ตอนที่ 35 พี่ชายกลายเป็นสายลับ
หลังเย่อันผิงเปลี่ยนชุด เขาก็รีบไปห้องบำบัดเพื่อมอบวิชานวดแสนล้ำเลิศให้ทั้งสอง
แน่นอน พี่สาวหลิวลังเลตอนได้ยินว่าเขาจะแตะเท้านาง แต่โชคดี ไป่เยวี่ยซินอยู่ดูข้างๆ และหลังลังเล สุดท้ายนางก็ผ่อนคลาย
สำหรับพี่ชายเฉิน เย่อันผิงขอให้เขาถอดเสื้อและกดจุดบนหลังเขา
แม้เขาจะร้องเจ็บในตอนแรก แต่สุดท้าย เขาก็รู้สึกว่าเส้นชีพจรของเขาโล่งขึ้น จากนั้น เขาก็ดื่มชา คุยกับเย่อันผิงสักพัก
เย่อันผิงรับปากว่าจะให้ส่วนลดกับพวกเขาในอนาคตและพวกเขาก็รับปากว่าจะแนะนำศิษย์คนอื่นให้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองกับไป่เยวี่ยซินกลับสำนักไป มันดูเหมือนว่าจะมีชั้นเรียนอะไรบางอย่างและไป่เยวี่ยซินก็บอกว่าจะกลับมาทีหลัง
หลังส่งทั้งสามไป เย่อันผิงก็เปิดร้านใหม่
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ‘กายภาพบำบัด’คือสิ่งใหม่ในโลก
แม้จะมีคนอยากรู้มากมายที่มาถามตลอดเช้า แต่ไม่มีใครเต็มใจจ่ายเพื่อมัน และพวกเขาก้รู้สึกว่าค่าบริการของเขาแพงไป
เดิมเขาคิดจะจัดงานนวดฟรีวันแรก แต่ เขามีคนเดียวในร้านและรับมือกับคนเยอะพร้อมกันไม่ไหว ดังนั้น เขาเลยฝากความหวังกับไป่เยวี่ยซิน
ตอนนี้ เย่อันผิงนั่งในห้อง คำนวณเงิน วางแผนค่าใช้จ่ายในอนาคตและเม็ดยาที่น้องสาวเขาต้องใช้
แต่จู่ๆชายชุดดำก็เดินเข้ามา
“ยินดีต้อนรับครับ”เย่อันผิงคิดว่ามันอาจเป็นคนอื่นที่อาจมาถามว่ากายภาพบำบัดคือ อะไร เขาเลยรีบทักทาย แต่ไม่คิดว่าจะถูกถามว่า“ที่นี่มีวิหคเพลิงขายไหม?”
วิหคเพลิง หนึ่งในสี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ โลกนี้เองก็มีตำนานเดียวกัน ว่ากันว่ามีอสูรเซียนที่คอยเฝ้าสี่ทิศของโลก เหนือ ใต้ ออกและตก
แต่เย่อันผิงก็ต้องขมวดคิ้วพอได้ยิน
เขาจำได้ว่านี่คือรหัสลับที่สำนักเจ็ดมือสังหารใช้ในเกม
สำนักเจ็ดมือสังหารคือกลุ่มผู้บ่มเพาะพเนจรที่ชอบล่าค่าหัว พวกเขาจะมีทั้งเซียนหรือมาร
ขอแค่จ่ายเงิน ก็สามารถแปะค่าหัวได้ และพวกเขาก็จะรับงานสกปรกทั้งหมด บางครั้งก็ยังช่วยผู้อาวุโสห้าสำนักใหญ่ทำเรื่องในเงา
แต่นี่คือปัญหา
ไม่มี’สถานี’ของสำนักเจ็ดมือสังหารในตลาดเมืองดาวดำ คนคนนี้มาที่นี่ได้ไง?
เย่อันผิงลังเลที่จะตอบรหัส เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าพวกเขามาที่นี่ มันก็หมายความว่าพวกเขากำลังเตรียมลงมือ
ความเสี่ยงของการสวมรอยไม่ใช่น้อย และถ้าพวกเขารู้ เขาจะโดนล่า
แต่ เขารู้ดีถึงสถานการณ์ภายในของสำนักเจ็ดมือสังหาร ถ้าอยากแกล้ง ก็ไม่ยาก
พอเห็นว่าเย่อันผิงยืนนิ่งไม่ตอบ เขาก็หมุนตัวและเดินออกไป
“ขอโทษที”
พอเห็นว่าเขากำลังจะไป เย่อันผิงก็กัดฟันและตอบ“สถานที่เล็กๆแบบนี้จะไปมีวิหคเพลิงขายได้ยังไง?ซื้อนกกระจอกหยกกลับบ้านไปดีไหม?”
“..”
หลังได้ยินประโยคนี้ ชายคนนั้นก็หยุดเดิน มองเหลียวหลัง“เสียงร้องของนกกระจอกหยกน่ารำคาญเกินไป”
“แล้วนกกระจิบเหลืองเล่า?มันมีเสียงร้องน่าฟังและน่ารักด้วย”
“หึ ข้าก็คิดว่าในเมืองนี้จะไม่มีสถานีซะอีก”ชายคนนั้นถอนหายใจและยิ้ม“เจ้าเป็นคนเดียวที่นี่เหรอ?”
“ใช่ แถวนี้ไม่มีสถานีอื่น ข้าเพิ่งเปิดร้านนี้เมื่อวาน”
เย่อันผิงเชิญชายคนนั้นไปห้องหลังและรินชา
หลังดื่มชา ชายคนนั้นก็ถาม“เจ้าได้ยินเรื่องที่ปรมาจารย์ของสำนักพิษมารถูกฆ่าตายในเมืองอู่ซีไหม?”
พอได้ยิน เย่อันผิงก็คิดว่าเขาเลือกถูกที่ตอบรหัสลับ สำนักเจ็ดมือสังหารมาเรื่องอู่โหยวจริง
เขาไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
ขอแค่สำนักพิษมารมีป้ายชีวิต ถ้าอู่โหยวตาย ผู้อาวุโสสำนักจะรู้และต้องส่งคนมาสืบ
ถ้าพบว่าโดนนายน้อยของสำนักร้อยดอกบัวฆ่า งั้นสำนักพิษมารก็ต้องส่งคนมาแน่ เหนือสิ่งอื่นใด อู่โหยวมีชิ้นส่วนของ’ตำราจันทร์ทมิฬ’ในถุง
เย่อันผิงพยักหน้า“ข้าย่อมรู้ ข้าได้ยินว่ามีมังกรทองปรากฏในเมืองวันนั้น”
“อืม ข้าไปโรงเตี๊ยมในเมืองอู่ซีเพื่อสอบถามเกี่ยวกับคนที่จ้องห้องและในที่สุดก็ยืนยันรายชื่อคนได้’
ชายคนนั้นนำกระดาษออกมาส่งให้เย่อันผิง
เย่อันผิงรับมาและเห็นว่ามีแปดชื่อ
ชายคนนั้นถามต่อ“นี่คือชื่อของคนที่เข้าและออกหลังมังกรทองปรากฏ คนที่ฆ่าปรมาจารย์สำนักพิษมารควรอยู่ในนี้ ดูจากชื่อ เจ้ารู้จักใครบ้างไหม?”
เย่อันผิงมองชื่อเขากับเพ่ยเหลียนเสวี่ยและรีบพูด“เย่อันผิง เท่าที่ข้าจำได้ เขาคือนายน้อยของสำนักร้อยดอกบัว สำหรับเพ่ยเหลียนเสวี่ย ดูเหมือนจะเป็นน้องสาวเขา ทั้งคู่ไม่ได้มีพรสวรรค์ดีนัก และอยู่แค่ระดับหลอมลมปราณ”
“แล้ว..ที่เหลือละ?’
“เฉินเซิงอู่คือผู้บ่มเพาะก่อตั้งรากฐาน แต่ควรจะอายุเกินสี่ร้อยปีแล้ว มันไม่น่าจะเป็นเขา”
ชายคนนั้นเงียบไปและถาม“งั้น มีผู้บ่มเพาะคนไหนที่เป็นไปได้ในหมู่แปดคนนี้ไหม?”
“คนที่น่าจะเป็นไปได้?”
“ใช่”ชายคนนั้นพยักหน้า“มังกรทองที่ปรากฏในเมืองอู่ซีเกี่ยวข้องกับวิญญาณมังกรของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง นั่นควรเป็นคนที่ฆ่าปรมาจารย์สำนักพิษมมาร ในเมื่อเขามีเลือดของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ระดับบ่มเพาะเขาก็ต้องไม่ต่ำ สามคนที่เจ้าพูดถึงโดนตัดออกไปได้ แล้วที่เหลืออีกห้าละ?”
“..”
เย่อันผิงมองชื่อด้านล่างเงียบๆ และมีชื่อเฟิงหยูเตี๋ยด้วย
เขาลังเล“เฟิงหยูเตี๋ยดูเหมือนจะมีรากปราณสวรรค์ นางทำให้เกิดความวุ่นวายที่การสอบเข้าสำนัก”
ชายคนนั้นพยักหน้า“ข้าเข้าใจ ข้าจะไปถามแถวตลาด”
“ข้าขอถามได้ไหม มีคำสั่งภายในจากสำนักงั้นหรือ?”
“มีสมบัติในถุงมิติของปรมาจารย์สำนักพิษมาร แต่ข้าไม่มั่นใจว่าคืออะไร ยังไงซะ คำขอก็คือให้หาถุงมิติของเขา ครั้งนี้รางวัลคือหมื่นหินปราณ และก็มีสหายหลายคนมาสืบเรื่องนี้ด้วย”
“แล้ว..เจ้าจะทำอะไรต่อ?”
ชายคนนั้นคิดสักพักและถาม“เจ้าช่วยข้าหาตารางสอบเข้าของสำนักดาวดำหน่อย เจ้าบอกว่าเฟิงหยูเตี๋ยก็เข้าร่วมสินะ?”
“ใช่”เย่อันผิงขมวดคิ้ว“แต่เจ้าคิดจะจับนางระหว่างการสอบเหรอ?เรากำลังพูดถึงดาวดำ..ไม่ใช่สำนักเล็ก..”
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ข้ารู้กฎและจะไม่ลากเจ้ามายุ่ง ‘ร้าน’ลับมีหน้าที่รวบรวมข้อมูล ทั้งหมดที่เจ้าต้องทำคือช่วยข้าหาตารางสอบในสองสามวันข้างหน้า ข้าจะมาเอาตอนเย็น”
“เข้าใจแล้ว”