ถนนเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมากอยู่ตามริมทางส่งกลิ่นหอมของอาหารชวนกระตุ้นให้น้ำลายไหล
“น้องชายดูนั้นสิ! เราไปปาลูกโป่งกันเถอะ”
หลงชิงเหยาดึงแขนหลงเทียนไปยังร้านแห่งหนึ่งด้วยรอยยิ้ม
วันนี้หลงชิงเหยาดูสวยน่ารักกว่าปกติ เธอสวมชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ลายดอกไม้ ใบหน้าน่ารักน่าชังชวนให้คนที่พบเห็นเอ็นดู และผิวขาวใสราวกับหิมะทำให้เธอดูเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยๆที่มีเสน่ห์
ส่วนหลงเทียนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีดำที่เรียบง่ายทดูดีมีสไตล์ เค้าโครงหน้ายังคงงดงามอยู่แต่มีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อน เมื่อโตขึ้นเขาย่อมเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาอย่างแน่นอน
“ซื้อชุดหนึ่งค่ะ!” หลงชิงเหยายื่นเงินให้เจ้าของร้าน ก่อนจะนำลูกดอก5ดอกให้หลงเทียน
“น้องชายปาให้ฉันหน่อยสิ ! ฉันอยากได้ตุ๊กตาตัวนั้น” หลงชิงเหยาชี้ไปที่ตุ๊กตาหมีแพนด้าตัวใหญ่ที่ดูน่ารักน่าชังชวนให้นอนกอดในยามค่ำคืน
“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!”
“ปรบ! ปรบ! ปรบ!”
หลงเทียนหยิบลูกดอกทั้ง5แล้วปาเข้าเป้าในทีเดียว หลังจากนั้นก็มีเสียงปรบมือตามมาซึ่งหลงเทียนที่ได้ยินก็ค่อนข้างอายเล็กน้อย เขาเป็นปรมาจารย์วิญญาณเขารู้สึกเหมือนตัวเองโกงยังไงไม่รู้ หลงเทียนยื่นตุ๊กตาหมีแพนด้าที่ได้รับมาให้หลงชิงเหยาทันที
“ว้าว! ขอบคุณน้องชาย” หลงชิงเหยารับแล้วหยิบขึ้นมากอดอย่างมีความสุข
ทั้งคู่ได้เดินงานเทศกาลอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนจะมาถึงต้นไม้แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยแสงไฟและเครื่องประดับมากมายติดอยู่ แล้วตรงกิ้งกานของมันมีแผ่นกระดาษจำนวนมากแขวนไว้
“น้องชายเราไปขอพรกันเถอะ! เขาว่ากันว่าหากเขียนอะไรลงไปในกระดาษและแขวนไว้บนต้นไม้ สิ่งที่เราเขียนไปจะเป็นจริง!”
หลงชิงเหยาดึงหลงเทียนเข้าไปเขียนทันที ทั้งคู่ใช้เวลาแค่ครู่เดียวในการเขียนก่อนจะแขวนไว้บนกิ่งก้านต้นไม้ก้านหนึ่งที่แข็งแรง
“น้องชายคุณเขียนว่าอะไรบ้าง!?”
“ฉันเขียนว่าขอให้ครอบครัวของฉันมีความสุขตลอดไป! เธอล่ะ!?”
“ฉันเขียนว่าขอให้ฉันอยู่กับน้องชายและครอบครัวตลอดไป! ดูเหมือนคำขอของพวกเราจะคล้ายกันนะ”
“นั้นสินะ!”
หลังจากทั้งสองก็เดินทางกลับบ้าน แต่ในระหว่างทางนั้นหลงชิงเหยาได้กลิ่นหอมเครื่องเทศลอยมาแต่ไกลก่อนจะสังเกตุที่มาของกลิ่นทันที ที่มาของกลิ่นมาจากร้านเล็กๆแห่งหนึ่งที่อยู่ค่อนข้างลับไม่ค่อยมีคนเดินสัญจรเท่าไหร
“น้องชายเราไปร้านนั้นกันเถอะ!” หลงชิงเหยาพูดพร้อมชี้ไปที่ร้านแห่งนั้น
“แต่นี่มันค่อนข้างดึกแล้วนะ!?”
“น่า….นะ” หลงชิงเหยาพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ก่อนหลงเทียนจะพยักหน้าตอบกลับอย่างช่วยไม่ได้
ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านทันที ถึงแม้ร้านจะขนาดเล็กแต่ภายในต่างดูสะอาดและเป็นระเบียบมาก ที่เด่นชัดที่สุดคือมีสองแม่ลูกยืนอยู่ในร้าน
“สวัสดีค่ะ!”