ตอนที่ 2 วิชาหมัดพื้นฐานระดับเชี่ยวชาญ
ตอนที่ 2 วิชาหมัดพื้นฐานระดับเชี่ยวชาญ
วันที่สอง วันที่สาม วันที่สี่ วันที่ห้า...
ทุกคนต่างฝึกฝนและทํางานอย่างขยันขันแข็งทุกวันเป็นกิจวัตร
เวลาของพวกเขาถูกกําหนดเอาไว้อย่างแน่นหนา
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครที่บ่นถึงความเหนื่อยล้า พวกเขาทั้งหมดล้วนกัดฟันและมุ่งมั่นที่จะฝึกฝนวิชามหาสายธารให้ได้
แต่หลังจากผ่านไปหลายวันติดต่อกัน ก็ยังไม่มีใครเชี่ยวชาญวิชามหาสายธารเลย
ลู่ชางเฉิงยังสอบถามถึงการจะฝึกวิชามหาสายธารให้ได้อย่างรวดเร็วด้วย
เพื่อเป็นการเร่งความก้าวหน้าของพวกเขา การกินสมุนไพรนั้นถือว่าช่วยทางอ้อม
หากพวกเขากินแต่อาหารสมุนไพรในทุกวัน ความก้าวหน้าของพวกเขาในวิชามหาสายธารก็จะเร็วขึ้นมาก
แต่อาหารสมุนไพรนั้นถูกจัดให้กับหน่วยรักษาความปลอดภัยเท่านั้น ผู้ฝึกตนธรรมดาจะมีสิทธิ์กินได้ยังไง?
ส่วนการซื้อนั้นก็ยิ่งยากเข้าไปอีก
ผู้ฝึกตนธรรมดานั้นไม่มีรายได้และไม่มีเงินแม้แต่แดงเดียว พวกเขาจะซื้ออาหารสมุนไพรได้ยังไงกัน?
และในพริบตา เวลาก็ผ่านไปสิบเอ็ดวัน
ในวันนี้ เมื่อลู่ชางเฉิงและผู้ฝึกตนคนอื่นๆมาถึงลานกว้าง พวกเขาก็ได้ยินผู้ฝึกตนคนหนึ่งพูดขึ้นว่า "อาจารย์หลิว ข้า... ดูเหมือนข้าจะสัมผัสได้ถึงการไหลเวียนของพลังฉีแล้ว"
“หือ? มานี่ซิ ให้ข้าดูหน่อย”
ดวงตาของอาจารย์หลิวเบิกกว้างขึ้น
หลังจากนั้น ผู้ฝึกตนที่ดูสูงและผอมบางก็เดินเข้าไปหาอาจารย์หลิวและยื่นมือออกไป
อาจารย์หลิวจับมือของผู้ฝึกตนคนนั้นไว้แล้วหลับตาลง
“ดีมาก เจ้าก้าวหน้าไปแล้วจริงๆ”
“การบรรลุสิ่งนี้ได้ในสิบเอ็ดวันถือว่ายอดเยี่ยมมาก”
“เอาล่ะ นับตั้งแต่วันนี้ เจ้าไม่จําเป็นต้องทํางานอีกต่อไป เจ้าจะได้ไปที่หน่วยรักษาความปลอดภัยทันทีและจะได้กินอาหารสมุนไพรทุกวัน เพื่อผลที่ดียิ่งขึ้นไปอีก”
“อ่ะ... ขอบคุณครับท่านอาจารย์หลิว”
ผู้ฝึกตนคนนั้นตื่นเต้นมาก
เขากําลังจะได้ไปที่หน่วยรักษาความปลอดภัยและกลายเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่ทรงพลัง แม้ว่าทักษะการต่อสู้ของเขาจะยังไม่ถึงระดับสูง แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถเป็นผู้พิทักษ์ของสำนักเมียวชูอันทรงเกียรติ ได้ ซึ่งต่างจากผู้ฝึกตนทั่วไป
"งั้นก็ไปที่หน่วยรักษาความปลอดภัยได้เลย"
อาจารย์หลิวผายมือและมองไปที่ผู้ฝึกตนคนอื่นๆด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเจ้าทุกคนเห็นไหม? หากเจ้าสามารถเชี่ยวชาญวิชามหาสายธาร ได้ภายในหนึ่งเดือน มันก็เหมือนกับการไปสู่ท้องฟ้าได้ในก้าวเดียว!”
ผู้ฝึกตนทุกคนเริ่มกระสับกระส่าย
พวกเขามองไปที่ผู้ฝึกตนที่เพิ่งประสบความสําเร็จด้วยความอิจฉาในใจ
“ผู้ฝึกตนคนนั้นคือเจาเก๋อไม่ใช่เหรอ?”
“เจาเก๋อนั้นดูขี้อายและมักจะถูกรังแกตลอด แต่ตอนนี้เขากลับนำพวกเราไปแล้ว”
“เจาเก๋อในตอนนี้มีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้าแล้ว จากนี้ไปเขาคงอยู่ในเส้นทางที่แตกต่างไปจากพวกเราอย่างสิ้นเชิง...”
“น่าอิจฉาจริงๆ เมื่อไหร่ข้าจะสามารถเชี่ยวชาญวิชามหาสายธารได้บ้างนะ”
ท่ามกลางฝูงชน แม้แต่ลู่ชางเฉิงก็รู้สึกอิจฉาเช่นกัน
เขาไม่ต้องการเป็นแค่ผู้ฝึกตนธรรมดาๆอีกต่อไป เขาต้องการฝึกฝนทุกวันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
แต่น่าเสียดายที่วิชามหาสายธารของเขานั้นไม่มีความคืบหน้าใดๆเลย
โฮสต์ : ลู่ชางเฉิง
ค่าความเข้าใจ: 98 (ค่าเฉลี่ย)
วิชาหมัดขั้นพื้นฐาน : เชี่ยวชาญ
วิชาด้านกำลังขา : ทั่วไป
วิชามหาสายธาร : ยังไม่ได้เริ่ม
ในแผงคุณลักษณะของลู่ชางเฉิง มีรายการเพิ่มขึ้นมานั่นก็คือ "วิชาหมัดขั้นพื้นฐาน " และ "วิชาด้านกำลังขา"
นี่คือทักษะศิลปะการต่อสู้ที่ถูกสอนโดยอาจารย์หลิว
ดังที่อาจารย์หลิวได้กล่าวไว้ ศิลปะการต่อสู้จําเป็นต้องมีทักษะในระดับหนึ่ง ซึ่งในวิชาต่อสู้แบบหมัดต่อหมัดคนๆนั้นจะต้องมีร่างกายที่แข็งแรงและพลังที่เต็มเปี่ยม
ลู่ชางเฉิงสังเกตว่าในขณะที่ความก้าวหน้าของเขาในวิชามหาสายธารกำลังหยุดชะงัก ทักษะของเขาในวิชาด้านกำลังขาและวิชาหมัดขั้นพื้นฐานกลับพัฒนาอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาหมัดขั้นพื้นฐานซึ่งมันใช้เพียงการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เขาบรรลุความสามารถจนเชี่ยวชาญแล้ว
เขาเชื่อว่าในอีกไม่กี่วันวิชาหมัดขั้นพื้นฐานของเขาอาจไปถึงระดับสูงสุด
เนื่องจากวิชามหาสายธารนั้นสามารถฝึกฝนได้เพียงวันละหนึ่งชั่วโมง ลู่ชางเฉิงจึงใช้ทุกช่วงเวลาเพื่อฝึกฝนวิชาหมัดขั้นพื้นฐาน และวิชาด้านกำลังขา
เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อผู้ฝึกตนคนแรกเริ่มเชี่ยวชาญวิชามหาสายธารได้ คนอื่นๆก็เริ่มทําตามได้เช่นกัน
ผู้ฝึกตนอีกเจ็ดคนก็ประสบความสําเร็จในการเชี่ยวชาญวิชามหาสายธารและถูกอาจารย์หลิวพาไปที่หน่วยรักษาความปลอดภัย
หลังจากนั้นยี่สิบวันผ่านไป
กําหนดเส้นตายเวลาหนึ่งเดือนใกล้เข้ามาแล้ว และผู้ฝึกตนที่เหลือก็เริ่มกังวลมากขึ้น
พวกเขาเริ่มหาวิธีการต่างๆทันที
บางคนถึงกับพยายาม "ขโมย" อาหารสมุนไพร
แต่ผลที่ได้คือการถูกจับและถูกลงโทษทันที
ในวันที่ยี่สิบแปด โซวเฉิงนั้นสัมผัสได้ถึงการไหลเวียนของพลังฉีได้และเชี่ยวชาญวิชามหาสายธารทันที
สิ่งนี้ทําให้ลู่ชางเฉิงรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
โซวเฉิงนั้นเป็นที่รู้จักในเรื่องความขี้เกียจและความฉลาด เพราะเขามักจะมองหาทางลัดอยู่เสมอ
ลู่ชางเฉิงไม่เคยคิดมาก่อนว่าแม้แต่คนอย่างเขาก็สามารถเชี่ยวชาญวิชามหาสายธารได้ และหลุดพ้นจากตัวตนของผู้ฝึกตนที่ขี้เกียจ
ในที่สุดเวลาก็ผ่านไปหนึ่งเดือน
ผู้ฝึกตนจํานวนมากมารวมตัวกันที่ลานกว้าง หัวของพวกเขาก้มลงพร้อมกับวิญญาณของพวกเขาที่ถูกบดขยี้
อาจารย์หลิวพูดอย่างเย็นชาว่า "ในเวลาหนึ่งเดือนมีผู้ฝึกตนทั้งหมดเก้าคนที่สัมผัสได้ถึงการไหลเวียนของพลังฉี ซึ่งบ่งบอกถึงความสามารถในด้านศิลปะการต่อสู้"
“ถึงอย่างนั้น พวกเจ้าก็อย่าได้ท้อแท้ พวกเจ้าสามารถฝึกฝนวิชามหาสายธารต่อไปได้ เมื่อเวลาผ่านไป พวกเจ้าอาจจะสร้างความก้าวหน้าได้ แม้ว่าพวกเจ้าจะไปไม่ถึงทักษะการต่อสู้ระดับสูง แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายของพวกเจ้า”
“แม้ว่าพวกเจ้าจะขาดความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้ แต่อย่าลืมว่าสำนักเมียวชูนั้นมีชื่อเสียงในด้าน ”การรักษา“ที่มาก่อน ”การต่อสู้“แม้ว่าพวกเจ้าอาจไม่ได้เดินในเส้นทางแห่งการต่อสู้ แต่พวกเจ้าสามารถเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงได้!”
หลังจากที่พูดจบ อาจารย์หลิวก็จากไป
การฝึกที่ผ่านมามุ่งเป้าไปที่การคัดเลือกผู้มีความสามารถด้านการต่อสู้เพื่อมาเสริมกําลังหน่วยรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะ
สําหรับผู้ฝึกตนที่เหลือ พวกเขายังคงทํางานอย่างขยันขันแข็งและค่อยๆก้าวหน้าจากผู้ฝึกตนไปเรื่อยๆ
หากพวกเขาได้กลายเป็นแพทย์ในสำนักเมียวชู พวกเขาสามารถไปเปิดคลินิกของตัวเองได้ ซึ่งไม่ต่างจากการเป็นหน่วยรักษความปลอดภัยในแง่ของศักดิ์ศรีมากนัก
หลังจากวันที่วุ่นวายผ่านไป ลู่ชางเฉิงก็นอนอยู่บนเตียงของเขา
เนื่องจากไม่มีผู้ฝึกตนเก้าคนนั้นอยู่ในหอพักอีกต่อไป มันจึงทําให้เตียงนั้นกว้างขวางขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ฝึกตนหลายคนกลับรู้สึกท้อแท้
หากไม่ได้เข้าไปในหน่วยรักษาความปลอดภัย พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าถึงอาหารสมุนไพรที่ถูกจัดโดยสำนักเมียวชูได้
แม้ว่าพวกเขาจะฝึกศิลปะการต่อสู้ต่อไปมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรอีก
หากไม่มีอาหารสมุนไพร พวกเขาก็จะล้าหลังไปช้าๆ
และในที่สุด ความสําเร็จของพวกเขาในด้านศิลปะการต่อสู้ก็ไม่สามารถตามทันผู้พิทักษ์ของสำนักเมียวชู
ผู้ฝึกตนหลายคนยอมจํานนต่อชะตากรรมของพวกเขา โดยยอมรับว่าพวกเขาต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการพยายามอย่างหนักเพื่อเป็นหมอและไปเปิดคลินิกของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ยังผู้ฝึกตนกลุ่มเล็กๆที่ไม่ได้ละทิ้งความหวัง
ลู่ชางเฉิงเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
โฮสต์ : ลู่ชางเฉิง
ค่าความเข้าใจ : 99 (ค่าเฉลี่ย)
วิชาหมัดขั้นพื้นฐาน : เชี่ยวชาญ
วิชาด้านกำลังขา : ชํานาญ
วิชามหาสายธาร : ยังไม่ได้เริ่ม
ลู่ชางเฉิงมองไปที่แผงคุณลักษณะของเขา ซึ่งวิชามหาสายธารของเขาก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ในทางตรงกันข้าม เขากลับเชี่ยวชาญในวิชาหมัดขั้นพื้นฐานและวิชาด้านกำลังขาเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาความคืบหน้าของเขาในวิชาด้านกำลังขาดูเหมือนจะหยุดนิ่งไป
วิชาด้านกำลังขานั้นมีพื้นฐานมาจากการเลียนแบบความดุร้ายของเสือ จากคําแนะนําของอาจารย์หลิว การทําความเข้าใจถึงแก่นแท้ของเสือได้นั้นเป็นสิ่งที่จําเป็นเพื่อให้ไปถึงระดับความสามารถที่สูงขึ้น
เมื่อถึงจุดนั้น วิชาด้านกำลังขาก็จะแสดงพลังที่แท้จริงออกมา
แต่ลู่ชางเฉิงนั้นไม่สามารถคาดเดาถึงแก่นแท้ของเสือได้เลย
เฉพาะวิชาหมัดพื้นฐานซึ่งดูง่ายเท่านั้นที่พัฒนาขึ้นอย่างมากจนเขารู้สึกว่าความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับวิชานี้มีมากขึ้นจนอยู่ในระดับเชี่ยวชาญ
วิชาหมัดพื้นฐานนั้นไม่ได้มีพลังมากนัก แต่การเรียนรู้มันทําให้เริ่มคุ้นเคยกับวิชาศิลปะการต่อสู้มากขึ้น
ผู้ฝึกตนหลายคนมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้วิชามหาสายธาร หรือการเรียนรู้วิชาด้านกำลังขา
ในขณะที่วิชาด้านกำลังขานั้นถือได้ว่าเป็นทักษะการต่อสู้ที่มีประโยชน์ แต่มีผู้ฝึกตนเพียงไม่กี่คนที่ให้ความสนใจกับวิชาหมัดพื้นฐานมากนัก
แต่ลู่ชางเฉิงนั้นแตกต่างออกไป ตราบใดที่เขารู้สึกว่าเขาสามารถพัฒนาวิชาหมัดพื้นฐานต่อไปได้ เขาก็อยากจะฝึกฝนมันต่อไป
อยู่มาวันหนึ่ง หลังจากที่กำลังทำงานยุ่งๆอยู่นั้น ลู่ชางเฉิงก็เดินออกจากห้องของเขาอย่างเงียบๆ
เขาไปหามุมเงียบๆมุมหนึ่ง
ทุกๆเย็น ลู่ชางเฉิงจะหาเวลาเพื่อฝึกฝนวิชาหมัดพื้นฐานและวิชาด้านกำลังขา
...
เมื่อลู่ชางเฉิงได้ฝึกฝนวิชาหมัดพื้นฐานไปมากกว่าสิบครั้ง
ทันใดนั้นข้อความเล็กๆหนึ่งบรรทัดก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา
"วิชาหมัดพื้นฐานอยู่ในระดับเชี่ยวชาญ ค่าความเข้าใจ +1"
ลู่ชางเฉิงตรวจสอบแผงคุณลักษณะของเขาทันที
โฮสต์ : ลู่ชางเฉิง
ค่าความเข้าใจ: 99 (ค่าเฉลี่ย)
วิชาหมัดพื้นฐาน : เชี่ยวชาญ
วิชาด้านกำลังขา : ชํานาญ
วิชามหาสายธาร: ยังไม่ได้เริ่ม
เมื่อลู่ชางเฉิงเห็นว่าวิชาหมัดพื้นฐานของเขามาถึงระดับเชี่ยวชาญแล้ว และค่าความเข้าใจของเขาก็เพิ่มขึ้นจาก 98 เป็น 99 ด้วย
ในขณะนั้น ลู่ชางเฉิงมีความคิดบางอย่างและในที่สุดเขาก็เข้าใจจุดประสงค์ของแผงคุณลักษณะแล้ว
เมื่อใดก็ตามที่ลู่ชางเฉิงสามารถไปถึงจุดสุดสูงสุดในศิลปะการต่อสู้หรือทักษะเฉพาะด้าน มันจะเพิ่มค่าความเข้าใจของเขา
แต่เขาก็สงสัยว่าการเพิ่มค่าความเข้าใจอีกเพียงจุดเดียวจาก 99 เป็น 100 นั้นมันแตกต่างกันอย่างไร?