ตอนที่ 1537 มันคือสิ่งที่ต้องทำ...
“ครับ!”
เมืองหางโจว คฤหาสน์ตระกูลเว่ย หลังจากที่ ทีมหางโจว ทำประตูที่สองได้ เว่ย เทียนเฉิง ก็อดไม่ได้ที่จะตบต้นขาตัวเอง และส่งเสียงเชียร์ออกมาอย่างตื่นเต้น
มั่นคง! ใช่.. คราวนี้กลับมามั่นคงแล้ว
เวลานี้กล้องของทางสถานีโทรทัศน์ได้ตัดภาพไปบนอัฒจันทร์
“พ่อ ดูสีหน้าของ ไอ้เด็ก หลินฟาน นั่นสิ เสียบอลไปถึงสองลูก แต่หน้าของมันยังนิ่งอยู่ได้ ไอ้เด็กคนนี้ช่างแกล้งทำเก่งจริงๆ!” เว่ย เจี้ยนเซิง กล่าว
เว่ย เทียนเฉิง ฮึ่มเสียงออกมา แล้วพูดว่า : “ยิ่งมันแกล้งทําเท่าไหร่มันก็ยิ่งรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นเท่านั้น แต่แล้ว ..คนๆ หนึ่งมันจะแกล้งทําต่อไปได้อย่างไร อย่างลืมว่าครึ่งแรกยังไม่จบ แต่กลับเสียไปแล้วถึงสองประตู ที่นี่รอเสียอีกสองประตู มาดูกันสิว่า ไอ้เด็ก หลินฟาน นี่มันยังแกล้งทําต่อไปได้อีกหรือไม่ และถึงตอนนั้นสีหน้าของมันคงจะต้องยอดเยี่ยมมากแน่ๆ!”
เว่ย เจี้ยนเซิง ยิ้ม แล้วพูดว่า : “ท่านพ่อพูดถูก ตอนนี้ต่อให้มันแกล้งทำเป็นใจเย็นมากแค่ไหน เดี๋ยวอีกสักพักมันก็ไม่สามารถเสแสร้งได้อีกต่อไปแล้ว ผมเองแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นสีหน้าอันยอดเยี่ยมของมัน…”
สองพ่อลูกคู่นี้ ก็ยังคงตั้งตารอที่จะได้เห็นการแสดงออกอันยอดเยี่ยมของ หลินฟาน… ซึ่งมันเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาในการดูเกมนี้
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ต้องผิดหวังแล้ว…
หลังจากที่ หลินฟาน ได้โทรไปหาผู้ช่วยโค้ชที่นำทีมอยู่ข้างสนาม ผู้ช่วยโค้ชก็เริ่มที่จะปรับแท็คติก และเปลี่ยนจากป้องกันเป็นเกมรุกตามคำแนะนำของ หลินฟาน!
นอกจากคนของ ทีมหยุนเฉิง แล้ว โลกภายนอกไม่มีใครรู้ว่า ทั้งสองวันก่อนหน้าที่เกมจะเริ่ม หลินฟาน ได้ฝึกทีมด้วยตนเองเพื่อวางแผนกลยุทธ์ และรูปแบบการเล่นของทีม
ตอนนี้ผู้ช่วยโค้ชที่นำทีมในสนามเพียงแค่ออกคําสั่งในนามของ หลินฟาน เท่านั้น ในด้านกีฬา หลินฟาน ไม่มีความสนใจที่จะมีชื่อเสียง ถ้าเขาอยากมีชื่อเสียงจริงๆ เขาก็คงลงสนามไปเตะบอลด้วยตัวเองแล้ว..
แต่สิ่งที่ หลินฟาน ต้องการไม่ใช่แค่เพียงเพื่อชัยชนะ แต่เพื่อฝึกอบรมผู้เล่นชาวจีน ตัวเขาเองไม่สนใจในการเล่นบอล แต่ก็ยังสนใจในการพัฒนา และปลุกฝังความสามารถให้กับเยาวชนในท้องถิ่น
ทั้งนี้แน่นอนว่า นักเตะเยาวชนชาวจีนเหล่านี้จะแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต และพวกเขาจะเข้ายึดครองสนามระดับโลกในอนาคตได้ และกลายเป็นท็อปสตาร์ที่เป็นที่ต้องการของแฟนๆ หลายร้อยล้านคนทั่วโลก พวกเขาทั้งหมดนี้ ..ล้วนแล้วแต่มาจาก ทีมหยุนเฉิง
ประเทศจีนมีจำนวนประชากร 1.4 พันล้านคน แน่นอนว่าต้องมีคนที่มีพรสวรรค์ด้านฟุตบอลที่แข็งแกร่งมากมาย แต่ทําไมพวกเขาถึงไม่ถูกค้นพบ ทำไมกันเราที่มีคนจำนวนถึง 1.4 พันล้านคน แต่ไม่สามารถหาผู้เล่นที่เหมาะสมทั้ง 11 คนได้ แล้วทำไมเราถึงต้องถูกหัวเราะเยาะตลอดเวลา แต่ทั้งนี้เรากลับเปลี่ยนแปลงสภาพที่เป็นอยู่ไม่ได้?
เหตุผลนั้นง่ายมาก ไม่ใช่ว่าเราไม่มีผู้เล่นที่ดี แต่ผู้เล่นเหล่านี้ไม่มีโอกาสที่จะโดดเด่นได้เลย พวกเขาถูกฝังเหมือนต้นกล้าต้นเล็กๆ ที่ยังไม่ทันได้เติบโต หากพวกเขาผุดขึ้นมาได้คงเป็นต้นไม้ที่ตั้งสูงตระหง่าน แต่แล้ว.. กลับไม่มีใครมีโอกาสได้เห็น
สิ่งที่ หลินฟาน ต้องทํา พูดง่ายๆ ก็คือ ต้องหาต้นกล้าต้นเล็กๆ เหล่านี้.. และให้โอกาสพวกเขาเติบโต
หวู่ เหลย, หลี่ยี่ คือต้นกล้าชั้นเลิศ ถ้าไม่ใช่เพราะ หลินฟาน พวกเขาก็คงไม่สามารถลงเล่นในสนามอย่างเป็นทางการได้เลย
ซึ่งทั้งคู่เป็นเด็กที่มาจากครอบครัวธรรมดา
หลังจาก หลี่ยี่ เรียนจบมัธยมปลาย ก็ไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว และออกมาทํางานพาร์ทไทม์ เขาชอบฟุตบอลมาก เมื่อครั้งสมัยเรียน เขาได้เล่นให้กับทีมของโรงเรียน และเขาทําได้ดีมาก เขาเองเคยฝันว่าจะได้ก้าวไปอีกขั้น และได้เข้าสู่ทีมเยาวชน แต่เขากลับไม่มีโอกาสนี้…
เคยมีโรงเรียนฝึกฟุตบอลเยาวชนเข้ามาพบเขา และบอกว่าสามารถรับเขาเข้าเรียนได้ เมื่อเรียนจบก็มีโอกาสได้เข้าทีมเยาวชน แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ยังมีชั้นเรียนหัวกะทิที่ไม่เสียค่าธรรมเนียม แต่ หลี่ยี่ กลับไม่ตรงตามกับเงื่อนไข ..
เหตุผลง่ายๆ คือ เขาไม่ได้รับการฝึกฟุตบอลอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่เด็ก ทั้งที่เขามีพรสวรรค์ที่ดี แต่วัยนี้ค่าใช้จ่ายในการฝึกซ้อมยังค่อนข้างสูงมาก
มันหมายความว่าอะไร ตามความหมายของโรงเรียนฝึกเยาวชน เด็กต้องเรียนฟุตบอลมาตั้งแต่เนิ่นๆ ทางที่ดีควรฝึกฟุตบอลให้เร็วเท่ากับการฝึกหัดเดินได้ และแน่นอนยิ่งคุณฝึกซ้อมฟุตบอลเท่าไหร่ คุณก็จะถูกเรียกเก็บเงินไปตั้งแต่เนิ่นๆ เร็วเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่พวกเขาจะได้ก็คือ ค่าเล่าเรียนของคุณ
ค่าใช้จ่ายสำหรับโรงเรียนฝึกอบรมเยาวชนหนึ่งปีอยู่ที่ 30,000 ถึง 40,000 หยวน นี่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เด็กเล็กไปฝึกซ้อมบอล ผู้ปกครองก็จะต้องพาเด็กๆ ไปฝึกซ้อมด้วย ค่าใช้จ่ายแอบแฝงประเภทนี้จะสูงกว่า และแถมยังมีค่าใช้จ่ายด้านเวลา แล้วแบบนี้ครอบครัวโดยทั่วไปจะจ่ายได้ที่ไหน?
สิ่งนี้จึงส่งผลให้ เด็กที่ยากจน ต่อให้มีพรสวรรค์แค่ไหนพวกเขาก็ไม่สามารถจ่ายได้ ดังนั้น ฟุตบอล จึงกลายเป็นกีฬาของชนชั้นสูง
เด็กยากจน ถ้าพวกเขารักฟุตบอลจะทำอย่างไร ก็คงทำได้แค่เตะบอลตามป่า ตามถนนในหมู่บ้านเท่านั้น
หลี่ยี่ เติบโตขึ้นมาจากในสนาม ในช่วงสมัยเรียนมัธยมต้น และมัธยมปลาย ด้วยพรสวรรค์ของเขา หลี่ยี่ ได้อาศัยความสามารถที่โดดเด่นในทีมโรงเรียน และได้รับความสนใจขึ้นมา
แม้ หลี่ยี่ จะมีพรสวรรค์มาก และถึงทางโรงเรียนฝึกอบรมเยาวชนจะมาหาเขาถึงหน้าประตูบ้าน แต่ก็ยังคงเสนอที่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแทนที่จะฝึกอบรมฟรี
เหตุผลของโรงเรียนฝึกอบรมเยาวชนนั้นเป็นเพราะ หลี่ยี่ ไม่เคยได้รับการฝึกอบรมอย่างเป็นทางการ และค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมก็ค่อนข้างสูงเกินไป ดังนั้นจึงต้องมีการเสียค่าใช้จ่ายนี้
ในโรงเรียนของพวกเขาก็มีชั้นเรียนระดับหัวกะทิ ชั้นเรียนระดับหัวกะทิฟรี แต่ชั้นเรียนระดับหัวกะทิกลับถูกเลือกจากนักเรียนในชั้นเรียนทั่วไป ดังนั้นหากคุณต้องการเข้าชั้นเรียนระดับหัวกะทิ คุณต้องเรียนชั้นเรียนธรรมดาเป็นเวลาหลายปีก่อน ..จะว่าไปคุณก็ยังคงต้องจ่ายค่าเล่าเรียนสูงอยู่ดี
ที่ไหนในโลกจะมีอาหารกลางวันให้ทานฟรีล่ะ สําหรับโรงเรียนที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อหาเงิน พวกเขามีกลอุบายมากมายโดยเปลี่ยนวิธีได้หลากหลายทั้งหมดคือเพียงต้องการให้คุณควักเงินในกระเป๋าของคุณออกมา
สิ่งที่น่าสิ้นหวังยิ่งกว่าคือ คุณต้องจ่ายค่าเล่าเรียน และจบการศึกษาจากโรงเรียนฟุตบอลเหล่านี้เท่านั้น จึงจะได้รับใบผ่าน และก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง เมื่อนั้นคุณถึงจะได้รับเลือกให้เข้าร่วมทีมเยาวชน ไปแข่งขันอย่างเป็นทางการได้
ในสถานการณ์แบบนี้ แม้ว่าคุณจะเป็น ราชาลูกหนัง เปเล่ ก็ถูกฝังไว้ได้เช่นกัน
ราชาลูกหนัง เปเล่ เขามาจากครอบครัวที่ยากจนมาตั้งแต่เด็ก เติบโตจากการเตะบอลตามถนน หรือตามตรอกซอยภายในหมู่บ้าน ต่อมาพรสวรรค์ของเขาจึงถูกค้นพบ และได้เข้ามาสู่ทีม จนกลายเป็นนักเตะอย่างเต็มตัว ด้วยฝีมือการเล่นบอลของเขา ทำให้เขาโด่งดังขึ้นจนมีชื่อเสียงว่าเป็น นักเตะอัจฉริยะ
ลองนึกภาพดูว่าคนที่เจอ เปเล่ ในตอนนั้น เขาเป็นเพียงผู้จัดการโรงเรียนฝึกเยาวชนแห่งหนึ่ง เขาบอกว่าเขาสามารถให้ เปเล่ เข้าเรียนได้ส่วนในเรื่องค่าใช้จ่ายนั้นต้องดูแลเอาเอง, พ่อแม่ของ เปเล่ มองกระเป๋าเงินแล้วต่างส่ายหน้า
จบเกม…
หลังจาก หลินฟาน เข้าซื้อกิจการ ทีมหยุนเฉิง แล้ว หลินฟาน ก็ได้แต่งตั้ง อู๋ ต๋า เป็นหัวหน้าโค้ช และทำให้ อู๋ ต๋า มีอิสระอย่างมาก โดยปล่อยให้ อู๋ ต๋า เลือกผู้เล่นด้วยตนเอง ตราบใดที่เป็นนักเตะที่ อู๋ ต๋า ชอบ หลินฟาน ก็พร้อมที่จะเซ็นสัญญาโดยตรง และทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นของ ทีมหยุนเฉิง เมื่อนั้นพวกเขาจะได้เข้ามาอยู่ในทีม และได้รับการฝึกฝน
หลี่ยี่ ได้สิ้นสุดวันที่ต้องทํางานพาร์ทไทม์ และได้มีโอกาสได้เข้าร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ หลี่ยี่ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง, เขาใช้เกมอุ่นเครื่องเพียงสามนัดเท่านั้นก็พิสูจน์ให้เห็นคุณค่าของตัวเองจนโด่งดังขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว กลายเป็นนักเตะดาวรุ่งหน้าใหม่ที่ร้อนแรงขึ้นมาได้
สถานการณ์ของ หวู่ เหลย ก็คล้ายกับของ หลี่ยี่
แม้ เปเล่ จะมีพรสวรรค์ แต่พ่อแม่ของเขามองว่าการเตะบอลมีความเสี่ยงสูง เปรียบได้กับกองทหารนับพันเดินข้ามสะพานไม้แผ่นเดียว แน่นอนว่าคนที่ไม่มีภูมิหลังใดๆ สภาพครอบครัวที่ยากจน ที่นี่จะรับประกันได้อย่างไรว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จ? ถ้าประสบความสำเร็จไม่ได้แล้วความยากลำบากก่อนหน้านี้ทั้งหมดก็จะไร้ผล สำหรับเด็กสามัญทั่วไปแล้ว พวกเขาไม่สามารถจ่ายไหว..
หากเป็นคนรวยรุ่นสองก็ไม่เป็นไร หากแย่ที่สุด พวกเขาก็ทำได้แค่กลับไปสืบทอดมรดกทรัพย์สินของครอบครัว
แต่สำหรับคนจนพวกเขาไม่มีทางให้ถอยหนีอีกแล้ว ถนนข้างหน้าถูกปิดกั้น เมื่อคุณกลับไปก็ไม่มีทรัพย์สินมรดกใดๆ ให้สืบทอด นั่นก็เท่ากับว่า ..มันไร้ประโยชน์
จะว่าไป สิ่งที่เรียกว่า ..อนาคต ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าคําว่า ‘เงิน’ สู้พูดตรงๆ ว่า ‘เส้นทางทำเงิน’ จะดีกว่า
แต่การใช้ชีวิตยังคงต้องมีเงิน หากปราศจากเงินคุณก็ไม่สามารถอยู่ได้ ถ้าไม่ต้องคิดถึง ‘เส้นทางทำเงิน’ ใครจะไม่อยากทําสิ่งที่ตัวเองอยากทําล่ะ ถูกไหม?
ผู้คนในโลกนี้ตกอยู่ในความตื่นตระหนก แต่พวกเขาสามารถทำเงินได้เพียงแค่ไม่กี่ตำลึงเท่านั้น… อย่างไรก็ตามเงินที่หาได้ไม่กี่ตำลึงเหล่านี้ก็สามารถแก้ความตื่นตระหนกทุกรูปแบบในโลกได้
คุณเรียนจบมัธยมปลาย บอกว่าไม่อยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยแล้ว คุณชอบถ่ายรูป อยากไปเรียนถ่ายรูป ทางบ้านแนะนำว่า เรียนถ่ายรูปคุณจะหาเลี้ยงชีพด้วยการถ่ายรูปได้ยังไง คุณควรไปเรียนเป็นนักบัญชี ต่อไปจะได้มีงานมั่นคง แต่งงานมีลูก ซื้อบ้านซื้อรถ เรื่องไหนบ้างที่ไม่ต้องใช้เงิน?
ใช่ เงินมันสําคัญเกินไป เมื่อเราต้องกังวลเกี่ยวกับเงิน เราสามารถให้ความสําคัญกับการหาเงินได้เป็นอันดับแรกเท่านั้น และดอกเบี้ย คือความสนใจเป็นอันดับสอง
เว้นเสียแต่ว่า ..เราจะได้พบกับผู้สูงศักดิ์
สำหรับ หลี่ยี่ และหวู่ เหลย หลินฟาน คือผู้สูงศักดิ์คนนี้
และต่อไปก็ถึงเวลาแสดงของ หวู่ เหลย แล้ว…