ตอนที่ 1536 ฮ่าๆ นี่มันตลกเกินไปแล้ว!
โรงพยาบาลประชาชน ห้องไอซียู, หน้าทีวี
เมื่อเห็น ทีมหางโจว ทําประตูได้ อู๋ ต๋า และหลี่ยี่ ต่างก็เงียบไปชั่วครู่.. เห็นได้ชัดว่าทั้งสองกําลังวิเคราะห์บอลเมื่อครู่นี้
“ส่วนสำหรับทาง ทีมหยุนเฉิง ก็ไม่ได้ทําให้ฉันผิดหวัง พวกเขาเล่นได้แย่มากจริงๆ! เมื่อเผชิญหน้ากับเกมรุกของ ทีมหางโจว แนวรับของพวกเขามันก็ไม่ต่างอะไรกับกระดาษ!”
ในทีวี ลู่ตง กําลังประเมิน ทีมหยุนเฉิง อยู่…
“ผายลมเหอะ! ทําไมผู้ชายคนนี้ถึงเข้าไปในห้องถ่ายทอดสด และพูดเรื่องไร้สาระได้!?” อู๋ ต๋า โกรธเล็กน้อยกับคําพูดของ ลู่ตง
หลี่ยี่ กล่าวว่า : “คนนี้ขึ้นชื่อเรื่องลิ้นพิษ (ปากร้าย) ดูเหมือนว่าเขาจะมุ่งเป้ามาที่ ทีมหยุนเฉิง ..ของเราเป็นพิเศษ”
อู๋ ต๋า กล่าวว่า : “ลิ้นพิษ.. ถึงอย่างไรก็ต้องมีเหตุผล บอลเมื่อกี้นี้ พวกเราประมาทไปจริงๆ อย่างไรก็ตามรูปแบบนี้ เรายังคงปรับตัวได้ แต่เราต้องใช้เวลาสักพักในการปรับตัว แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าการป้องกันของเราอ่อนแอมาก ในทางตรงกันข้าม การจัดรูปแบบนี้ของ คุณหลิน ในวันนี้.. ก็เหมือนอย่างที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด!”
หลี่ยี่ ส่งเสียง เอิ่ม.. ออกมา ดูเหมือนหัวหน้าโค้ชของเขาจะชื่นชม เจ้านาย มากจริงๆ
อู๋ ต๋า ไม่ชอบ ลู่ตง เพราะ ลู่ตง ซ้ำเติม โดยไม่มีเหตุผล
คนอย่าง ลู่ตง ก็คือตัวร้ายตัวเล็กๆ เท่านั้น
สําหรับผลลัพธ์ที่ไม่ทําการวิเคราะห์อย่างเป็นกลาง และเอาแต่ผลลัพธ์มาเขียนเรียงความใหม่เพื่อสร้างความยุ่งยากนั้น คนประเภทนี้ไม่ใช่เพียงแค่โง่ แต่กับเลวด้วยซ้ำ
มันก็เหมือนกับหนังสือเล่มหนึ่ง มันต้องมีเหตุผลก่อนที่ว่าทำไมคุณถึงลอกเลียนแบบเขา แต่พอผลตอบรับดี เลยจงใจกระโจนออกมาโดยใช้โอกาสนี้ในการดิสเครดิตผู้เขียน พอผลตอบรับไม่ดี ก็ยังคงฉวยโอกาสนี้ใส่ร้ายผู้เขียน ขอถามก่อนว่า …มันสมเหตุสมผลไหม?
นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!
และโดยแน่นอน คนเหล่านั้นย่อมรู้ดีว่ามันไร้เหตุอันควร แต่ก็ยังคงใส่ร้ายออกไปอยู่เช่นนั้น บอกได้แค่ว่า ..นี่มันเลวชัดๆ!
อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ต ดูเหมือนกับจะชื่นชอบคําพูดของ ลู่ตง มาก
“ฮ่าฮ่าๆ นี่แหละ อาจารย์ลู่!”
“ดูเหมือนว่าคืนนี้ ทีมหยุนเฉิง จะฟอร์มตกจริงๆ ฉันดูเหมือนจะเห็นภาพ ทีมหยุนเฉิง ในอดีต กลับมาอีกครั้งแล้ว!”
“ดูเหมือนว่า ทีมหยุนเฉิง จะเล่นได้แย่จริงๆ!”
“ไม่คาดคิดเลยว่า ..เรื่องนั้นมันจะส่งผลกระทบต่อ ทีมหยุนเฉิง มากกว่าที่ฉันคิดไว้”
ชาวเน็ตต่างแสดงความคิดเห็นในเชิงลบออกมามากมาย
พิธีกร กล่าวว่า : “เห็นในห้องถ่ายทอดสดของเรามีชาวเน็ตพูดว่า เรื่องเมื่อสองวันก่อนส่งผลกระทบต่อ ทีมหยุนเฉิง นั้นดูแล้ว เป็นเรื่องจริงครับ.. ฟอร์มของ ทีมหยุนเฉิง ในวันนี้ดูไม่ค่อยดีนัก หลังจากเปิดเกมแล้ว พวกเขาแทบจะไม่ได้จับบอลเลย ถูก ทีมหางโจว กดไปเกือบจะถึงช่วงพักครึ่ง วันนี้ถือได้ว่าเป็นบททดสอบครั้งสำคัญสําหรับ ทีมหยุนเฉิง….”
ลู่ตง ที่ได้ยิน เขาได้หัวเราะอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า : “คําพูดนี้ฉันไม่เห็นด้วย อย่าเอาเรื่องเมื่อสองวันก่อนมาตัดสินสิ มันเป็นการขายความน่าสังเวช ความน่าเห็นอกเห็นใจ ในความคิดของฉัน การขายความน่าสังเวชเป็นสิ่งที่ไม่มีอนาคตมากที่สุด และทีมหยุนเฉิง ก็มีอนาคตแค่นี้เองหรือ? แม้ว่าจะไม่มีเรื่องเมื่อสองวันก่อน แต่ ทีมหยุนเฉิง ก็ต้องแพ้ในวันนี้ อย่างไรเสียฉันก็ได้กล่าวไว้นานแล้วว่า ทีมหางโจว ชุดนี้เป็นฝ่ายชนะ!”
คําพูดนี้เกือบจะทําให้ อู๋ ต๋า โกรธมาก : “ทีมหยุนเฉิง ..ของฉันเคยคิดขายความน่าสังเวชตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! ทุกสิ่งที่ทำให้พวกแกพูด ทั้งยังขายความน่าสังเวชแทนเรา แต่กลับหันมาหัวเราะเยาะเรา!”
หลี่ยี่ กําหมัดแน่น : “ผมอยากจะลงสนามตอนนี้จริงๆ!”
ชัยชนะ!
ชัยชนะเท่านั้นที่จะตบหน้าคนพวกนี้ได้!
ตอนนี้ ทีมหยุนเฉิง จะชนะได้จริงๆ หรือ?
เกมการแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป..
ในอีกสิบกว่านาทีต่อมา ผู้เล่นของทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้แย่งบอลกันอย่างหนักอยู่ในสนาม โดยพื้นฐานแล้ว สิทธิ์ในการเล่นบอลถูกควบคุมไปโดย ทีมหางโจว..
ทีมหางโจว ได้เอาชนะ ทีมหยุนเฉิง ไปได้ในช่วงครึ่งแรก, และทีมหยุนเฉิง ได้พ่ายแพ้ในครึ่งแรกไปอย่างน่าเสียดาย…
ทีมเยือนก็ใช่ว่าจะไร้โอกาสเสียทีเดียวเช่นกัน พวกเขาได้ครองบอลได้อยู่หลายครั้ง และจัดเกมรุกเข้าใส่ด้วยเช่นกัน, อย่างไรก็ตามในช่วงก่อนพักครึ่ง บอลกลับถูกแย่งไปโดย ทีมหางโจว
ทีมหางโจว ได้จัดการโจมตีอยู่หลายระลอกอย่างต่อเนื่อง และสองครั้งที่ได้เข้าไปในเขตโทษ แต่ก็พลาด.. ไม่สามารถทําประตูได้
แม้ว่า ทีมหางโจว จะเปิดเกมรุกโถมตัวเข้ามาตลอด แต่โชคดีที่ปราการป้องกันของ ทีมหยุนเฉิง ได้ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น และเข้ามาเสริมทัพได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขากำลังหาฟอร์มการเล่นมาก่อน และฟอร์มการเล่นของนักเตะก็ได้ค่อยๆ ดีขึ้นมาเรื่อยๆ
ในขณะที่แนวรับของ ทีมหยุนเฉิง ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น กองหน้าของ ทีมหยุนเฉิง ก็กำลังมองหาฟอร์มของตัวเองอยู่ตลอดเวลา
การปรับตัวของกองหน้านั้นยากกว่ากองหลังอย่างเห็นได้ชัด, ด้านหนึ่ง กองหน้าของ ทีมหางโจว มีความแข็งแกร่งมาก ซึ่งสร้างความกดดันให้กับ ทีมหยุนเฉิง อย่างมาก, อีกด้านหนึ่ง หลี่ยี่ กองหน้าตัวหลักของ ทีมหยุนเฉิง ได้ขาดไป และถูกแทนที่ด้วย หวู่ เหลย นี่จึงกลายเป็นเรื่องยากในการจะปรับตัว
ในช่วงเปิดครึ่งแรกมาในสิบกว่านาทีแรก หวู่ เหลย แทบจะไม่ได้จับบอลเลย เหมือนเพื่อนร่วมทีมก็ไม่ค่อยไว้ใจ หวู่ เหลย มากนัก จึงไม่มีใครอยากส่งบอลให้กับ หวู่ เหลย
หวู่ เหลย จึงต้องการพิสูจน์ตัวเองผ่านเกมนี้, ถึงตอนนี้ความยากในเกมนี้ถือได้ว่าเป็นระดับนรก ..อย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่ตง หยิบฉวยโอกาสเหยียบ หวู่ เหลย อีกครั้ง
“วันนี้กองหน้าของ ทีมหยุนเฉิง ดูว่างเปล่ามาก อย่างกับเดินเล่นอยู่ในสนาม อย่างไรก็ตาม แม้แต่โอกาสที่จะได้สัมผัสบอลก็ไม่มี ดีที่กองหลังยังคอยประคับประคองไว้อยู่..” ลู่ตง หัวเราะแล้วพูดต่อว่า : “ฉันเข้าใจแล้ว นี่คือเหตุผลที่ ทีมหยุนเฉิง ส่งกองหน้าเป็นเด็กมัธยมปลายลงสนาม อย่างไรก็ตามโอกาสก็มีอยู่น้อยนัก นับว่าเป็นการส่งเด็กนักเรียนชั้นประถมลงสนามเพื่อให้ได้รับประสบการณ์ แต่ถึงอย่างไรก็สร้างความแตกต่างอะไรไม่ได้!”
ได้ยินอย่างนี้ คอมเมนต์ในห้องถ่ายทอดสดก็ดังขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
และในนาทีที่สามสิบห้าของครึ่งแรก
ด้วยการโหมบุกอย่างหนักหน่วงของ ทีมหางโจว นำโดย อาบาก้า กองหน้าของ ทีมหางโจว โดยอาศัยจังหวะจ่ายบอลจากกลางสนามอีกครั้ง และพาบอลฝ่าทะลุแนวรับของ ทีมหยุนเฉิง บุกเดียวเข้าไปทำประตู
และเป็น ประตูที่สอง!
ยังคงเป็นของ ทีมหางโจว!
“บอลเข้าประตูไปแล้วครับ และยังคงเป็น อาบาก้า!” พิธีกร พูดอย่างตื่นเต้นว่า : “นักเตะชาวบราซิลวัย 30 ปีคนนี้ แค่ครึ่งแรก ก็ทำไปได้สองประตูแล้วครับ!”
“ฮ่าฮ่าๆ...”
บนอัฒจันทร์ จิน จิ่วฟู่ ยืนขึ้น ปรบมือ และหัวเราะออกมา
“คุณหลิน กองหน้าของผมคนนี้เป็นอย่างไร? แล้วกองหน้าเด็กนักเรียนมัธยมปลายที่ดีของคุณล่ะ?” จิน จิ่วฟู่ พูดจบเขาก็ได้หัวเราะเสียงดังออกมา
หลินฟาน ไม่ตอบ
จิน จิ่วฟู่ กล่าวว่า : “คุณหลิน ตอนนี้คุณยังคงยึดมั่นในความคิดของคุณอยู่อีกเหรอ? คุณไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่นิดเดียว? ทั้งเวลานี้คุณคงไม่คิดว่า ผู้เล่นมืออาชีพ อย่างนักเตะชาวต่างชาติที่ผมได้เชิญตัวมาด้วยเงินจํานวนมาก ..จะสู้เด็กนักเรียนมัธยมปลายของคุณที่ไม่เคยผ่านสนามมาเลยได้หรอกมั้ง คุณหลิน!”
หลินฟาน พูดว่า : “บอสจิน ..คุณไม่เคยได้ยินเรื่องราวของ ราชาลูกหนัง เปเล่ มาเลยเหรอ?”
จิน จิ่วฟู กล่าวว่า : “ทําไมฉันจะไม่เคยได้ยิน แต่ คุณหลิน ใครกันที่มอบความกล้าหาญนี้ให้คุณ ที่ถึงกับกล้ายก เปเล่ ขึ้นมาเปรียบเทียบได้?”
ราชาแห่งลูกหนัง เปเล่ นักฟุตบอลอัจฉริยะที่เพิ่งเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรก เขายังคงเป็นวัยรุ่น และในทันทีเขาเข้ามาก็ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจ และชื่อเสียงของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
เปเล่ ราชาลูกหนังในสมัยนั้น ดูจะอายุน้อยกว่า หวู่ เหลย..
หลินฟาน กล่าวว่า : “มันเปรียบเทียบอะไรไม่ได้ ตอนที่ เปเล่ ยังวัยรุ่นที่ได้ถูกรับเลือกครั้งแรก บางคนก็ไม่เข้าใจ บางคนก็ตั้งคําถาม บางคนเยาะเย้ยเขา คุณเองก็เป็นแค่ระเบิดหลังม้า(1)เท่านั้น ลองนึกถึงคนในสมัยนั้น พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความสามารถของ เปเล่ เลยไม่เข้าใจ และตั้งคําถาม เช่นเดียวกับที่คุณมีกับ หวู่ เหลย ..ในตอนนี้”
จิน จิ่วฟู่ หัวเราะเสียงดังมาก : “คุณหลิน คุณดูมั่นใจมากจริงๆ ต่อไปเมื่อผมถูกสัมภาษณ์ ผมเองคงต้องขอเล่า และเน้นย้ำคําพูดของ คุณหลิน อีกครั้งแล้ว ฮ่าฮ่าๆ เรื่องตลกเช่นนี้ผมคงปล่อยให้ตัวเองหัวเราะคนเดียวไม่ได้ ผมจะทําให้ทุกคนมีความสุขไปด้วยกัน ขอโทษจริงๆ นี่มันตลกเกินไปแล้ว ฮ่าๆ!”
หลินฟาน กลับไม่ตอบอะไรอีกฝ่ายอีก ..ก็เหมือนกับ ราชาลูกหนัง เปเล่ ในปีนั้น พูดออกไปแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่ต้องใช้ผลลัพธ์ที่ประสบความสําเร็จเท่านั้นถึงจะสามารถหุบปากอีกฝ่ายได้
หลินฟาน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกไปหาผู้ช่วยโค้ชที่นําทีมอยู่ข้างสนาม..
“เราเกือบจะพบฟอร์มของเราแล้ว และเราก็ค้นพบรูปแบบของศัตรูเกือบจะหมดแล้วเช่นกัน ..ตอนนี้ ปรับกลยุทธ์ แล้วเริ่มตอบโต้กลับทันที” หลินฟาน กล่าวออกไปอย่างสบายๆ
(1)[ระเบิดหลังม้า (马后炮)] - คำอุปมา ความเห็น หรือคำพูดที่สายเกินไปแล้ว