ตอนที่ 24 ควบคุมฐานทัพ
เดี๋ยวนะ มันเคยมีด้วยหรอที่ระบบมอบของไร้ประโยชน์ให้เขาหน่ะ?
ซูเฉินนั้นก็ตรวจสอบรายละเอียดของทหารร่มชูชีพ เขานั้นสามารถเรียกทหารร่มชูชีพหนึ่งทีมลงไปที่ใหนและตอนใหนก็ได้ ทหารพวกนี้จะมีความสามารถและอุปกรณ์เหมือนที่เขาสร้างจากโรงทหาร เหมือนเป๊ะๆไม่แตกต่างกันเลย
ถ้าหากมันแค่นั้น มันก็คู่ควรกับการเป็นรางวัลสิ หรือว่า ฉัน แมวน้ำนำโชค ซูเฉิน จะดวงกุดวันนี้กัน?
เป็นไปไม่ได้!
หลังจากซูเฉินตรวจสอบอย่างละเอียด เขาก็ค้นพบอะไรบางอย่าง ในข้อมูลเขียนว่าเขานั้นสามารถเรียกทหารร่มชูชีพไปยังที่ใหนก็ได้ แล้วถ้าหากเขาเรียกลงไปยังพื้นที่สีดำบนแผนที่หล่ะ?
พอคิดถึงเรื่องนี้ ซูเฉินก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ดังนั้นเขาจึงเปิดอินเตอร์เฟสแผนที่แล้วกดตรงพื้นที่สีดำรอบนอกพร้อมกับแสดงความตั้งใจว่าจะเรียกทหารร่มชูชีพลงตรงนั้น เสียงระบบจึงดังขึ้น “โฮสต์ ท่านต้องการเรียกทหารร่มชูชีพลงตรงนั้นเลยหรือไม่?”
“ดูเหมือนจะใช้การได้อยู่แหะ แล้วเรื่องตำแหน่งการเรียกทหารร่มชูชีพเนี่ยมีข้อจำกัดใหม?”
“จะต้องอยู่ภายในระยะรัศมีหนึ่งพันกิโลเมตรโดยมีฐานทัพเป็นศูนย์กลาง”ระบบตอบ
ดวงตาของซูเฉินก็เป็นประกายขึ้นมา ระยะนี้มีความกว้างมากกว่าเรดาห์ถึงสองเท่า นี่แหละเป็นข่าวดีสำหรับเขา พอทำแบบนี้ได้ เขาก็จะได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในพื้นที่อื่นได้สักที
ณ ตอนนี้ เขานั้นรู้สถานการณ์แค่ภายในระยะห้าร้อยกิโลเมตรโดยมีเรดาห์เป็นศูนย์กลาง
“ถ้าหากฉันเรียกทหารร่มชูชีพลงที่นั่น แล้วแผนที่จะแสดงพื้นที่บริเวณนั้นให้เห็นหรือเปล่า?”
ซูเฉินนั้นจำได้ว่าในเกมส์ หลังจากตั้งเรดาห์แล้ว ระยะของมันจะครอบคลุมพื้นทั้งหมดแต่จะเป็นแบบนั้นได้ก็ต่อเมื่อเปิดแผนที่ทั้งหมดแล้ว
ดังนั้นมันก็เหมือนกับตอนนี้ไม่ใช่หรอ?
“ยูนิตของฐานสามารถแสดงพื้นที่ที่เกินระยะของเรดาห์ได้ในชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่สามารถคงอยู่ได้เป็นเวลานาน”
ซูเฉินนั้นก็เข้าใจดีว่าเขาจะเห็นแค่สถานที่ที่ทหารร่มชูชีพอยู่แล้วจากนั้นพื้นที่นั้นก็จะค่อยๆกลับมาดำสนิทเหมือนเดิม
แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น มันก็เพียงพอแล้ว พอคิดถึงเรื่องนี้ ซูเฉินนั้นก็ตัดสินใจเรียกกองทหารร่มชูชีพลงไปยังทิศเหนือซึ่งอยู่ห่างจากฐานหนึ่งพันกิโลเมตร
เขานั้นอยู่ทางใต้ เขาเลยอยากจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในทิศเหนือ
เมื่อซูเฉินทำการเรียกกองทหาร่มชูชีพ ทันใดนั้นเครื่องบิรนลำหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือน่านฟ้าห่างจากฐานไปประมาณหนึ่งพันกิโลเมตร แล้วจากนั้นคนทั้งสิบสองคนก็กระโดดลงมาจากเครื่องบินก่อนที่เครื่องบินจะบินหายเข้ากรีบเมฆไป
ในเวลาเดียวกัน ซูเฉินนั้นก็มองเห็นจุดสีฟ้าปรากฏขึ้นบนพื้นที่สีดำในแผนที่ นี่คือกองทหารร่มชูชีพที่เขาเรียกมา
ทันทีที่กองทหารร่มชูชีพ หนึ่งในนั้นก็ได้ทำการรวมตัวกับทหารนายอื่นๆพร้อมทั้งคอยเฝ้าระวังรอบตัว
“ณ ตอนนี้ไม่พบอันตรายใดๆ เริ่มทำการติดต่อผู้บัญชาการ”ทหารนายหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากล่าวขึ้น
“ผู้บัญชาการครับ กองทหารร่มชูชีพกองแรกลงมายังพื้นที่ได้สำเร็จแล้วครับ โปรดสั่งการต่อด้วย”
“หน้าที่ของพวกนายก็คือทำการตรวจสอบพื้นและดูว่ามีเมืองฐานทัพหรือสถานที่รวมตัวของมนุษย์อยู่แถวบริเวณนั้นหรือไม่ ถ้าหากพบอะไร ให้ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่ ถ้าหากพบสัตว์กลายพันธุ์ หากสามารถสู้ได้ก็สู้ ถ้าไม่ได้ให้หลบหนี เข้าใจใหม?”
สำหรับกองพลทหารร่มชูชีพ ซูเฉินนั้นวางแผนจะใช้พลังงานเสริมแกร่งพวกนี้แต่ระบบบอกเขาว่าทั้งกองพลนั้นไม่ได้อยู่ในระยะวิสัยทัศน์ของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเสริมแกร่งให้พวกนี้ได้ยกเว้นเขาจะสร้างดาวเทียมสอดแนม(Spy Satellite)
โชคดีที่ ทหารพวกนี้มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับหนึ่งดาวสูงสุดในทันทีที่พวกนั้นเกิดขึ้นมา ดังนั้นพวกนั้นจึงมีความสามารถในการป้องกันตัวเองอยู่ ตราบใดที่ไม่ได้ทำเรื่องโง่ๆ
หลังจากได้รับคำสั่ง กองพลทหารร่มชูชีพก็เริ่มทำการตรวจสอบพื้นที่รอบๆ
ในตอนนี้ เสียงระบบก็ได้ปรากฏขึ้น “ภารกิจปรากฏ ทำการควบคุมเมืองฐาน โดยวิธีการใหนก็ตามและต้องไม่ทำให้ประชากรลดต่ำกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ หากทำภารกิจสำเร็จจะได้รับการเลื่อนระดับผู้บัญชาการหนึ่งขั้นพร้อมกับโอกาสสุ่มรางวัลสามครั้ง หากทำผิดพลาดจะโดนลดระดับผู้บัญชาการ”
ภารกิจนี้ทำให้ซูเฉินถึงกับขมวดคิ้ว ภารกิจนี้มันสร้างความเครียดให้เขาพอตัวเลย พลังกองทัพของเมืองฐานทัพนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถรับมือได้ในตอนนี้
โชคดีที่ ภารกิจนั้นไม่ได้จำกัดเวลา เขานั้นแค่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จเท่านั้น
และมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับกองพลทหารร่มชูชีพด้วย ดังนั้นซูเฉินจึงไม่ได้ใส่ใจพวกนั้นเท่าไหร่ ต่อมาเขาก็ได้มาพบเหลิงหยูเหว่ยและพรรคพวกนี้ ในขณะนี้ทั้งสามนั้นกำลังพักผ่อนกันอยู่ในบ้านไม้
แม้ว่ามันจะเรียกว่าพักผ่อนแต่ความจริงแล้วพวกเขาถูกกักตัวต่างหาก
“ซูเฉิน นายต้องการอะไรกัน? นี่นายตั้งใจจะขังพวกเราจนตายเลยหรือไง?”พอเห็นซูเฉินปรากฏตัว ลั่วฮางนั้นก็รวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมาก่อนที่จะหนีไปหลบอยู่ด้านหลังของเหลิงหยูเหว่ย เห็นได้ชัดว่าเขานั้นหวาดกลัวขนาดใหน
“ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้นสักหน่อย เอางี้แล้วกัน ฉันจะมอบโอกาสให้”ซูเฉินก็นั่งลงอย่างใจเย็น
“โอกาส?”ทั้งสามก็หันมามองกันและกัน
“พวกนายก็น่าจะเห็นชะตากรรมของสถานที่รวมตัวแล้วสินะ ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉัน ชะตาของพวกนายก็ไม่ต่างอะไรกับคนอื่น”
ทั้งสามก็พยักหน้า พวกเขานั้นรู้ดีว่าซูเฉินนั้นเป็นคนช่วยพวกเขา
“ในเมื่อเป็นแบบนั้น มาช่วยฉันแล้วฉันจะตอบแทนให้ แบบนี้โอเคใหม?”
เหลิงหยูเหว่ยก็พูดออกมาอย่างจริงจัง “มีอะไรก็พูดมาซะ”
“ก็ได้ๆ สมแล้วที่เธอเป็นหัวหน้าหน่วยกุหลาบ”ซูเฉินก็ปรบมือก่อนที่ทหารหลายนายจะเดินเข้ามาแล้ววางอาวุปืนและอุปกรณ์สวมใส่จำนวนมากลงบนโต๊ะ
“ฉันต้องการให้พวกเธอเข้าไปยังเมืองฐานทัพ ใต่เต้าขึ้นเป็นคนใหญ่คนโตและทำหน้าที่เป็นสปายให้ฉัน”
“แล้วนายต้องการอะไรกันแน่?”พอได้ยินถึงสิ่งที่ซูเฉินอยากจะให้พวกเธอทำ เหลิงหยูเหว่ยก็รู้สึกไม่สบายใจ
“ก็ไม่ได้มีอะไรมาก ฉันก็แค่เบื่อเลยอยากจะเข้ายึดเมืองฐานทัพเอง”
เปรี้ยง!!
ดูหมอนี่พูดสิ เพราะเบื่อเลยอยากยึดเมืองฐานทัพ? นี่นายรู้จักเมืองฐานทัพหรือเปล่า?
“ซูเฉิน เมืองฐานทัพหน่ะไม่ได้เรียง่ายเหมือนที่นายคิดหรอก จากที่ฉันรู้ เมืองฐานทัพหน่ะแบ่งแยกออกเป็นสามระดับ ระดับหนึ่ง ระดับสอง ระดับสาม ระดับหนึ่งจะเป็นเมืองที่ทรงพลังที่สุดซึ่งมีคนเหนือมนุษย์ระดับแปดดาวคอยคุ้มครอง และในโลกนี้มีเพียงห้าแห่งเท่านั้น ต่อมาเมืองฐานทัพระดับสอง มีห้าแห่ง และเมืองฐานทัพที่เยอะที่สุดก็คือระดับสามซึ่งมีหกสิบแห่ง เมืองฐานทัพที่ใกล้ที่สุดในตอนนี้ก็คือเมืองฐานทัพระดับสาม เมืองหวังชาง”
“อย่าดูถูกเมืองฐานทัพระดับสามล่ะ เมืองแต่ละแห่งหน่ะมีคนเหนือมนุษย์ระดับเจ็ดดาวพำนักอยู่ และคนเหนือมนุษย์ระดับหกดาวขึ้นไปนั้นล้วนแล้วแต่ทรงพลังด้วยกันทั้งสิ้น กล่าวได้ว่าพวกเขานั้นเป็นอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ก็ว่าได้ และแต่ละคนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นทรัพย์สินที่มีค่ามาก หากไม่มีพวกเขา สถานการณ์ของมนุษย์ในปัจจุบันคงไม่ดีเท่านี้หรอก”
“ถ้าหากนายอยากจะควบคุมเมืองฐานทัพ ไม่เพียงนายต้องมีขุมกำลังทางทหารที่แข็งแกร่ง แต่ยังต้องมีขุมกำลังที่ทรงพลังหนุนหลังด้วย พวกคนเหนือมนุษย์ที่มีระดับเจ็ดดาวขึ้นไปนั้นล้วนแล้วแต่มีภูมิหลังที่ทรงพลังทั้งสิ้น ไม่งั้นพวกเขาคงไม่ก้าวมาถึงจุดๆนี้ได้หรอก แต่ว่ามีเพียงคนเหนือมนุษย์ระดับเจ็ดดาวขึ้นไปไม่กี่คนเท่านั้นที่พึ่งพาแต่ตัวเองมาถึงระดับนี้โดยไม่มีใครหนุนหลังซึ่งมันเป็นอะไรที่หายากมาก”
ลั่วฮางและจางเถานั้นก็นั่งฟังด้วยความหลงใหล นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเรื่องเกี่ยวสถานการณ์ภายนอก และข้อมูลแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถหามาได้
ตรงๆแล้วก็คือ แม้ว่าทุกคนจะรู้เรื่องของเมืองฐานทัพแต่ในสถานที่รวมตัว มีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้รู้เรื่องพวกนี้