ตอนที่แล้วChapter 97 : บางทีอาจจะเป็นประสงค์ของพระเจ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 99 : นักสู้ขอบเขตที่7สามคนลอบโจมตีคนหนุ่มอย่างฉันเนี่ยนะ

Chapter 98 : ราตรีแห่งการสังหาร!


หลินเซวียนไม่ได้ดูต่อ

ด้วยความแข็งแกร่งของฉู่เผิงเฉิงและคนอื่นๆพวกเขาน่าจะสามารถตรวจสอบบริเวณอื่นๆภายในภูเขาอัสนีร่วงได้ทุกที่ยกเว้นแต่ยอดเขาหลัก

อย่างไรก็ตามถ้าพวกเขาเลือกที่จะปีนยอดเขาหลักของภูเขาอัสนีร่วงจริงๆความอันตรายก็จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

ดังนั้นต่อให้เขาดูต่อก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่ต่างอะไรไปจากการเสียเวลาฟรีๆเลยซักนิด

“เวลาของฉันมีค่า ฉันต้องใช้ทุกนาทีและทุกวินาทีบนคมมีดตลอดเวลา”

หลินเซวียนพยักหน้าด้วยท่าทีเคร่งขรึม เขานำผ้าห่มผืนเล็กๆมาห่อตัวเอาไว้แน่นและหาท่าที่พอเหมาะพอเจาะเอนหลังลง

จากที่พวกเวรยามตกลงกัน คิวของหลินเซวียนรับหน้าที่น่าจะเป็นช่วงกะสองของคืนพร้อมกับเหวินเซี่ยง ซูซวนและลู่หลัวรับผิดชอบกะแรก

ราตรีนี้ไม่ได้อันตรายดังที่เขาคิด ตลอดทั้งค่ำคืนไม่มีผู้ใดกล้าเข้าโจมตีเมืองหลงไห่เลยแม้แต่คนเดียว

แน่นอนว่าเป็นไปได้เหมือนกันที่พวกคนภายนอกซึ่งลอบเข้ามาจากทางชายแดนยังมาไม่ถึง

“ดูผลประกอบการที่ได้ก่อนแล้วกัน แดนลับขอบเขตที่7จะมีอะไรดีๆบ้างน้า?”

หลินเซวียนตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่และรีบตรวจสอบทันทีว่าร่างอวตารทั้งเจ็ดได้อะไรมาบ้าง

[สิงโตอัสนีได้ทำการฝึกฝนมาแล้ว10ชั่วโมงและถึงขีดจำกัดระยะเวลาการฝึกฝนแล้ว ท่านได้รับ – 16,200แก่นแท้ , หนังสือสกิลขอบเขตที่7สามเล่ม , อุปกรณ์สวมใส่ขอบเขตที่7ห้าชิ้น , รูนขอบเขตที่7สี่ก้อน , ศิลาไขกระดูกสายฟ้า1ชิ้น , และไข่มุกแดนลับ1ก้อน ท่านต้องการรวบรวมหรือไม่?]

หลินเซวียนประหลาดใจยิ่งนัก

ศิลาไขกระดูกสายฟ้า? ไข่มุกแดนลับ? ของใหม่นี่หว่า!

[ชื่อ : ศิลาไขกระดูกสายฟ้า]

[เกรด : ไร้ที่ติสีทอง]

[ความสามารถ : หลังจากใช้งาน ความสามารถของสกิลธาตุสายฟ้าที่จะแข็งแกร่งขึ้น200% ความเสียหายจากธาตุอื่นๆจะลดลง90% ระยะเวลา : 10นาที – หลังจากระยะเวลาการใช้งานสิ้นสุดลงค่าสถานะทั้งหมดจะลดลง20%]

หลินเซวียนพยักหน้าเบาๆ หลังจากเห็นความสามารถของเจ้าสิ่งนี้แล้วเขาก็รู้ทันทีว่ามันใช้ทำอะไร

มันสามารถใช้เพื่อเสริมพลังของเวทย์สายฟ้าได้ช่วงสั้นๆ ยิ่งไปกว่านั้นเวทย์ที่ว่ายังไม่ได้จำกัดเพียงแค่เวทย์สายฟ้าประเภทโจมตีเท่านั้นแต่ยังส่งผลต่อเวทย์ธาตุสายฟ้าทุกประเภท ยกตัวอย่างเช่นโล่อัสนีเองก็ได้รับการเสริมแกร่งเช่นกัน

สิ่งนี้น่าสะพรึงมาก

เจ้าสิ่งนี้สามารถเสริมพลังให้กับโล่อัสนีได้ถึง200% ด้วยความสามารถระดับนี้กระทั่งจอมเวทย์อ่อนแอก็ยังยากที่จะถูกสังหาร

อย่างไรก็ตามผลข้างเคียงของมันเองก็ชัดเจนมากเหมือนกัน

จริงอยู่ว่ามันมอบพลังมหาศาลให้เป็นเวลาสิบนาที

แต่หลังจากระยะเวลานั้นสิ้นสุดลงคนผู้นั้นก็จะอ่อนแอลงและค่าสถานะลดลงถึง20% ตัวเลขนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย

ถ้าไม่สามารถสังหารศัตรูลงได้ใน10นาทีหรือหลบหนีไม่สำเร็จนั่นก็ไม่ต่างอะไรจากตายไปแล้ว

หลินเซวียนดูไข่มุกแดนลับบ้าง

[ชื่อ : ไข่มุกแดนลับ]

[เกรด : ไร้ที่ติสีทอง]

[ความสามารถ : ใช้งานไข่มุกแดนลับ100ก้อนเพื่ออัพเกรดสกิลเกรดสีทองเป็นสกิลเกรดสีทองดำในตำนาน]

หลินเซวียน “!!!”

เจ้านี่แหละ!

ก่อนหน้านี้แบล็คเคยบอกกับเขามาก่อนแล้วว่าเกรดสีทองไม่ใช่ระดับสูงสุด

แดนลับขอบเขตที่7ทุกแดนจะมีไอเทมดรอปจำพวกหนึ่งที่น่าสนใจ ไอเทมเหล่านี้สามารถยกระดับสกิลเกรดสีทองของผู้ใช้ขึ้นไปได้อีกหนึ่งระดับ!

“ไข่มุกแดนลับ! เจ้านี่คือสมบัติที่นักสู้ขอบเขตที่7และเหนือกว่าทั้งหมดล้วนต้องการ!”

“หลังจากเกรดของสกิลเพิ่มขึ้นผลประโยชน์ที่ตามมาย่อมไม่ใช่น้อยๆ”

สกิลของหลินเซวียนเกือบทั้งหมดล้วนเป็นเกรดสีทองทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นเลเวลสกิลของเขายังไม่ต่ำมากอีกด้วย

ในทางกลับกันนักสู้บางคนยังมีสกิลขอบเขตที่4อยู่เลยแม้ตัวเองจะเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตที่6แล้วก็ตาม

โดยเฉพาะสกิลตรวจสอบ สกิลปลอมแปลงระดับสูงและสกิลอ่อนแอเกรดสีทองที่ทำให้หลินเซวียนได้รับความสามารถในการหลอกเหล่านักสู้ที่ระดับเหนือกว่าตัวเองได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสอดส่องข้อมูลของผู้อื่นได้อีกด้วย

ก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่พวกเขาอยู่ที่องค์กรเจอร์มินอล แบล็คคิดจะใช้สกิลตรวจสอบเพื่อดูช้อมูลของหลินเซวียน หากแต่สกิลตรวจสอบของเขานั้นเป็นเพียงเกรดสีม่วงเท่านั้นดังนั้นเขาจึงมองข้อมูลของหลินเซวียนไม่ออก

หลินเซวียนปรายตามองไปที่ผลกำไรจากร่างอวตารที่เหลืออีก6ร่าง

และพบว่าเขาได้ศิลาไขกระดูกสายฟ้ามาเพียงสามก้อนและไข่มุกแดนลับเพียงสี่ก้อนเท่านั้น

“อัตราการดรอปของไอเทมทั้งสองอย่างนี้ต่ำมาก...ขนาดว่าเรามีร่างอวตารตั้ง7ร่างนะเนี่ย ถ้าเป็นคนอื่นต่อให้ผ่านไปหนึ่งหรือสองอาทิตย์ก็อาจจะยังไม่ได้ซักชิ้นเลยล่ะมั้ง?” หลินเซวียนส่ายหัวซ้ำไปซ้ำมา อัตราการดรอประยำ!

ตอนนี้พระอาทิตย์ตกแล้ว

เพียงเสี้ยวพริบตาค่ำคืนที่สองหลังจากฉู่เผิงเฉิงและคนอื่นๆเข้าสู่ภูเขาอัสนีร่วงก็มาเยือน

โล่วิญญาณและระเบิดเพลิงรับหน้าที่เฝ้ายามกะแรกของคืนและซูซวนกับเหวินเซี่ยงรับหน้าที่ในกะที่สอง ส่วนลู่หลัวนั้นพักผ่อน

โล่วิญญาณและระเบิดเพลิงแยกย้ายกันเฝ้ายามทางกำแพงทิศใต้และทิศเหนือตามลำดับ

ส่วนกำแพงทิศตะวันออกและตกนั้นมีนักสู้ขอบเขตที่5จำนวนห้าคนคอยเฝ้าระวัง

ถ้าพวกเขาพบกับอันตรายที่ยากจะต้านทานหรือพบผู้บุกรุก นักสู้ทั้งหมดก็จะทำการเปิดเสียงแจ้งเตือนในทันที

ในเวลาเดียวกัน

หัวหน้าองค์กรทุ่งราบมหาสวรรค์และคนอื่นๆใช้ข้อได้เปรียบยามค่ำคืนเข้ามายังกำแพงฝั่งทิศตะวันตกของเมืองหลงไห่อย่างรวดเร็วประดุจดั่งค้างคาวที่บินราบไปกับพื้นดิน

พวกเขาอ้อมเมืองเครนขาวมาและไม่ได้ทำให้คนที่เมืองเครนขาวแตกตื่นแต่อย่างใด

การทำให้เมืองเครนขาวแตกตื่นนั้นเป็นการกระทำที่โง่มากและมีแต่จะทำให้คนของกองพลก่อสร้างระมัดระวังตัวขึ้นไปอีก

ในเมื่อเป้าหมายของหัวหน้าองค์กรคือโล่วิญญาณกับระเบิดเพลิง เขาก็ย่อมต้องไม่ฟุ้งซ่านและระมัดระวังตัวตลอดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย

ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงกำแพงทิศตะวันตก

เนื่องจากไม่มีอะไรผิดสังเกตุเกิดขึ้นในคืนที่แล้วทำให้คนของกองพลก่อสร้างค่อนข้างหละหลวม

หยางเหว่ยมองขึ้นไปบนกำแพงและพบว่าในบรรดานักสู้ขอบเขตที่5ทั้ง5คนนั้นสองคนกำลังงีบหลับและมีตื่นอยู่เพียงสามคนเท่านั้น

อย่างไรก็ตามพวกที่ตื่นอยู่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับการเฝ้าระวังซักเท่าไหร่ อย่างมากก็ตั้งใจเฝ้ายามเพียงแค่ครึ่งนึงจากปกติเท่านั้น

หยางเหว่ยเห็นแบบนี้ก็เบาใจ

“หัวหน้าครับไอเทมที่คุณมอบให้ทรงพลังมากจริงๆ พวกเราเหมือนกับหายตัวอยู่เลยแล้วก็เหมือนกับว่าการกระทำทุกอย่างของพวกเราไม่เสียงอะไรเลย ระหว่างทางก็ไม่ได้ทำให้คนของกองพลก่อสร้างรู้ตัวเลยซักนิด” เขาหัวเราะเบาๆ

สาวน้อยน่ารักโค้ดเนมส์คิลเลอร์บีหัวเราะและเอ่ยออกมา “นั่นคือยันต์ล่องหนซึ่งถูกสร้างจากประเทศที่มีชื่อแห่งหนึ่ง มันจะทำให้พวกเราหายตัวและทำให้ทุกอย่างภายในรัศมี15เมตรเกิดเสียงเบาลง99% เว้นแต่นักสู้ขอบเขตที่9จะมาด้วยตัวเองก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกนั้นจะรับรู้ถึงพวกเราได้”

โม่หยวนและจางเผิงยกนิ้วโป้งให้พร้อมๆกัน “น่าประทับใจมาก น่าประทับใจจริงๆ”

“ขึ้นกำแพง” หัวหน้าองค์กรเอ่ยสั่งออกมาโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

“ครับ!” หยางเหว่ยและอีกสองคนพยักหน้ารับด้วยท่าทีจริงจังและเตรียมจะลงมือโจมตี

“ไม่ได้บอกพวกนาย คิลเลอร์บีเธอไปจัดการซะ” หัวหน้าองค์กรเอ่ยปากหยุดพวกเขาเอาไว้

หยางเหว่ยยิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วน “หัวหน้าครับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่จำเป็นต้องลำบากนักสู้ขอบเขตที่7หรอก พวกเราเองก็ทำได้”

“ใช่แล้วๆ” โม่หยวนกับจางเผิงเองก็พยักหน้าเห็นด้วย

หัวหน้าองค์กรไม่ได้กล่าวอะไรอีกและทำเพียงแค่ส่งสัญญาณให้พวกเขามองขึ้นไปบนกำแพงเท่านั้น

การลงมือของคิลเลอร์บีหมดจดจนน่าสะพรึง

หลังจากเท้าแตะลงบนกำแพงอย่างแผ่วเบาสองครั้งร่างของเจ้าหล่อนก็พลิกขึ้นไปบนกำแพงอย่างสบายๆ

นิ้วมือที่ดูอ่อนนุ่มของเจ้าหล่อนที่แทงเข้าใส่ผิวหนังของเหล่านักสู้ขอบเขตที่5กลับดูราวกับหนามพิษและทำให้พวกเขาหมดสติไปในทันที

คิลเลอร์บีใช้เวลาในการสังหารคนสี่คนไปเพียงสามวินาทีเท่านั้น

จากนั้นเธอก็คว้าร่างของชายคนที่ห้าขึ้นมาและกระโดดกลับลงไปใต้กำแพง

กระบวนการทั้งหมดนั้นกินเวลาไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำ

หยางเหว่ยและอีกสองคนรู้สึกหนังหัวชาด้านขึ้นมาโดยพลัน

สาวน้อยน่ารักแลดูบอบบางผู้นี้เวลาฆ่าคนกลับไม่แม้แต่จะกระพริบตา

น่ากลัวชิบหาย

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าหล่อนถึงได้โค้ดเนมส์ว่าคิลเลอร์บี

หนนี้แทนที่จะใช้นิ้วอื่นๆคิลเลอร์บีกลับเหยียดนิ้วก้อยออกมาและแทงไปที่ลำคอของนักสู้คนนั้นแทน

นักสู้ผู้นี้ที่เดิมทีมีสีหน้าสับสนจู่ๆก็พลันสงบลงราวกับถูกเวทย์มนตร์บางอย่างควบคุม

“โล่วิญาณกับระเบิดเพลิงอยู่ที่ไหน?” หัวหน้าองค์กรถามออกมา

“โล่วิญญาณอยู่บนกำแพงทิศเหนือส่วนระเบิดเพลิงอยู่บนกำแพงทิศใต้” นักสู้คนนั้นตอบกลับทื่อๆ

หัวหน้าองค์กรพยักหน้า

คิลเลอร์บีจับคอของนักสู้คนนั้นและบิด

“ไปที่กำแพงทิศใต้ก่อน ความสามารถในการสร้างความเสียหายของระเบิดเพลิงสูงเกินไป เจ้าหมอนี่จะเป็นตัวอันตรายยิ่งกว่าถ้าเติบโตจนกล้าแข็งขึ้นมา” หัวหน้าองค์กรอธิบายให้คนอื่นๆฟัง

“รับทราบ!” ทุกคนพยักหน้ารับ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด