ตอนที่ 9 พลังฉีและเลือดที่พุ่งพล่าน!
ตอนที่ 9 พลังฉีและเลือดที่พุ่งพล่าน!
ตอนกลางคืน..
เนื่องจากตลาดกลางมืดนั้นเป็นที่โด่งดังมาก ช่วงทางตอนใต้ของเมืองจึงคึกคักไปด้วยผู้คน
หลายคนต่างแวะเวียนมาที่นี่ แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่หลายๆคนมักจะปกปิดตัวตนด้วยการใช้ผ้าคลุมสีดําหรือใส่หน้ากาก
ลู่ชางเฉิงเองก็สวมผ้าคลุมหน้าสีดําเช่นกัน
เพราะเนื่องจากนี่คือตลาดกลางมืด ซึ่งเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนหลายประเภทและผู้ที่มาที่นี่มักจะไม่เปิดเผยตัวตน
ลู่ชางเฉิงในตอนนี้กำลังเดินอยู่ในตลาดกลางมืดเช่นกัน
ผู้ที่ขายของที่นี่ไม่ได้ตะโกนเพื่อเรียกแขก พวกเขาแค่ตั้งแผงขายของริมถนนอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตาม สินค้าที่อยู่บนแผงขายของเหล่านี้กลับทําให้ลู่ชางเฉิงตกใจมาก
ตัวอย่างเช่น มียาทำลายเซรั่มที่มีความรุนแรงเทียบเท่ากับสารพิษชนิดร้ายแรง
แน่นอนว่าสินค้าเหล่านี้เป็นของเถื่อน และร้านขายยาก็ไม่กล้าขายมันอย่างโจ่งแจ้ง แต่เนื่องจากที่นี่คือตลาดมืด พวกมันจึงถูกมาวางขายอย่างโจ่งแจ้ง
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนที่นี่ก็ดูจะไม่สะทนสะท้านอะไร ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าพวกเขานั้นคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้
ลู่ชางเฉิงนั้นเห็นกริชที่สวยงามเล่มหนึ่ง
เขากําลังคิดที่จะซื้อกริชเพื่อป้องกันตัวเอง เพราะวิชาด้านกำลังขาของเขานั้นเหมาะที่จะใช้อาวุธระยะประชิดขนาดเล็ก อย่างเช่น ดาบสั้น หรือกริชมากที่สุด
ดังนั้น ลู่ชางเฉิงจึงเดินไปที่แผงขายของและถามว่า "เฮีย กริชเล่มนี้ราคาเท่าไหร่รึ?"
เจ้าของแผงนั้นเป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าที่ราวกับผ่านสงครามมาอย่างโชกโชน เขามีรอยแผลเป็นบนใบหน้าและมือของเขาก็แข็งกระด้าง
“กริชเล่มนี้หลอมจากเหล็กขัดสีเงินราคา 5 เตลไม่ลดไม่เพิ่ม”
" 5 เตลงั้นเหรอ?"
ลู่ชางเฉิงคิดในใจ “แพงชิบหาย!”
แต่ถึงอย่างนั้น ลู่ชางเฉิงก็หยิบกริชขึ้นมาและทดสอบมัน ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่คมที่สุด แต่มันก็คมมากสำหรับเขา
“เอ้า 5 เตล ข้าเอากริชเล่มนี้ล่ะ”
ลู่ชางเฉิงยื่นเงินให้ไปโดยไม่ลังเล
เพราะเนื่องจากเขาใช้มันเพื่อป้องกันตัวเอง ดังนั้นเขาจึงต้องการอาวุธที่มีเจ้าภาพดี
หลังจากที่ซื้อกริชแล้ว ลู่ชางเฉิงก็เดินดูไปเรื่อยๆ
เขากําลังตามหาวิชาศิลปะการต่อสู้อยู่
ในตลาดมืดอันกว้างใหญ่นี้ มีผู้ขายไม่มากนักที่ขายวิชาศิลปะการต่อสู้
แต่ในที่สุดลู่ชางเฉิงก็พบเข้ากับร้านที่ขายมัน
เขาเดินมาถึงแผงขายของที่ผู้ขายเป็นหญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหน้า โดยที่เขามองไม่เห็นใบหน้าของเธอ แต่จากรูปร่างและเครื่องแต่งกายของเธอบ่งบอกว่าเธอนั้นยังสาวอยู่
“เจ้ามีวิชาศิลปะการต่อสู้ที่เกี่ยวกับการปรับแต่งสภาพร่างกายอย่างเช่น การแบ่งเบากระดูกหรือการปรับแต่งอวัยวะหรือไม่?” ลู่ชางเฉิงถามเธอ
“ข้ามีวิชาแบ่งเบากระดูกและการปรับแต่งอวัยวะ แต่ข้าไม่ได้นำมันมาวางอย่างเปิดเผย หากเจ้าสนใจจริงๆก็จงเตรียมเงินให้เพราะวิชาเหล่านั้นมีราคาแพงมาก!”
คนขายตอบเขาอย่างเย็นชา
ลู่ชางเฉิงเข้าใจ เพราะวิชาที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งเบากระดูกหรือการปรับแต่งอวัยวะนั้นไม่เพียงแต่จะมีราคาที่สูงเท่านั้น แต่ผู้ที่สร้างมันขึ้นมานั้นยังเป็นความลับอีกด้วย
"แล้ววิชาต่อสู้พวกนี้ล่ะขายเท่าไหร่?"
“วิชาต่อสู้หนึ่งวิชา 10 เตล ไม่เพิ่มไม่ลด!”
"10 เตลเลยเหรอ?!"
ลู่ชางเฉิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าทำไมทุกอย่างในตลาดมืดแห่งนี้ถึงได้มีราคาแพงมาก?
วิชาต่อสู้ที่ถูกตั้งขายนั้นส่วนใหญ่เป็นวิชาที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ตัวอย่างเช่น มี หมัดเพิ่มระยะ ของ ตระกูลเจา , ลูกเตะ 13 บาทา , และอื่นๆ ซึ่งวิชาเหล่านี้ลู่ชางเฉิงค่อนข้างมั่นใจว่ามันเป็นแค่วิชาต่อสู้ทั่วไปเท่านั้น
ซึ่งวิชาต่อสู้เหล่านี้คล้ายคลึงกับวิชาด้านกำลังขาของเขา ถ้าเขาฝึกมันจนอยู่ในระดับสมบูรณ์แบบได้ว พวกมันอาจเพิ่มค่าความเข้าใจของเขาได้ถึง 2 แต้ม
"เจ้ามีวิชาต่อสู้แค่ 21 ใช่มั้ย?" ลู่ชางเฉิงชี้ไปที่วิชาต่อสู้ที่วางอยู่บนแผง
"ใช่ เจ้าต้องการซื้อทั้งหมดเลยงั้นเหรอ?"
ผู้ขายนั้นค่อนข้างแปลกใจ เธอเปิดผ้าคลุมหน้าขึ้นเพื่อมองไปที่ลู่ชางเฉิงด้วยความระวัง แม้ว่าเธอจะบอกว่าไม่เพิ่มไม่ลดราคา แต่การเหมาซื้อนั้นมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ถ้าอย่างนั้นข้าขอซื้อมันทั้งหมด 200 เตลก็แล้วกัน”
คนขายคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตกลง เพราะวิชาต่อสู้เหล่านี้ค่อนข้างธรรมดามากและการได้เจอกับลูกค้าที่ใจป้ำแบบนี้ก็ค่อนข้างหายาก
ลู่ชางเฉิงจึงมอบเงินให้เธอ 200 เตล
ตอนนี้เขาเหลือเงินอยู่ไม่มากแล้ว
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตลาดมืดจะทําให้ข้าเสียเงินไปมากกว่า 200 เตลง่ายๆแบบนี้”
ลู่ชางเฉิงถอนหายใจ
เขาใช้เงินไปเกือบครึ่งหนึ่งที่เขาเอามาจากถ้ำ
แต่การใช้เงินของเขานั้นค่อนข้างฉลาด เพราะเขาลงทุนไปกับการฝึกศิลปะการต่อสู้ของเขา
วิชาต่อสู้ยี่สิบเอ็ดท่าที่เขาซื้อไปจะทําให้เขาต้องฝึกฝนอีกเป็นเวลานาน
เมื่อเขาเชี่ยวชาญวิชาทั้งยี่สิบเอ็ดอย่างหมดแล้ว ค่าความเข้าใจของเขาน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
หลังจากใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยไปกับวิชาต่อสู้ ลู่ชางเฉิงก็สังเกตเห็นสายตาหลายคู่ที่มองมาที่เขา
ตอนนี้ ดูเหมือนว่ากำลังจะมีคนเดินตามเขามาจำนวนสองสามคน
ลู่ชางเฉิงจึงเริ่มระวังตัวมากขึ้นเพราะเขารู้สึกว่ากําลังถูกจับตามองอยู่
เขารู้ว่าตอนนี้เขากำลังตกเป็นที่สนใจเนื่องจากการใช้จ่ายของเขา
แม้ว่าที่นี่จะแออัด แต่ก็ไม่มีใครกล้าทําตัวหุนหันพลันแล่น
ลู่ชางเฉิงเดินปะปนไปกับฝูงชนอย่างแนบเนียนและค่อยๆปลีกตัวเองออกมาจากตลาดมืดทันที
ซึ่งมันทำให้คนที่สะกดรอยตามลู่ชางเฉิงมาถึงกับสบถด้วยความหงุดหงิด
“บ้าจริง เจ้าเด็กนั่นหนีไปได้เรอะ”
“เฮอะ อุส่าห์ได้เจอคนแบบนี้ทั้งที แต่กลับหนีไปได้ซะงั้น”
หลังจากนั้น พวกเขาก็เดินกลับเข้าไปในตลาดมืด
"แฮ่กๆ..."
ลู่ชางเฉิงวิ่งมาตลอดทั้งทางและรีบกลับไปที่สำนักเมียวชูทันที
"ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่ได้ตามข้ามาแล้วสินะ"
“ถ้าเป็นแบบนี้ ข้าจะต้องพัฒนาวิชามหาสายธารให้ไปอีกขั้นให้ได้ ถ้าข้าสามารถทำให้มันไปสู่ระดับที่สามได้ พลังฉีและเลือดของข้าจะต้องอยู่ในระดับที่สูงมากแน่นอนและความแข็งแกร่งของข้าก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ถ้าหากข้าเจออันตรายแบบนี้ ข้าจะได้เอาตัวรอดได้”
“โชคดีที่วิชาต่อสู้ทั้งยี่สิบเอ็ดอย่างนี้น่าจะทําให้ข้าอยู่ที่นี่ไปอีกนาน...”
ลู่ชางเฉิงถอดผ้าคลุมหน้าออกและกลับไปที่สำนักเมียวชูต่อ
หลังจากกลับมาที่สำนักเมียวชู ในที่สุดลู่ชางเฉิงก็นั่งลง
เขารีบนอนแล้วตื่นแต่เช้าเพื่อฝึกศิลปะการต่อสู้และใช้เวลาทั้งวันเรียนกับอาจารย์โม่ และไปเรียบสมุนไพรกับอาจารย์เหวินในตอนเย็น ส่วนตอนกลางคืนเขาก็ฝึกศิลปะการต่อสู้
กิจวัตรประจําวันของเขานั้นแน่นมากจนแทบจะไม่มีเวลาว่างเลย
แม้ว่าเขาจะยุ่ง แต่เขากลับรู้สึกว่าความพยายามของเขานั้นคุ้มค่า
และวิชามหาสายธารของลู่ชางเฉิงนั้นยังคงก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องทำให้พลังฉีและเลือดของเขาที่แข็งแกร่งขึ้นในทุกๆวัน
หลังจากนั้น เวลาสามเดือนก็ผ่านไปในพริบตา
อยู่มาวันหนึ่ง ระหว่างที่กำลังพักผ่อนในวันหยุด ลู่ชางเฉิงกำลังอยู่ในห้องของเขาและจัดการกับพลังฉีและเลือดของเขา
"บู้มมม"
ทันใดนั้น เสียงคํารามที่ดังก้องก้องอยู่ในร่างของลู่ชางเฉิงนั้นดังมากจากพลังฉีและเลือดของเขาพุ่งพล่านขึ้นด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์
ตอนนี้มันไม่ใช่แค่การพัฒนาที่ธรรมดาๆอีกแล้ว
เพราะมันเพิ่มขึ้นถึงหลายเท่า!
พลังฉีและเลือดที่พุ่งพล่านออกมานั้นทำให้ทั่วทั้งห้องนั้นเริ่มอุ่นขึ้น
"ฟุ่บ"
ลู่ชางเฉิงลืมตาขึ้น
"วิชามหาสายธารอยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ +3 ค่าความเข้าใจ"
ข้อความเล็กๆปรากฏขึ้นต่อหน้าลู่ชางเฉิง
“ในที่สุดวิชามหาสายธารก็มาถึงระดับที่สามจนและสมบูรณ์แบบสักที ถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถพัฒนาได้อีก แต่การได้ค่าความเข้าใจ +3 นั้นค่อนข้างดีมาก!”
เมื่อวิชามหาสายธารอยู่ในขั้นที่สามและอยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ พลังฉีและเลือดของลู่ชางเฉิงจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก
แต่ถึงอย่างนั้น เขากลับคิดว่าแค่นั้นมันอาจยังไม่พอ
พลังฉีและเลือดของเขาในตอนนี้ยังสามารถทำให้แข็งแกร่งเพิ่มอีกได้!
ในตอนนี้เขากำลังนึกถึงคําพูดของปรมาจารย์เหมิงแห่งสำนักเฟ่ยเฮอ
“การเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายมีทั้งหมดสามขั้นตอน ยิ่งรากฐานของเจ้านั้นแข็งแกร่งเท่าไร เจ้าก็ยิ่งมีโอกาสเพิ่มพลังฉีและเลือดเพิ่มมากขึ้นได้เท่านั้น แล้วก้าวไปสู่ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ได้!”
ในตอนนี้ ลู่ชางเฉิงได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับพลังฉีและเลือดของเขาโดยใช้วิชามหาสายธารเป็นตัวช่วย แต่เขายังไปไม่ถึงขีดจํากัดสูงสุดของพลังฉีและเลือดของเขาซึ่งทำให้ยังมีที่ว่างสําหรับการพัฒนาความแข็งแกร่งของเขา
“บางทีสำนักเมียวชูอาจจะมีศิลปะการต่อสู้ที่เสริมสร้างเลือดที่แข็งแกร่งกว่า แต่สาวกฝึกหัดอย่างข้าคงจะไม่สามารถเข้าถึงได้ แม้ว่าข้าจะเป็นนักจ่ายยาฝึกหัดแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่สามารถเข้าถึงศิลปะการต่อสู้หลักของสำนักเมียวชูได้”
“ถ้าข้าต้องการเสริมสร้างพลังฉีและเลือดของข้าต่อไป ข้าคงจะต้องหาวิธีอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยการฝึกศิลปะการต่อสู้อื่นๆ ที่สามารถเพิ่มพลังฉีและเลือดของข้าให้ได้โดยเฉพาะศิลปะการต่อสู้ขั้นสูง”
“ถ้าใจไม่ผิด เจ้าของแผงขายของคนนั้นพูดถึงวิชาแบ่งเบากระดูกและการปรับแต่งอวัยวะด้วยสินะ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอก็คงมีศิลปะการต่อสู้ที่เกี่ยวกับการเสริมสร้างเลือดขายด้วยแน่ๆ”
ดวงตาของลู่ชางเฉิงเริ่มเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและดูเหมือนว่าเขาอยากจะไปที่ตลาดมืดอีกครั้ง