ตอนที่ 4 การรวบรวมสมุนไพรในภูเขา
ตอนที่ 4 การรวบรวมสมุนไพรในภูเขา
เวลาผ่านไปและผ่านไปนานกว่าสิบวันในพริบตา
ในวันนี้ ก่อนจะถึงช่วงตื่นเช้าลู่ชางเฉิงก็ตื่นขึ้นมาแล้ว
เขารีบไปยังมุมที่เงียบสงบที่เขาใช้ฝึกศิลปะการต่อสู้ในตอนเย็นของทุกวัน
แม้ว่าตอนนี้ท้องฟ้ามืดอยู่ แต่ก็มีแสงสาดส่องมาจางๆ
ลู่ชางเฉิงรีบตื่นมาเพื่อฝึกฝนวิชามหาสายธาร
เป็นเวลากว่าสิบวันแล้วที่เขาฝึกฝนวิชานี้อย่างขยันขันแข็ง และเกือบทุกวัน เขาจะรู้สึกได้ถึงเลือดที่ไหลราวเหมือนแม่น้ำในตัวเขา
เขาเข้าใจแล้วว่าเวลาที่เขาได้สัมผัสถึงพลังแบบนี้ บางทีเขาอาจจะสัมผัสได้ถึงพลังฉีในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็ได้
ดังนั้นเขาจึงฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างขยันขันแข็งมากยิ่งขึ้น
ลู่ชางเฉิงยังคงฝึกฝนท่าทางที่แปลกประหลาดของวิชามหาสายธาร อย่างที่เขาเคยทําในช่วงเวลาที่ผ่านๆมา
ทันใดนั้น เลือดของเขาก็พุ่งพล่านอยู่ร่างกายของเขาราวกกับสายน้ำจนร่างกายของลู่ชางเฉิงเปลี่ยนเป็นสีแดง
"บู้มมมม!"
วินาทีต่อมา จิตใจของลู่ชางเฉิงดังขึ้นพร้อมกับเสียงคํารามที่ดังกึกก้องจนทำให้เขาเห็นภาพในใจของเขา
ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถ "เห็น" การไหลเวียนของเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาได้อย่างชัดเจน
"พลังฉี นี่แหละคือพลังฉี!"
ลู่ชางเฉิงรู้สึกประหลาดใจที่ในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังฉีของเขาซึ่งมันสร้างความก้าวหน้าในวิชามหาสายธารได้
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาสัมผัสถึงพลังฉีของเขาอย่างระมัดระวัง ลู่ชางเฉิงก็ตระหนักว่าเขากำลังเข้าใจบางอย่างที่ผิด
พลังฉีนั้นไม่ใช่เลือด
สิ่งที่เขาได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงเลือดไหล แต่เป็นเสียงของพลังฉี
พลังฉีนั้นเป็นพลังงานพิเศษภายในร่างกายที่ถูกหล่อเลี้ยง ยิ่งพลังฉีแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ร่างกายก็จะยิ่งแข็งแรงมากเท่านั้น
ลู่ชางเฉิงรีบตรวจสอบแผงคุณลักษณะของเขาทันที
โฮสต์ : ลู่ชางเฉิง
ค่าความเข้าใจ : 99 (ค่าเฉลี่ย)
วิชามีดขั้นพื้นฐาน: ระดับเริ่มต้น
วิชาดาบขั้นพื้นฐาน: ระดับเริ่มต้น
วิชาตะบองขั้นพื้นฐาน : ระดับเริ่มต้น
วิชาด้านกำลังขา : ระดับชำนาญ
วิชามหาสายธาร : ขั้นแรก
แน่นอนว่าบนแผงคุณลักษณะ วิชามหาสายธารของเขาได้มาถึงขั้นแรกแล้ว
จากการรับรู้ของลู่ชางเฉิง พลังฉีของเขาเป็นเพียงกลุ่มก้อนเล็กๆเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปและผ่านการฝึกฝนวิชามหาสายธารอย่างต่อเนื่อง เขาจะค่อยๆเสริมสร้างกลุ่มพลังฉีนี้ให้ได้มากขึ้น
วิชามหาสายธารมีทั้งหมดสามขั้น ซึ่งลู่ชางเฉิงเพิ่งมาถึงขั้นแรกเท่านั้น
การไปถึงขั้นแรกได้หมายความว่าเขาได้เข้าไปจุดเริ่มต้นแล้ว เขาไม่จําเป็นต้องฝึกท่าทางแปลกๆทุกวันอีกต่อไป ตอนนี้เขาสามารถควบคุมพลังฉีของเขาได้โดยตรงและ "เคลื่อนย้าย" มันไปทั่วภายในร่างกายของเขา
ลู่ชางเฉิงลองทําดูและเห็นพลังฉีของเขากำลังเคลื่อนไหวอยู่ทั่วภายในร่างกายของเขา
อย่างไรก็ตาม หลังจากฝึกฝนไปได้สองสามรอบ เขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นการพัฒนาของพลังฉี แต่เขากลับรู้สึกหิวและอึดอัดมาก
“อาจารย์หลิวเคยกล่าวไว้ว่าพลังฉีต้องการการบํารุงเพื่อเติบโตขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นักศิลปะการต่อสู้ในหน่วยรักษาความปลอดภัยต้องกินอาหารสมุนไพรทุกวันเพื่อบํารุงพลังฉีของพวกเขา”
“แต่เนื่องจากข้าไม่ได้เข้าร่วมหน่วยรักษาความปลอดภัย และข้าไม่สามารถเข้าถึงอาหารสมุนไพรได้ ถ้าเป็นแบบนี้ การเติบโตของพลังฉีของข้าอาจจะช้าพอๆกับหอยทากแน่ๆ”
“ถ้าเป็นแบบนี้ ข้าอาจไปถึงขั้นที่สองของวิชามหาสายธารในเวลาอีกไม่กี่ปีแน่ๆ”
ลู่ชางเฉิงขมวดคิ้ว แม้ว่าในที่สุดเขาจะสัมผัสได้ถึงพลังฉีของเขา แต่เขาก็ไม่มีทางเข้าร่วมหน่วยรักษาความปลอดภัยได้ การใช้เวลานานในการสัมผัสถึงพลังฉีของเขาถูกมองว่าเป็นคนที่มีความสามารถต่ำและไม่คุ้มค่าที่จะฝึกฝนในสายตาของหน่วยรักษาความปลอดภัย
มีอีกวิธีหนึ่ง นั่นคือการซื้ออาหารสมุนไพร
อาหารสมุนไพรของหน่วยรักษาความปลอดภัยนั้นค่อนข้างธรรมดาและสามารถหาซื้อได้ทั่วไปจากร้านอาหารภายนอก ตราบใดที่เขามีเงิน เขาก็สามารถซื้ออาหารสมุนไพรให้ตัวเองได้
แต่ปัญหาใหญ่ก็คือ ลู่ชางเฉิงนั้นไม่มีเงินเลย
เขาไม่มีแม้แต่เหรียญทองแดงแม้แต่เหรียญเดียวเลยด้วยซ้ำ
"ดูเหมือนว่าข้าจะต้องหาเงินให้ได้ก่อนสินะ?"
แม้ลู่ชางเฉิงจะคิดอยู่สองสามวันแต่เขาก็ยังไม่สามารถหาทางออกที่ดีได้ เขาจึงไม่ได้คิดอะไรเยอะและค่อยทำทุกอย่างไปทีละสเต็ปแทน
"ตื่นได้แล้ว ตื่นได้แล้ว!"
ในวันนี้ ผู้ฝึกตนได้มารวมตัวกันที่ลานกว้าง
หัวหน้าจางในวันนี้มีสีหน้าที่ค่อนข้างเคร่งขรึมและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มๆว่า “ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวขึ้นและมีผู้ป่วยที่มากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ พวกกลุ่มโจรได้ทำการปิดกั้นเส้นทางการค้าซึ่งทำให้การจัดหาสมุนไพรก็ค่อยหายากขึ้น”
“พวกเจ้าได้เรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและสามารถระบุได้ในระดับหนึ่งแล้ว วันนี้แพทย์จากสำนักเมียวชูจะพาพวกเจ้าไปที่ภูเขาเพื่อรวบรวมสมุนไพร โดยมีหน่วยรักษาความปลอดภัยติดตามพวกเจ้าไปด้วย”
“ถ้าพวกเจ้ารวบรวมสมุนไพรได้เยอะ จะมีรางวัลตอบแทนเป็นเงินให้พวกเจ้า”
ใบหน้าของผู้ฝึกตนเริ่มตื่นตัวขึ้นเมื่อได้ยินคำว่าเงิน
พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ฝึกตนที่ต่ำต้อยและไม่มีรายได้ กระเป๋าเงินของพวกเขาจึงว่างเปล่า
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีโอกาสได้หาเงินด้วย
แม้ว่าการรวบรวมสมุนไพรบนภูเขาจะเป็นงานที่ลําบาก แต่พวกเขาก็จะไม่เกี่ยงเลย
"เอาล่ะ รีบออกเดินทางกันเถอะ"
ภายใต้การนำของแพทย์หลายคนและมีหน่วยรักษาความปลอดภัยติดตามพวกเขาไปด้วยนั้น ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนจึงออกเดินทางสู่ภูเขา
สิบกิโลเมตรด้านนอกเมืองหนานหยาง พวกเขามาถึงภูเขาหวู่นี่ฉาน
ภูเขาหวู่นี่ฉานนั้นกว้างใหญ่และมีป่าทึบกับสิ่งมีชีวิตที่มีพิษซึ่งอาจเป็นอันตรายรวมถึงสัตว์ร้ายที่ดุร้ายอาศัยอยู่
ยิ่งพวกเขาเข้าไปในภูเขาลึกเท่าไหร่ มันก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
การรวบรวมสมุนไพรบนภูเขานั้นจึงค่อนข้างท้าทายและอันตรายมาก
ตอนแรกผู้ฝึกตนต่างรู้สึกตื่นเต้น แต่ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในภูเขา พวกเขาก็เริ่มมีสีหน้าที่ขมขื่น
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกและมาอยู่ในภูเขาแล้ว พวกเขาจึงต้องรวบรวมสมุนไพรเท่านั้น
ผู้ที่รวบรวมสมุนไพรได้มากจะได้รับรางวัล ในขณะที่ผู้ที่รวบรวมได้น้อยจะถูกลงโทษ
เนื่องจากไม่มีใครอยากถูกลงโทษ ดังนั้นพวกเขาจึงกระจายไปในพื้นที่ต่างๆเพื่อรวบรวมสมุนไพร
หน่วยรักษาความปลอดภัยจะกระจายไปเพื่อคุ้มกันจากสัตว์มีพิษและสัตว์ร้ายภายในระยะที่กําหนด แต่พวกเขาไม่สามารถติดตามผู้ฝึกตนแต่ละคนเป็นรายบุคคลได้
ดังนั้นผู้ฝึกตนที่กระจายออกไปและในไม่ช้าพวกเขาก็หายไปในพื้นที่ต่างๆของภูเขา
ลู่ชางเฉิงนั้นโชคร้ายมาก หลังจากที่ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงบนภูเขา เขาสามารถรวบรวมสมุนไพรทั่วไปได้เพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น
ด้วยสมุนไพรเพียงไม่กี่ชนิดนี้ ทำให้เขาไม่น่าจะได้รับรางวัลใดๆและอาจต้องถูกลงโทษด้วย
“ข้าได้ยินมาว่าสมุนไพรล้ำค่าบางชนิดเติบโตอยู่ลึกในภูเขา”
“ถ้าอยากได้เงิน ข้าก็ต้องเสี่ยงและลึกเข้าไปในภูเขางั้นสินะ?”
ลู่ชางเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ส่วนที่ลึกในภูเขาอาจมีเส้นทางที่คดเคี้ยวแต่ก็ไม่น่าจะอันตรายมากขนาดนั้น
ดังนั้น ลู่ชางเฉิงจึงตัดสินใจมุ่งหน้าสู่ภูเขาในส่วนที่ลึกขึ้น
ระหว่างทาง เขาถูกขวากหนามข่วนและมีบาดแผลมากมายบนร่างกายของเขา
แต่โชคดีที่มันเป็นแค่บาดแผลถากๆเท่านั้น
ในที่สุด ลู่ชางเฉิงก็มองเห็นหุบเขา
หุบเขาตรงหน้าเขาเต็มไปด้วยสมุนไพรล้ำค่ามากมาย
"นั่นมันโสมรึเปล่าน่ะ?!"
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีโสมอยู่ในภูเขาหวู่นี่ฉานด้วย!!”
ลู่ชางเฉิงมีสายตาที่เฉียบคมมากเมื่อเห็นสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นโสมที่กําลังเติบโตอยู่ในหุบเขา
อันที่จริง โสมนั้นปลูกเองก็ได้ แต่โสมในป่านั้นถือว่าค่อนข้างหายาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโสมป่าที่มีอายุมาก ซึ่งมันมีค่าสูงมาก
ลู่ชางเฉิงเดินเข้าไปในหุบเขาทันทีและเริ่มขุดหาโสมป่า
หลังจากที่ขุดโสมป่าขึ้นมาแล้ว ลู่ชางเฉิงก็เงยหน้าขึ้นและเห็นว่าหน้าผารอบๆหุบเขานั้นเต็มไปด้วยสมุนไพรล้ำค่าอื่นๆด้วย
ทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นถ้ำที่ซ่อนอยู่กลางหน้าผาแห่งหนึ่ง
ถ้ำแห่งนี้ถูกซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดี และถ้าไม่ได้มองใกล้ๆ เขาอาจจะไม่สังเกตเห็นเลยด้วยซ้ำ
หัวใจของลู่ชางเฉิงเต้นแรงขึ้น
หุบเขานี้ดูเหมือนจะมีความพิเศษเฉพาะตัวและดูเหมาะสําหรับการเจริญเติบโตของสมุนไพรมากๆ ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่าทําไมสมุนไพรล้ำค่าจํานวนมากจึงเติบโตที่นี่ได้
อย่างไรก็ตาม สมุนไพรล้ำค่าจะต้องผ่านกระบวนการทันทีเมื่อสุก มิฉะนั้น มันจะเน่าเสียและไร้ค่า
ด้วยจำนวนสมุนไพรที่มีอยู่มากมาย ลู่ชางเฉิงจึงไม่สามารถเอามันกลับไปทั้งหมดได้
แต่ถ้าเขารายงานเรื่องนี้ไปที่สำนักเมียวชู เขาอาจจะได้รับรางวัลเป็นการตอบแทน
เมื่อเทียบกับสมุนไพรเหล่านี้ทั้งหมด รางวัลที่เขาจะได้นั้นมีค่าเท่าไหร่นะ?
เนื่องจากตอนนี้ ลู่ชางเฉิงนั้นต้องการเงินอย่างมาก ถ้าเขาสามารถเปลี่ยนสมุนไพรเหล่านี้ให้เป็นเงินได้ เขาจะได้รับเงินจํานวนมากอย่างแน่นอน
“ถ้ำแห่งนี้สามารถใช้เก็บสมุนไพรที่เติบโตเต็มที่ได้ชั่วคราว และข้าจะต้องหาวิธีเอามันออกไปและเปลี่ยนเป็นเงินให้ได้”
ด้วยการตัดสินใจในครั้งนี้ ลู่ชางเฉิงจึงปีนเข้าไปในถ้ำทันที
ในถ้ำที่แห้งแล้ง ความประหลาดใจของเขากลับเพิ่มมากขึ้นเมื่อเขาพบกับเครื่องนอนและเครื่องใช้พื้นฐานสําหรับการดำเนินชีวิตอยู่ภายในถ้ำ
"มีคนอาศัยอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?"
ลู่ชางเฉิงรู้สึกประหลาดใจมาก ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้ยินเสียงกร่อบแกร่บดังออกมาจากนอกถ้ำ
เขามองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง แล้วซ่อนตัวอยู่ในมุมที่เงียบสงบของถ้ำอย่างรวดเร็ว