ตอนที่แล้ว1317 - ภูเขาหลิงซานเหือดแห้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1319 - ตระกูลอสูร

1318 - รนหาที่ตาย


1318 - รนหาที่ตาย

เย่ฟ่านถูกผลักดันกลับไปที่เส้นทางด้านนอก สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ต้นโพธิ์โบราณซึ่งสูญเสียใบไปหมดแล้ว ใต้ต้นโพธิ์นั้นยังมีเส้นทางสีทองทอดยาวไปไม่สิ้นสุดเพียงแต่มันค่อนข้างมืดสลัว

เย่ฟ่านรู้ดีว่าต่อให้เขาเดินตามเส้นทางสีทองนั้นไปก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ภูเขาหลิงซานตายไปแล้ว มันไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะอยู่ที่นี่ต่อ

“บูม”

ในตอนท้ายคลื่นพลังลูกใหญ่ซัดเข้ามา เขาถูกเหวี่ยงไปกว่าร้อยลี้ และไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนาอีก

เย่ฟ่านเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ภูเขาลูกใหญ่สูงหมื่นวา นั่นคือภูเขาหลิงซานที่กว้างใหญ่ เส้นทางโบราณลึกลับกลายเป็นเพียงกลุ่มควันที่ไม่สามารถมองเห็นได้อีกต่อไป

เย่ฟ่านเดินกลับไปหากลุ่มปรมาจารย์จากอินเดียและบอกพวกเขาว่า

“รออยู่ที่นี่ ข้าจะบินขึ้นไปสำรวจด้านบน”

คำพูดของเย่ฟ่านสร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนมากมาย

เย่ฟ่านบินขึ้นไปบนท้องฟ้าท่ามกลางสายตาของทุกคน จากนั้นพลังวิญญาณของเขากวาดออกไปรอบทิศทางและสำรวจภูเขาหลิงซานด้วยความระมัดระวัง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พบอะไรเลย

ความผันผวนของศากยมุนีที่เคยทิ้งไว้ที่นี่เรือนหายไปอย่างช้าๆ จากนั้นภูเขาขนาดใหญ่ก็เลือนหายไปจากสายตาของเขาเช่นกัน

เย่ฟ่านปวดหัวอย่างหนัก หลิงซานนั้นลึกลับมากแล้ว เขารู้สึกว่าภูเขาคุนหลุนนั้นดูเหมือนจะสำรวจได้ง่ายกว่านี้มาก สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายแม้แต่ตัวเขาที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังไม่อาจมองเห็นความลึกลับของมันได้!

เมื่อไม่ประสบความสำเร็จในการเดินทางทุกคนก็กลับสู่โลกภายนอก ปรมาจารย์จากอินเดียให้คำสัญญากับเย่ฟ่านว่าพวกเขาจะกลับไปตรวจสอบตำราโบราณอีกครั้ง เมื่อมีความมั่นใจเพียงพอพวกเขาจะกลับมาที่ภูเขาหลิงซานอย่างแน่นอน

ทันทีที่เย่ฟ่านส่งทุกคนขึ้นรถเขาก็สำรวจทัศนียภาพรอบๆ บ้านของตัวเอง

บ้านหลังนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะเขาแกะสลักค่ายกลจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ไว้ อย่างไรก็ตามถนนยังคงมีหลุมบ่อมากมายคล้ายกับมีสายฟ้ากระแทกลงมา

“เสี่ยวซง!”

เย่ฟ่านรีบเข้าไปในห้อง แต่ต้องคำรามขึ้นด้วยความโกรธ

เจ้าตัวเล็กหายไปแล้ว พลังวิญญาณของเขากวาดออกไปรอบทิศทางพร้อมกับเสียงคำรามที่ดังก้องสวรรค์พิภพ

“เสี่ยวซง…”

ในระยะไกลถัดจากถังขยะ มีร่างเล็กสกปรกโผล่หัวออกมา

ร่างเล็กกลายเป็นแสงสีม่วงวิ่งเข้าหาเย่ฟ่านสุดท้ายมันก็ห้อยอยู่ที่ขากางเกงของเขาด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน

“เกิดอะไรขึ้น?” หัวใจของเย่ฟ่านไม่ได้สงบ

ขาของเสี่ยงซงได้รับบาดเจ็บ เดินกะเผลก มันกำลังหวาดกลัวอย่างหนักแต่ก็แสร้งทำเป็นผ่อนคลายเพื่อไม่ให้เขาเกิดความกังวลมากขึ้น

เย่ฟ่านรู้สึกเจ็บเมื่อเห็นสิ่งนี้ ใครทำร้ายเจ้าตัวน้อยของเขา ทันใดนั้นจิตสังหารของเขาก็ครอบงำไปทั่วทั้งเมือง!

กระรอกน้อยที่ไร้เดียงสายกขาที่บาดเจ็บขึ้นมาแสร้งทำเป็นยืดออกอย่างง่ายดาย บอกเย่ฟ่านว่าไม่เป็นอะไร แต่สั่นเทาด้วยความเจ็บปวด

เย่ฟ่านหยุดไม่ให้มันขยับ เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวน้อยนั้นบาดเจ็บ เขาเสียใจเพิ่มเป็นสองเท่าที่กระรอกทำเช่นนี้

“ใครทำให้เจ้าบาดเจ็บแบบนี้ มีใครมาที่นี่” เขาถามเบาๆ ด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน แต่ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ

เย่ฟ่านเข้าไปสำรวจดินแดนโบราณเป็นเวลากว่าครึ่งเดือนดังนั้นสถานการณ์ของโลกภายนอกย่อมเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย ขนสีม่วงของมันจางลง เห็นได้เลยว่ามันตกใจกลัวเป็นอย่างมาก

ขาที่บาดเจ็บมีรอยแผลจากอาวุธมีคมอย่างชัดเจน หากไม่ใช่ว่ามันเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ก้าวเข้าสู่เส้นทางการบ่มเพาะแล้ว อาวุธนี้เพียงพอที่จะสังหารมันอย่างแน่นอน

เย่ฟ่านหยิบขวดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ออกมาทำความสะอาดบาดแผล จากนั้นก็นำผ้าพันแผลอย่างระมัดระวัง

ในระหว่างที่เย่ฟ่านทำแผล กระรอกตัวสั่นด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา มันไม่ได้ดิ้นหรือส่งเสียงใดๆ มันอดทนอย่างเงียบๆ และพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแสดงให้ห็นว่ามันไม่เป็นอะไร

การกระทำเหล่านั้นทำให้เย่ฟ่านรู้สึกสงสารมันอย่างมาก

เมื่อเย่ฟ่านได้ลงมือรักษาด้วยตนเอง อาการบาดบาดเจ็บของกระรอกจึงฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว น้ำพุศักดิ์สิทธิ์จากดินแดนต้องห้ามชีวิตทรงพลังอย่างมากและในไม่ช้ากระรอกน้อยก็ฟื้นฟูอย่างเต็มที่

กระรอกกระพริบตาโตมองไปที่บาดแผลด้วยสีหน้าประหลาดใจ หลังจากที่มันเจ็บปวดมาหลายวัน ตอนนี้มันเกือบจะหายดีแล้ว มันมีความสุขจนลืมความเจ็บปวดไปทั้งหมด

เย่ฟ่านถามอย่างจริงจัง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนมากมายสามารถทำเช่นนี้กับเสี่ยวซง ไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่านี่จะต้องเป็นฝีมือของผู้บ่มเพาะอย่างแน่นอน

ย้อนกลับไปในดินแดนเป่ยโต่ว แม้แต่ปราชญ์ที่แท้จริงเขาก็ยังเคยปะทะด้วยแล้ว เมื่อกลับมาที่โลกเขากลับไม่สามารถดูแลศิษย์เพียงคนเดียวได้

เย่ฟ่านสร้างชื่อเสียงขึ้นมาด้วยเลือดและกระดูกของศัตรู ตอนนี้เขากลับถูกผู้บ่มเพราะระดับต่ำใช้ฝ่าเท้าลูบใบหน้า สิ่งนี้จะให้เย่ฟ่านอดทนได้อย่างไร

เสี่ยวซงอ่อนโยนและจิตใจดีมาก มันเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้เย่ฟ่านฟัง ระหว่างนั้นมีคนพบสถานที่แห่งนี้ กระรอกน้อยซ่อนตัวอยู่ในห้องไม่ได้ออกไปข้างนอก เพราะเป็นคำเตือนของเย่ฟ่านก่อนที่จะออกเดินทาง

คนที่มานั้นเป็นชายหนุ่ม ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ มีเลือดออกมาจากปาก เสี่ยวซงใจดีจึงหยิบผลไม้สีแดงชิ้นเล็กๆ ที่เย่ฟ่าน มอบให้ออกมา

ชายคนนั้นกลับร่ายเวทมนต์และปลดปล่อยวางสิ่งบางอย่างที่เหมือนสายฟ้าให้ฟาดฟันไปที่กระรอกน้อยเพื่อขัดขวางไม่ให้มันหลบหนี

เสียวซงกลัวเสียงฟ้าผ่ามากแม่ของมันก็ตายจากการถูกฟ้าผ่า และตัวมันเองก็เกือบจะถูกฟ้าผ่าตายในตอนที่เริ่มการบ่มเพาะ

เมื่อมันถูกโจมตีโดยชายหนุ่มแปลกหน้า มันจึงตกใจรีบหนีออกไปจากที่นี่ด้วยความตื่นตระหนก

มันรอเย่ฟ่านมาหลายวัน ซ่อนตัวอยู่ในท่อระบายน้ำและข้างถังขยะอย่างหวาดกลัว จนกระทั่งเย่ฟ่านกลับมา

หลังจากที่มันเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น เย่ฟ่านไม่ได้พูดอะไร เพียงลูบหัวมันเบาๆ เจ้าตัวน้อยนี้ไร้เดียงสาราวกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง

ในตอนนั้นมีเพียงพระพุทธรูปหินเท่านั้นที่อยู่กับมัน หลังจากที่เย่ฟ่านพามันกลับมาจากทิเบตเขาก็กลายเป็นญาติเพียงคนเดียวของกระรอกตัวนี้

เสี่ยวซงยังคงสับสนและถามเย่ฟ่านซ้ำๆว่า ทำไมคนๆ นั้นถึงทำกับมันเช่นนี้ มันทำอะไรผิด?

“เจ้าไม่ได้ผิดอะไรเลย จิตใจมนุษย์มันซับซ้อนมาก ในอนาคตเจ้าจะเข้าใจเอง”

กระรอกน้อยส่งเสียง กระพริบดวงตาโต ยังคงเต็มไปด้วยความสับสน

เย่ฟ่านตัดสินใจที่จะพามันไปสัมผัสกับประสบการณ์บางอย่างในอนาคต มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่มันจึงจะเข้าใจโลกมากขึ้น

เสี่ยวซงในที่สุดก็ฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บ มันนำขนมออกมาและยื่นให้กับด้วยความระมัดระวัง เห็นได้ชัดมากกำลังต้องการตอบแทนบุญคุณของเขา

เย่ฟ่านยิ้มแล้วส่ายหน้า จากนั้นเขาก็ยื่นกล้วยไม้นาคราชที่เต็มไปด้วยพลังและกลิ่นหอมให้กับมัน วันนั้นตอนที่ผังป๋อกำลังจะจากเขาไป เขาใช้ต้นกำเนิดสวรรค์ซื้อสมุนไพรชิ้นนี้มา ในอดีตเขาเคยเกือบตายเพราะมันมาแล้ว

กระรอกน้อยดวงตาเป็นประกาย มีความสุขกับสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขน มันลืมความเจ็บปวดทั้งหมดและยิ้มอย่างไร้เดียงสา

เย่ฟ่านไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่ลงมือนี้จะต้องเป็นชายหนุ่มลึกลับที่ประมูลแจกันหยกของเขาไปอย่างแน่นอน

เย่ฟ่านแสดงรูปถ่ายให้กระรอกดู เสี่ยวซงก็ยืนยันทันทีว่าเป็นเขา

“ต่อให้หนีออกจากเมืองก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้เจ้าหนีไปโลกอื่นข้าก็ยังสามารถตามไปฆ่าเจ้าได้อยู่ดี” เย่ฟ่านพูดกับตัวเอง

วันนั้นเขาเดินทางไปทางใต้โดยมีจุดหมายที่เมืองจิ่วเจียง มนฑลเจียงซี

วิลล่าที่เป็นเป้าหมายของเขานั้นมีขนาดใหญ่โตอย่างยิ่ง มันตั้งอยู่บนภูเขาที่สูงตระหง่าน มีการอารักขาจากกองกำลังติดอาวุธอยู่ด้วย เย่ฟ่านบอกได้ยังไงได้วะคนผู้นี้จะต้องมีฐานะสูงส่งอย่างแน่นอน

เย่ฟ่านยืนอยู่ในระยะไกลและมองดูอย่างเงียบๆ เขาเห็นบางสิ่งแปลกๆ เขาไม่เพียงเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งของโลกเท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้ศิลปะแห่งต้นกำเนิดซึ่งทำให้เขาสามารถมองเห็นฮวงจุ้ยของสถานที่แห่งนี้ได้

มันมีพลังของปราณมังกรปรากฏขึ้นอยู่ที่นี่ เป็นแก่นแท้จากเส้นเลือดมังกรสีม่วงที่มาจากภูเขาลู่ซานอันห่างไกล มันมีความสำคัญมากในยุคแห่งการสิ้นสุดเต๋าซึ่งยากต่อการฝึกฝน

คนที่สามารถครอบครองสิ่งนี้ได้จะต้องเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

…….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด