นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 562 - นักโทษที่ยังไม่ตาย!?
“ยีนอัคคีโลหิตอะไร? ใครได้ผลอัคคีโลหิตมาจากในห้องขังอย่างนั้นหรือ?”
เสียงของอฮาลีดังออกมาก่อนที่ร่างจะปรากฏเดินออกจากประตูมา และตามมาด้วยร่างของการ์ดอฟ และนายน้อยอลันเป็นคนสุดท้าย ถึงแม้ว่าจะผ่านประตูเข้าไปหลังสุด แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้ง 3 คนจะถูกส่งไปยังห้องขังเดียวกันอีกครั้ง
“เดวิด! เขาได้มันมาจากห้องขังล่าสุดที่เข้าไปสำรวจ” แววตาของธีล่าดูลังเลเล็กน้อยในตอนแรก แต่เธอก็เอ่ยปากกล่าวบอกออกไปในที่สุด
และนั่นทำให้ดวงตาของอฮาลีเป็นประกาย ลมหายใจของการ์ดอฟถี่แรงขึ้นอย่างตื่นเต้น เดวิดไม่ได้สนใจท่าทีของพวกเขา 2 คนมากนัก แต่เหลือบตาไปดูปฏิกิริยาของนายน้อยที่เป็นหัวหน้าทีมแทน
นายน้อยของตระกูลเคียร์รินเองก็หรี่ตาเล็กลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเกี่ยวกับผลอัคคีโลหิต ส่งสัญญาณออกมาอย่างชัดเจนว่ารู้จักและให้ความสนใจกับประสิทธิภาพของผลไม้วิเศษชนิดนี้เช่นกัน แต่นั่นคือทั้งหมดที่เขาทำ ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกจริง ๆ เป็นเช่นไร นายน้อยอลันคนนี้เก็บอาการของตัวเองได้อย่างมิดชิด ใบหน้ากลับเป็นเรียบเฉยไร้ความรู้สึกในเวลาอันรวดเร็ว
“เร็วเข้า! มัวรออะไรอยู่อีก รีบเอามันออกมาดูกันเร็ว!” เสียงของอฮาลีดังออกมาอีกครั้งอย่างตื่นเต้น
“ใช่! เดวิด! นายเอาผลอัคคีโลหิตออกมาให้พวกเราดูหน่อย มันเป็นของที่หาเจอได้ยากมากเลยรู้มั้ย?” แม้แต่คนอย่างการ์ดอฟที่ปกติจะเงียบขรึมก็กล่าวออกมาแล้วเช่นกัน
สีหน้าของเดวิดในตอนนี้เต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย ซึ่งมันไม่ต่างจากน้ำเสียงที่กล่าวตอบโต้ออกไปเลย “ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะต้องโชว์อะไรให้พวกนายดูนะ! มันไม่ใช่หน้าที่ที่ฉันต้องทำเลย ฉันคิดว่าอย่างนั้นนะ!”
“ปากดีนักนะ! อย่ามาทำเป็นหัวหมออะไรตอนนี้จะดีกว่า! พวกเราแค่ต้องการดูว่าผลอัคคีโลหิตมีรูปร่างลักษณะเป็นอย่างไรเท่านั้น! ยังจะกล้ามาเอ่ยถึงหน้าที่อะไรอีกอย่างนั้นหรือ? ถ้าไม่ได้นายน้อยเป็นคนนำแกเข้ามาในสนามรบโบราณแห่งนี้ แกคิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสเก็บเกี่ยวสมบัติที่ล้ำค่าไปเป็นของตัวเองสักชิ้นมั้ย?”
“ถูกแล้ว! อันที่จริง สิ่งที่มีมูลค่าสูงอย่างผลอัคคีโลหิต นายควรจะมอบมันให้กับนายน้อยเพื่อเป็นการขอบคุณที่นำพวกเราเข้ามาที่นี่เสียด้วยซ้ำ”
สองหนุ่มกล่าววาจาที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยออกมาด้วยสีหน้าที่เริ่มแข็งกร้าวและบิดเบี้ยว ส่วนธีล่าในตอนนี้ขยับตัวเองถอยออกไปเล็กน้อย และไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปากอีก แววตาที่จ้องมองดูสถานการณ์!? มันดูแปลกประหลาดเล็กน้อย มันเหมือนว่าเธอกำลังสนุกอยู่!
เดวิดแค่นเสียงอยู่ในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวออกมาบ้างด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “อ้อ! อยากจะเห็นอย่างนั้นหรือ? เอาอย่างนี้เป็นไง พวกนายทั้ง 2 คนหยิบสมบัติทุกอย่างที่อยู่ในแหวนเก็บของออกมาโชว์ให้ฉันเห็นก่อน แล้วฉันจะลองพิจารณาหยิบผลอัคคีโลหิตออกมาให้พวกนายยลโฉมเป็นบุญตาก็ได้ อ้อ! เพื่อแสดงความจริงใจ ฉันจะบอกสีกับรูปร่างให้พวกนายรู้ก่อนก็ได้ มันมีรูปร่างเหมือนกระต่าย ส่วนสีเป็นสีเขียวอ่อนสะท้อนแสงน่ะ!” ไม่มี! อาการสะดุดสักเล็กน้อยก็ไม่มีเกิดขึ้นตอนที่เขากล่าวไร้สาระเรื่อยเปื่อยออกไป
“แก!!!” อฮาลีคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ทั้งมือทั้งปากสั่นอย่างรุนแรงด้วยความโกรธ
เดวิดแค่นเสียงออกมาอีกครั้ง สายตาที่มองดูท่าทางของเจ้าหนุ่มผมบลอนด์นัยน์ตาม่วงเต็มไปด้วยความเหยียดหนาม ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมกับพึมพำออกมา “ให้ตายสิ! ทำตัวเป็นเด็กขนยังไม่ขึ้นไปได้!”
“ฉันจะฆ่าแก!!!” เสียงตวาดดังลั่นออกมาอีกครั้ง คลื่นพลังของอฮาลีก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธจนสติหลุดไปแล้ว
“พอได้แล้ว!!!” นายน้อยอลันตวาดออกมาจากปากเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์กำลังจะเลยเถิด
“อฮาลี!! ฉันบอกเอาไว้ว่ายังไงเกี่ยวกับสมบัติที่แต่ละคนเก็บเกี่ยวได้ด้วยความสามารถของตัวเอง!!?”
ชายหนุ่มผมบลอนด์หยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ ใบหน้าที่บิดเบี้ยวดำคล้ำกำลังพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อสงบสติอารมณ์ของตนเองอย่างเต็มกำลัง มันใช้เวลาไประยะหนึ่งทีเดียวกว่าที่เขาจะเปิดปากออกมาได้
“แต่ละคนสามารถเก็บมันเอาไว้เป็นของตัวเองได้! ถ้าสมบัติชิ้นนั้นได้มาจากความสามารถของตน”
“พูดให้ดังกว่านี้อีก! ฉันยังได้ยินไม่ชัด!!”
“สมบัติที่เก็บเกี่ยวมาได้ด้วยความสามารถของตน แต่ละคนก็มีสิทธิที่จะเก็บมันไว้เป็นของตัวเอง!!”
“เยี่ยม! ถูกแล้ว! นั่นคือสิ่งที่ฉันคือบอกเอาไว้ นายคิดจะทำให้ฉันผิดคำพูดของตัวเองหรือยังไง!?” นายน้อยแห่งตระกูลเคียร์รินตะคอกออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหน้ามองมาที่เดวิด
“ไม่ว่าจะได้รับอะไรมา นายไม่ต้องหยิบมันออกมาแสดงให้ใครดูทั้งนั้น!”
และหลังจากที่เอ่ยให้ความมั่นใจออกมาเสร็จเรียบร้อย นายน้อยอลันหันกวาดสายตาไปที่ประตูบานสุดท้าย ก่อนจะกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมจริงจัง “จาก 3 ประตูที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าระดับของนักโทษในห้องขังจะแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้านหลังของประตูบานนี้คงจะเป็นห้องขังที่ควบคุมนักโทษระดับสูงสุดเอาไว้เป็นแน่ อันตรายที่รออยู่คงจะหนักหนาเป็นอย่างยิ่ง พวกเราจะใช้เวลาพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายให้สมบูรณ์ที่สุด ก่อนที่จะเข้าไปสำรวจด้านใน เอาล่ะ! ทุกคนแยกย้ายกันฟื้นฟูตัวเองได้แล้ว!”
ไม่มีใครเอ่ยคำโต้แย้งอะไรออกมา อฮาลีและการ์ดอฟเดินแยกออกไปหาที่นั่งขัดสมาธิกันอยู่เงียบ ๆ ด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ เช่นเดียวกับนายน้อยอลันที่ขยับตัวออกไปนั่งอยู่ที่ริมผนังด้านหนึ่งของห้องโถงหลังจากที่กล่าวจบ ส่วนธีล่า! แววตาของเธอดูจะผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเหตุการณ์สงบลงอย่างง่ายเกินไป สาวน้อยคนนั้นทรุดตัวลงนั่งอยู่กับพื้นอย่างง่าย ๆ ตรงตำแหน่งที่ตัวเองยืนอยู่ ซึ่งมันไม่ได้ห่างจากจุดที่เดวิดนั่งขัดสมาธิอยู่ตั้งแต่ต้นมากนักเลย
“หึ! บอกแล้วว่าให้กินเสียตั้งแต่ตอนที่อยู่ในห้องขังก็ไม่เชื่อ!”
เมื่อได้ยินเสียงบ่นพึมพำแว่วเข้าหูมา เดวิดได้แค่คำรามอยู่ในลำคอเบา ๆ และตัดสินใจที่จะเมินแม่งูพิษสาวคนนี้ไปอย่างสิ้นเชิง กิริยาท่าทางของเธอที่แสดงออกมาตลอดเหตุการณ์วุ่นวายสั้น ๆ ในครั้งนี้อยู่ในการสังเกตของเขาอย่างครบถ้วน ความสงสัยบางอย่างพุ่งสูงขึ้นมาในหัว แต่เดวิดเลือกที่จะไม่สืบสาวราวเรื่องต่อในตอนนี้ เขาแค่ยกระดับความระมัดระวังของตัวเองต่อเธอขึ้นไปอีกขั้นเท่านั้น
“เอาล่ะ! ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม ทางที่ดีเตรียมกระตุ้นยันต์หรืออุปกรณ์ช่วยชีวิตเอาไว้ล่วงหน้าเลย อันตรายที่อยู่ด้านในไม่ใช่เรื่องที่จะประมาทหรือล้อเล่นได้แน่” หลังจากที่ปล่อยให้ทุกคนพักผ่อนอยู่เกือบ 1 ชั่วโมง ในที่สุดนายน้อยอลันก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยปากออกคำสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวสำหรับการสำรวจประตูบานสุดท้าย และเมื่อมองเห็นว่าสมาชิกทุกคนพร้อมแล้ว เขาก็เดินนำผ่านประตูเข้าไปอย่างไม่ลังเล
วูบ!!! ตึง!!!
เหตุการณ์ควรจะเป็นเหมือนเดิม หลังจากที่เขาถูกการเคลื่อนย้ายระยะไกล้ส่งตัวเข้ามาในห้องขังแล้ว ประตูก็ปิดสนิทลงอย่างฉับพลันไม่ต่างจากทุกครั้ง แต่! เดวิดที่ครุ่นคิดอยู่ว่าธีล่าทำอย่างไรถึงได้เคลียร์ห้องขังได้เร็วนัก และกำลังตัดสินใจว่าจะทุ่มพลังออกไปอย่างเต็มที่เพื่อออกไปจากห้องขังแห่งนี้ให้ได้ก่อนที่สาวน้อยคนนั้นจะได้มีโอกาสเข้ามาป่วนตัวเองอีกก็ต้องขมวดคิ้วของตัวเองแน่น คลื่นพลังถูกกระตุ้นหมุนเวียนไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว แต่ก็สายเกินไป ฝ่ามือข้างหนึ่งกระแทกเข้าใส่หน้าอกของเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวเลย
ตูมมมม!!!!!! ตึง!!!!!!!!!
อ๊อก! พรวด!
ร่างของเดวิดกระเด็นถอยหลังไปกระแทกเข้ากับประตูที่เพิ่งปิดตัวลงไปอย่างเต็มแรง พร้อมกับการกระอักเลือดคำโตสวนออกมาจากอาการบาดเจ็บที่ได้รับจากการโจมตีอันรุนแรง
“แค๊ก! แค๊ก!” เขาไอออกมาเบา ๆ อีก 2 ครั้ง พร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ยังค้างอยู่ที่มุมปากออกไปจนหมด สีหน้านั้นเคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง ฝ่ามือเดียว! ตัวเองได้รับบาดเจ็บด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!? แล้วใครเป็นคนทำกันแน่?
ระหว่างการหมุนเวียนเลือดเพื่อฟื้นฟูอวัยวะภายในที่ได้รับบาดเจ็บ สายตาและสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกส่งออกไปตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวในพริบตา จุดที่ถูกส่งตัวออกมาในคราวนี้ไม่ใช่โถงทางเดิน แต่ประตูทางเข้าเชื่อมต่อกับห้องโถงใหญ่โดยตรงเลย
“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมจริง ๆ! มนุษย์! มนุษย์ตัวเป็น ๆ”
ดวงตาของเดวิดหรี่เล็กและแข็งค้างอย่างฉับพลัน ความรู้สึกเย็นเยียบพุ่งขึ้นมาตามกระดูกสันหลัง ไรผมที่ต้นคอและขนตามแขนขาลุกชันอย่างควบคุมไม่ได้ อันตราย! สัญชาตญาณในร่างกายส่งสัญญาณเตือนขั้นสูงสุดออกมาทันทีที่สายตาเห็นร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้า และหูได้ยินเสียงพูดที่ดังขึ้นอย่างชัดเจน
แต่นั่นก็เป็นเวลาแค่แวบเดียวเท่านั้น กล้ามเนื้อทุกส่วนเริ่มผ่อนคลายออก หนังตาเริ่มตกลงมาจนแทบจะอยู่ในสภาพการหลับตา รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก เดวิดจ้องมองไปยังร่างที่มีฮูดคลุมหัวอย่างมิดชิดจนเห็นแค่ประกายสีเขียวเข้มที่ทอออกมาจากดวงตาครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากออกไปด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นเล็กน้อย
“ยอดเยี่ยม! สุดยอด! วิเศษ! ซากศพ! ซากศพพูดได้! ซากศพที่มีชีวิต! โอ้! นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจดีจริง ๆ”