ตอนที่แล้วตอนที่ 2 วิชาหมัดพื้นฐานระดับเชี่ยวชาญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4 การรวบรวมสมุนไพรในภูเขา

ตอนที่ 3 เพิ่มความเข้าใจ


ตอนที่ 3 เพิ่มความเข้าใจ

ทันใดนั้นลู่ชางเฉิงก็หยุด

เนื่องจากค่าความเข้าใจของเขาเพิ่มขึ้นแล้ว

ลู่ชางเฉิงจึงรู้สึกได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดเข้ามา

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถอธิบายความรู้สึกที่แตกต่างกันได้นั้น แต่เขากลับมีความรู้สึกคลุมเครือว่าสภาพจิตใจของเขานั้นดีขึ้นมาก

หรือว่ามันแตกต่างกันแค่นี้นะ?

"คงงั้นล่ะมั้ง…"

ลู่ชางเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบอะไรมากนักที่เกิดขึ้นกับเขา

หรือเป็นเพราะว่าค่าความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นนั้นยังน้อยเกินไป?

ลู่ชางเฉิงส่ายหัวและหยุดคิดก่อนที่เริ่มฝึกวิชาด้านกำลังขาต่อ

ในทุกวัน เขาจะฝึกวิชาหมัดพื้นฐานและวิชาด้านกำลังขาในช่วงเวลากลางคืน

แม้ว่าเขาจะติดอยู่กับวิชาด้านกำลังขาและไม่สามารถสัมผัสถึงแก่นแท้ของเสือที่ดุร้ายได้ แต่เขาก็ยังพยายามฝึกฝนมันทุกวัน

ลู่ชางเฉิงจึงเริ่มสันนิษฐานถึงกระบวนท่าเริ่มต้นวิชาด้านกำลังขาทันที โดยนึกถึงการเคลื่อนไหวที่อาจารย์หลิวสอน

ร่างกายของเขาค่อยๆหมอบลงเล็กน้อยเหมือนกับเสือที่กำลังสะกดรอยตามเหยื่อของมัน

"ย่ะ!"

ทันใดนั้น ลู่ชางเฉิงได้พุ่งไปข้างหน้า

การจู่โจมในครั้งนี้ทําให้ดีใจอย่างมาก ราวกับว่าเขาได้กลายร่างเป็นเสือที่ดุร้ายจริงๆ

"โอ้ววว"

ลู่ชางเฉิงตะครุบไปที่พื้นโดยที่ทิ้งรอยประทับลึกๆไว้

"หือ อะไรน่ะ?"

ลู่ชางเฉิงจ้องมองไปที่มือของเขา

แม้ว่าเขาจะสัมผัสถึงพลังฉีและเลือดของตัวเองไม่ได้ แต่เขากลับสร้างรอยลึกๆไว้บนพื้นได้

แม้แต่พื้นที่แข็งยังเป็นขนาดนี้ ถ้าเขาใช้ท่านี้กับคนจริงๆมันคงจะน่ากลัวน่าดู

"แก่นแท้ของเสือที่ดุร้าย... นี่แหละคือแก่นแท้ของเสือดุร้ายของจริง!"

“นี่ที่สุด ข้าก็เข้าใจแก่นแท้ของเสือที่ดุร้ายแล้ว ดูซิว่าวิชาด้านกำลังขาของข้าจะดีขึ้นหรือไม่?”

ลู่ชางเฉิงเปิดแผงคุณลักษณะของเขาทันที

[โฮสต์: ลู่ชางเฉิง]

[ค่าความเข้าใจ : 99 (ค่าเฉลี่ย)]

[วิชาหมัดพื้นฐาน : สมบูรณ์แบบ]

[วิชาด้านกำลังขา : เชี่ยวชาญเล็กน้อย]

[วิชามหาสายธาร : ยังไม่ได้เริ่ม]

ในแผงคุณลักษณะ ความเข้าใจของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 99 แต่การประเมินยังคงเป็น "ค่าเฉลี่ย" อยู่

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยนี้ทําให้วิชาด้านกำลังขาของเขาเปลี่ยนเป็น “เชี่ยวชาญเล็กน้อย” แล้ว

เมื่อเขาเข้าใจแก่นแท้ของเสือที่ดุร้ายได้ ตราบใดที่เขาฝึกฝนต่อไปมันก็จะไปถึงระดับสมบูรณ์แบบได้แน่ๆ

เมื่อเห็นแบบนี้ ในที่สุดลู่ชางเฉิงจึงเข้าใจวิธีการใช้แผงคุณลักษณะที่ถูกต้อง

ตราบใดที่เขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้หรือวิชาต่อสู้ให้สมบูรณ์แบบได้ ค่าความเข้าใจของเขาจะเพิ่มขึ้น

ด้วยความเข้าใจที่สูงขึ้น การเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้และวิชาต่างๆก็จะง่ายขึ้นและเร็วขึ้น

ถ้าศิลปะการต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น ค่าความเข้าใจของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มันเป็นวงจรที่จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นไปได้เรื่อยๆ!

ถ้าเขาทำแบบนี้ต่อไป ค่าความเข้าใจของเขาจะสูงแค่ไหนกัน?

ลู่ชางเฉิงที่คิดแบบนี้เริ่มเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ความเสียใจที่ไม่เชี่ยวชาญวิชามหาสายธารและไม่ถูกรับเลือกให้เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยของเขาได้หายไปหมดแล้วในตอนนี้

เมื่อเทียบกับเอฟเฟกต์ของแผงคุณลักษณะ หน่วยรักษาความปลอดภัยจะสำคัญกว่าได้ยังไง?

หลังจากนั้น ลู่ชางเฉิงจึงกลับไปนอนในห้องของเขา

เขานอนหลับสนิทด้วยความดีใจ

ในเช้าตรู่ ลู่ชางเฉิงก็ลืมตาตื่นขึ้นตามปกติ

อย่างไรก็ตาม หากไม่มีอาจารย์หลิว เขาก็ไม่สามารถจดจ่อกับการฝึกวิชามหาสายธารได้อีกต่อไป

เขาจึงต้องทํางานหนักและฝึกฝนให้หนักขึ้น

โชคดีที่เขามีงานไม่มากนักในช่วงเช้า

ลู่ชางเฉิงจึงยังคงสามารถหาเวลาฝึกฝนวิชามหาสายธารได้

เขาจดจําทุกการเคลื่อนไหวของวิชามหาสายธารได้ดีจนเขาสามารถทำมันได้แม้ว่าจะหลับตาอยู่ก็ตาม

ตอนที่เขาฝึกแรกๆ ลู่ชางเฉิงมักจะพบว่าการเคลื่อนไหวแบบนี้มันดูน่าอึดอัดใจสำหรับเขา

แต่ในช่วงเช้าวันนี้เขากลับรู้สึกแตกต่างออกไป

เขาสามารถได้ยินเสียงเลือดของเขาที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเขาได้อย่างคลุมเครือราวกับเป็นแม่น้ำที่ไหลอยู่ในร่างกาย

ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวที่น่าอึดอัดใจเหล่านั้นถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของเส้นเลือดภายในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว

“ข้าได้ยินเสียงเลือดไหลราวกับเป็นแม่น้ำสายใหญ่”

“ถ้าเป็นตามที่อาจารย์หลิวกล่าว ข้าน่าจะใกล้สัมผัสพลังฉีและเลือดของข้าได้แล้ว”

“ดูเหมือนว่าภายในอีกสิบวันหรือน้อยกว่านั้น ข้าอาจจะสัมผัสได้ถึงพลังฉีและเลือดของข้าได้!”

ลู่ชางเฉิงเริ่มเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

เขาคาดเดาได้ว่าความคืบหน้านี้อาจเกี่ยวข้องกับค่าความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้

ค่าความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นนั้นมีผลมาก ไม่เพียงแค่เป็นประโยชน์ต่อทักษะการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงศิลปะการต่อสู้ด้วย

เช่นเดียวกับลู่ชางเฉิง เพราะยังมีผู้ฝึกตนคนอื่นๆที่พยายามอย่างหนักในการฝึกวิชามหาสายธาร แม้ว่าจะไม่ได้รับถูกเลือกให้เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยก็ตาม

แต่ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่นั้นกลับพูดจาประชดในความพยายามของพวกเขา

“เฮ้ๆ ดูเจ้าพวกนั้นสิ พยายามหนักมากจริงๆ แต่แล้วจะได้อะไรล่ะ? หากไม่มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ ไม่ว่าพวกเขาจะฝึกฝนหนักแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์ สู้เอาเวลาไปพักผ่อนยังดีกว่าตั้งเยอะ”

“ใช่ แม้ว่าพวกเขาจะฝึกฝนอย่างหนัก พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าไปในหน่วยรักษาความปลอดภัยได้ ถ้าเข้าหน่วยรักษาความปลอดภัยไม่ได้ ก็ไม่ได้กินอาหารบํารุงและไม่ได้ฝึกศิลปะการต่อสู้อีก”

"มาดูกันดีกว่าว่าพวกเขาจะยังฝึกแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน?"

ลู่ชางเฉิงเลือกที่จะเมินคำพูดที่ประชดประชันนั้น

บางคนก็แค่ขี้เกียจและชอบที่จะพักผ่อนมากกว่าที่จะฝึกฝน แต่พวกเขากลับมาเยาะเย้ยผู้ที่ฝึกฝนอย่างหนัก

แต่สุดท้ายเวลาจะตอบแทนแก่ผู้ที่ฝึกฝนอย่างหนักเอง!

แน่นอนว่าผู้ฝึกตนเหล่านี้ไม่ได้อยู่เฉยๆ

นอกจากจะทำงานประจำวันแล้ว ผู้ฝึกตนที่ไม่สามารถฝึกศิลปะการต่อสู้ได้ยังใช้เวลาร่ำเรียนได้

เพราะท้ายที่สุด การเป็นหมอและวินิจฉัยผู้ป่วยได้นั้นจะต้องมีความรู้ขั้นสูง

ถ้าหาว่าอ่านหนังสือวิชาแพทย์ไม่ได้ แล้วจะเป็นหมอได้ยังไง?

ดังนั้น ทุกช่วงบ่ายจะมีชั่วโมงที่สำนักเมียวชูจัดให้อาจารย์มาบรรยายแก่ผู้ฝึกตน

ลู่ชางเฉิงเองก็จริงจังกับการเรียนของเขาด้วย

ไม่ว่าจะที่ไหนหรือในสถานการณ์ใด ความรู้คือขุมทรัพย์ที่ดีที่สุด

การอ่านและการเขียนก็เป็นทักษะพื้นฐานที่สุด

มิฉะนั้น ต่อให้จะได้รับคู่มือลับของศิลปะการต่อสู้ แต่ก็คงไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้

และในทุกวัน ลู่ชางเฉิงจะอุทิศตนเพื่อการอ่านเขียนควบคู่ไปด้วย

ในด้านศิลปะการต่อสู้ ลู่ชางเฉิงเองก็มีความสามารถอยู่ในระดับเฉลี่ยทั่วไป

แต่ในวิชาวัฒนธรรม เขาเก่งมากๆในหมู่ผู้ฝึกตนหลายคน

เพราะเขาเคยเรียนวิชานี้มานานกว่าสิบปีในชีวิตก่อนหน้านี้

แม้ว่าจะอยู่ในร่างที่แตกต่างกัน แต่ความรู้ที่ได้เรียนมากลับยังไม่หายไป

และลู่ชางเฉิงก็ขยันมาก ซึ่งทําให้อาจารย์โม่ชอบเขามาก อาจารย์โม่มักจะพูดชมลู่ชางเฉิงเป็นประจำ

“อ่า น่าเสียดายที่เจ้าเป็นผู้ฝึกตนที่สำนักเมียวชู มิฉะนั้นด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าอาจจะผ่านการสอบของจักรพรรดิในอนาคตด้วยซ้ำ”

อาจารย์โม่ถอนหายใจ

เขาเชื่อว่าลู่ชางเฉิงนั้นมีศักยภาพที่เก่งมากในด้านการศึกษา

แต่ลู่ชางเฉิงนั้นรู้ตัวของเขาดีอยู่แล้ว

เขาเพียงแค่พึ่งพาความทรงจําในชีวิตที่ผ่านมาของเขาเพื่อให้เป็นประโยชน์เบื้องต้นในการอ่านและการเขียน ถ้าเขาพยายามสอบข้อสอบของจักรพรรดิ โอกาสสอบติดของเขาคงมีน้อยมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ลึกๆแล้วลู่ชางเฉิงเองก็เริ่มมีความหลงใหลในศิลปะการต่อสู้มากขึ้น

ความก้าวหน้าทีละเล็กน้อยในด้านศิลปะการต่อสู้นั้นทำให้ลู่ชางเฉิงเริ่มคลั่งไคล้มัน!

“ถ้าข้าต้องการบรรลุความสมบูรณ์แบบในวิชาด้านกำลังขา บางทีมันอาจจะใช้เวลาสามถึงห้าเดือนแน่ๆ”

"ทําไมข้าถึงไม่มองหาวิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐานที่คล้ายกับวิชาหมัดพื้นฐานนะ?"

“การทําให้วิชาต่อสู้ที่ง่ายที่สุดสมบูรณ์แบบได้นั้นง่ายและใช้เวลาน้อยมาก ที่สําคัญไปกว่านั้น มันยังสามารถพัฒนาค่าความเข้าใจของข้าได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย”

เป้าหมายของลู่ชางเฉิงก็คือการเพิ่มความเข้าใจของเขา

เมื่อความเข้าใจของเขามากขึ้น การฝึกศิลปะการต่อสู้ต่างๆก็จะง่ายขึ้น

สําหรับวิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐาน ลู่ชางเฉิงนั้นไม่มีปัญหาในการค้นหามัน

เพราะที่สำนักเมียวชูมีคนมากมายที่รู้วิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐาน

เนื่องจากมันเป็นวิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐานทั่วไป นักศิลปะการต่อสู้เกือบทุกคนจึงได้ฝึกฝนมันมาบ้างแล้ว

ลู่ชางเฉิงใช้อาหารเพื่อแลกเปลี่ยนและได้รับวิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐานมาสามอย่าง : วิชามีดพื้นฐาน วิชาดาบพื้นฐาน และวิชาตะบองพื้นฐาน

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด