Chapter 98 : ราตรีแห่งการสังหาร!
หลินเซวียนไม่ได้ดูต่อ
ด้วยความแข็งแกร่งของฉู่เผิงเฉิงและคนอื่นๆพวกเขาน่าจะสามารถตรวจสอบบริเวณอื่นๆภายในภูเขาอัสนีร่วงได้ทุกที่ยกเว้นแต่ยอดเขาหลัก
อย่างไรก็ตามถ้าพวกเขาเลือกที่จะปีนยอดเขาหลักของภูเขาอัสนีร่วงจริงๆความอันตรายก็จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ดังนั้นต่อให้เขาดูต่อก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่ต่างอะไรไปจากการเสียเวลาฟรีๆเลยซักนิด
“เวลาของฉันมีค่า ฉันต้องใช้ทุกนาทีและทุกวินาทีบนคมมีดตลอดเวลา”
หลินเซวียนพยักหน้าด้วยท่าทีเคร่งขรึม เขานำผ้าห่มผืนเล็กๆมาห่อตัวเอาไว้แน่นและหาท่าที่พอเหมาะพอเจาะเอนหลังลง
จากที่พวกเวรยามตกลงกัน คิวของหลินเซวียนรับหน้าที่น่าจะเป็นช่วงกะสองของคืนพร้อมกับเหวินเซี่ยง ซูซวนและลู่หลัวรับผิดชอบกะแรก
ราตรีนี้ไม่ได้อันตรายดังที่เขาคิด ตลอดทั้งค่ำคืนไม่มีผู้ใดกล้าเข้าโจมตีเมืองหลงไห่เลยแม้แต่คนเดียว
แน่นอนว่าเป็นไปได้เหมือนกันที่พวกคนภายนอกซึ่งลอบเข้ามาจากทางชายแดนยังมาไม่ถึง
“ดูผลประกอบการที่ได้ก่อนแล้วกัน แดนลับขอบเขตที่7จะมีอะไรดีๆบ้างน้า?”
หลินเซวียนตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่และรีบตรวจสอบทันทีว่าร่างอวตารทั้งเจ็ดได้อะไรมาบ้าง
[สิงโตอัสนีได้ทำการฝึกฝนมาแล้ว10ชั่วโมงและถึงขีดจำกัดระยะเวลาการฝึกฝนแล้ว ท่านได้รับ – 16,200แก่นแท้ , หนังสือสกิลขอบเขตที่7สามเล่ม , อุปกรณ์สวมใส่ขอบเขตที่7ห้าชิ้น , รูนขอบเขตที่7สี่ก้อน , ศิลาไขกระดูกสายฟ้า1ชิ้น , และไข่มุกแดนลับ1ก้อน ท่านต้องการรวบรวมหรือไม่?]
หลินเซวียนประหลาดใจยิ่งนัก
ศิลาไขกระดูกสายฟ้า? ไข่มุกแดนลับ? ของใหม่นี่หว่า!
—
[ชื่อ : ศิลาไขกระดูกสายฟ้า]
[เกรด : ไร้ที่ติสีทอง]
[ความสามารถ : หลังจากใช้งาน ความสามารถของสกิลธาตุสายฟ้าที่จะแข็งแกร่งขึ้น200% ความเสียหายจากธาตุอื่นๆจะลดลง90% ระยะเวลา : 10นาที – หลังจากระยะเวลาการใช้งานสิ้นสุดลงค่าสถานะทั้งหมดจะลดลง20%]
—
หลินเซวียนพยักหน้าเบาๆ หลังจากเห็นความสามารถของเจ้าสิ่งนี้แล้วเขาก็รู้ทันทีว่ามันใช้ทำอะไร
มันสามารถใช้เพื่อเสริมพลังของเวทย์สายฟ้าได้ช่วงสั้นๆ ยิ่งไปกว่านั้นเวทย์ที่ว่ายังไม่ได้จำกัดเพียงแค่เวทย์สายฟ้าประเภทโจมตีเท่านั้นแต่ยังส่งผลต่อเวทย์ธาตุสายฟ้าทุกประเภท ยกตัวอย่างเช่นโล่อัสนีเองก็ได้รับการเสริมแกร่งเช่นกัน
สิ่งนี้น่าสะพรึงมาก
เจ้าสิ่งนี้สามารถเสริมพลังให้กับโล่อัสนีได้ถึง200% ด้วยความสามารถระดับนี้กระทั่งจอมเวทย์อ่อนแอก็ยังยากที่จะถูกสังหาร
อย่างไรก็ตามผลข้างเคียงของมันเองก็ชัดเจนมากเหมือนกัน
จริงอยู่ว่ามันมอบพลังมหาศาลให้เป็นเวลาสิบนาที
แต่หลังจากระยะเวลานั้นสิ้นสุดลงคนผู้นั้นก็จะอ่อนแอลงและค่าสถานะลดลงถึง20% ตัวเลขนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย
ถ้าไม่สามารถสังหารศัตรูลงได้ใน10นาทีหรือหลบหนีไม่สำเร็จนั่นก็ไม่ต่างอะไรจากตายไปแล้ว
หลินเซวียนดูไข่มุกแดนลับบ้าง
—
[ชื่อ : ไข่มุกแดนลับ]
[เกรด : ไร้ที่ติสีทอง]
[ความสามารถ : ใช้งานไข่มุกแดนลับ100ก้อนเพื่ออัพเกรดสกิลเกรดสีทองเป็นสกิลเกรดสีทองดำในตำนาน]
—
หลินเซวียน “!!!”
เจ้านี่แหละ!
ก่อนหน้านี้แบล็คเคยบอกกับเขามาก่อนแล้วว่าเกรดสีทองไม่ใช่ระดับสูงสุด
แดนลับขอบเขตที่7ทุกแดนจะมีไอเทมดรอปจำพวกหนึ่งที่น่าสนใจ ไอเทมเหล่านี้สามารถยกระดับสกิลเกรดสีทองของผู้ใช้ขึ้นไปได้อีกหนึ่งระดับ!
“ไข่มุกแดนลับ! เจ้านี่คือสมบัติที่นักสู้ขอบเขตที่7และเหนือกว่าทั้งหมดล้วนต้องการ!”
“หลังจากเกรดของสกิลเพิ่มขึ้นผลประโยชน์ที่ตามมาย่อมไม่ใช่น้อยๆ”
สกิลของหลินเซวียนเกือบทั้งหมดล้วนเป็นเกรดสีทองทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นเลเวลสกิลของเขายังไม่ต่ำมากอีกด้วย
ในทางกลับกันนักสู้บางคนยังมีสกิลขอบเขตที่4อยู่เลยแม้ตัวเองจะเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตที่6แล้วก็ตาม
โดยเฉพาะสกิลตรวจสอบ สกิลปลอมแปลงระดับสูงและสกิลอ่อนแอเกรดสีทองที่ทำให้หลินเซวียนได้รับความสามารถในการหลอกเหล่านักสู้ที่ระดับเหนือกว่าตัวเองได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสอดส่องข้อมูลของผู้อื่นได้อีกด้วย
ก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่พวกเขาอยู่ที่องค์กรเจอร์มินอล แบล็คคิดจะใช้สกิลตรวจสอบเพื่อดูช้อมูลของหลินเซวียน หากแต่สกิลตรวจสอบของเขานั้นเป็นเพียงเกรดสีม่วงเท่านั้นดังนั้นเขาจึงมองข้อมูลของหลินเซวียนไม่ออก
หลินเซวียนปรายตามองไปที่ผลกำไรจากร่างอวตารที่เหลืออีก6ร่าง
และพบว่าเขาได้ศิลาไขกระดูกสายฟ้ามาเพียงสามก้อนและไข่มุกแดนลับเพียงสี่ก้อนเท่านั้น
“อัตราการดรอปของไอเทมทั้งสองอย่างนี้ต่ำมาก...ขนาดว่าเรามีร่างอวตารตั้ง7ร่างนะเนี่ย ถ้าเป็นคนอื่นต่อให้ผ่านไปหนึ่งหรือสองอาทิตย์ก็อาจจะยังไม่ได้ซักชิ้นเลยล่ะมั้ง?” หลินเซวียนส่ายหัวซ้ำไปซ้ำมา อัตราการดรอประยำ!
ตอนนี้พระอาทิตย์ตกแล้ว
เพียงเสี้ยวพริบตาค่ำคืนที่สองหลังจากฉู่เผิงเฉิงและคนอื่นๆเข้าสู่ภูเขาอัสนีร่วงก็มาเยือน
โล่วิญญาณและระเบิดเพลิงรับหน้าที่เฝ้ายามกะแรกของคืนและซูซวนกับเหวินเซี่ยงรับหน้าที่ในกะที่สอง ส่วนลู่หลัวนั้นพักผ่อน
โล่วิญญาณและระเบิดเพลิงแยกย้ายกันเฝ้ายามทางกำแพงทิศใต้และทิศเหนือตามลำดับ
ส่วนกำแพงทิศตะวันออกและตกนั้นมีนักสู้ขอบเขตที่5จำนวนห้าคนคอยเฝ้าระวัง
ถ้าพวกเขาพบกับอันตรายที่ยากจะต้านทานหรือพบผู้บุกรุก นักสู้ทั้งหมดก็จะทำการเปิดเสียงแจ้งเตือนในทันที
ในเวลาเดียวกัน
หัวหน้าองค์กรทุ่งราบมหาสวรรค์และคนอื่นๆใช้ข้อได้เปรียบยามค่ำคืนเข้ามายังกำแพงฝั่งทิศตะวันตกของเมืองหลงไห่อย่างรวดเร็วประดุจดั่งค้างคาวที่บินราบไปกับพื้นดิน
พวกเขาอ้อมเมืองเครนขาวมาและไม่ได้ทำให้คนที่เมืองเครนขาวแตกตื่นแต่อย่างใด
การทำให้เมืองเครนขาวแตกตื่นนั้นเป็นการกระทำที่โง่มากและมีแต่จะทำให้คนของกองพลก่อสร้างระมัดระวังตัวขึ้นไปอีก
ในเมื่อเป้าหมายของหัวหน้าองค์กรคือโล่วิญญาณกับระเบิดเพลิง เขาก็ย่อมต้องไม่ฟุ้งซ่านและระมัดระวังตัวตลอดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงกำแพงทิศตะวันตก
เนื่องจากไม่มีอะไรผิดสังเกตุเกิดขึ้นในคืนที่แล้วทำให้คนของกองพลก่อสร้างค่อนข้างหละหลวม
หยางเหว่ยมองขึ้นไปบนกำแพงและพบว่าในบรรดานักสู้ขอบเขตที่5ทั้ง5คนนั้นสองคนกำลังงีบหลับและมีตื่นอยู่เพียงสามคนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามพวกที่ตื่นอยู่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับการเฝ้าระวังซักเท่าไหร่ อย่างมากก็ตั้งใจเฝ้ายามเพียงแค่ครึ่งนึงจากปกติเท่านั้น
หยางเหว่ยเห็นแบบนี้ก็เบาใจ
“หัวหน้าครับไอเทมที่คุณมอบให้ทรงพลังมากจริงๆ พวกเราเหมือนกับหายตัวอยู่เลยแล้วก็เหมือนกับว่าการกระทำทุกอย่างของพวกเราไม่เสียงอะไรเลย ระหว่างทางก็ไม่ได้ทำให้คนของกองพลก่อสร้างรู้ตัวเลยซักนิด” เขาหัวเราะเบาๆ
สาวน้อยน่ารักโค้ดเนมส์คิลเลอร์บีหัวเราะและเอ่ยออกมา “นั่นคือยันต์ล่องหนซึ่งถูกสร้างจากประเทศที่มีชื่อแห่งหนึ่ง มันจะทำให้พวกเราหายตัวและทำให้ทุกอย่างภายในรัศมี15เมตรเกิดเสียงเบาลง99% เว้นแต่นักสู้ขอบเขตที่9จะมาด้วยตัวเองก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกนั้นจะรับรู้ถึงพวกเราได้”
โม่หยวนและจางเผิงยกนิ้วโป้งให้พร้อมๆกัน “น่าประทับใจมาก น่าประทับใจจริงๆ”
“ขึ้นกำแพง” หัวหน้าองค์กรเอ่ยสั่งออกมาโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“ครับ!” หยางเหว่ยและอีกสองคนพยักหน้ารับด้วยท่าทีจริงจังและเตรียมจะลงมือโจมตี
“ไม่ได้บอกพวกนาย คิลเลอร์บีเธอไปจัดการซะ” หัวหน้าองค์กรเอ่ยปากหยุดพวกเขาเอาไว้
หยางเหว่ยยิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วน “หัวหน้าครับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่จำเป็นต้องลำบากนักสู้ขอบเขตที่7หรอก พวกเราเองก็ทำได้”
“ใช่แล้วๆ” โม่หยวนกับจางเผิงเองก็พยักหน้าเห็นด้วย
หัวหน้าองค์กรไม่ได้กล่าวอะไรอีกและทำเพียงแค่ส่งสัญญาณให้พวกเขามองขึ้นไปบนกำแพงเท่านั้น
การลงมือของคิลเลอร์บีหมดจดจนน่าสะพรึง
หลังจากเท้าแตะลงบนกำแพงอย่างแผ่วเบาสองครั้งร่างของเจ้าหล่อนก็พลิกขึ้นไปบนกำแพงอย่างสบายๆ
นิ้วมือที่ดูอ่อนนุ่มของเจ้าหล่อนที่แทงเข้าใส่ผิวหนังของเหล่านักสู้ขอบเขตที่5กลับดูราวกับหนามพิษและทำให้พวกเขาหมดสติไปในทันที
คิลเลอร์บีใช้เวลาในการสังหารคนสี่คนไปเพียงสามวินาทีเท่านั้น
จากนั้นเธอก็คว้าร่างของชายคนที่ห้าขึ้นมาและกระโดดกลับลงไปใต้กำแพง
กระบวนการทั้งหมดนั้นกินเวลาไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำ
หยางเหว่ยและอีกสองคนรู้สึกหนังหัวชาด้านขึ้นมาโดยพลัน
สาวน้อยน่ารักแลดูบอบบางผู้นี้เวลาฆ่าคนกลับไม่แม้แต่จะกระพริบตา
น่ากลัวชิบหาย
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าหล่อนถึงได้โค้ดเนมส์ว่าคิลเลอร์บี
หนนี้แทนที่จะใช้นิ้วอื่นๆคิลเลอร์บีกลับเหยียดนิ้วก้อยออกมาและแทงไปที่ลำคอของนักสู้คนนั้นแทน
นักสู้ผู้นี้ที่เดิมทีมีสีหน้าสับสนจู่ๆก็พลันสงบลงราวกับถูกเวทย์มนตร์บางอย่างควบคุม
“โล่วิญาณกับระเบิดเพลิงอยู่ที่ไหน?” หัวหน้าองค์กรถามออกมา
“โล่วิญญาณอยู่บนกำแพงทิศเหนือส่วนระเบิดเพลิงอยู่บนกำแพงทิศใต้” นักสู้คนนั้นตอบกลับทื่อๆ
หัวหน้าองค์กรพยักหน้า
คิลเลอร์บีจับคอของนักสู้คนนั้นและบิด
“ไปที่กำแพงทิศใต้ก่อน ความสามารถในการสร้างความเสียหายของระเบิดเพลิงสูงเกินไป เจ้าหมอนี่จะเป็นตัวอันตรายยิ่งกว่าถ้าเติบโตจนกล้าแข็งขึ้นมา” หัวหน้าองค์กรอธิบายให้คนอื่นๆฟัง
“รับทราบ!” ทุกคนพยักหน้ารับ