ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา เขาได้เข้าไปในภูเขาเป็นระยะๆโดยที่นําสมุนไพรล้ำค่ากลับมาจากภูเขาด้วย และใช้วิชาที่เขาได้เรียนรู้จากสำนักเมียวชูเพื่อแปรรูปและเก็บสมุนไพรเหล่านี้เอาไว้

หลังจากที่สะสมมาเป็นเวลาสามเดือน เขามีสมุนไพรล้ำค่าอยู่จํานวนมาก ยิ่งกว่านั้น พวกมันทั้งหมดยังมีค่ามากและเขาเชื่อว่าเมื่อเขาขายมันแล้ว พวกมันจะให้กําไรมหาศาลกับเขา

ลู่ชางเฉิงค่อยๆดึงกล่องไม้ออกมาจากใต้เตียงซึ่งเต็มไปด้วยคอลเล็กชั่นสมุนไพรล้ำค่าที่เขาเก็บไว้ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา

เขาแยกสมุนไพรเหล่านี้เป็นหมวดๆแล้วออกไปจากห้องทันที

ผู้จ่ายยาส่วนใหญ่ในเมืองหนานหยางล้วนมีความเกี่ยวข้องกับสำนักเมียวชู แต่ถึงอย่างนั้นลู่ชางเฉิงก็ยังสามารถขายสมุนไพรล้ำค่าเหล่านี้ได้

ลู่ชางเฉิงจึงต้องระมัดระวังและเลือกขายสมุนไพรกับร้านขายสมุนไพรทั้งห้าร้านเพื่อกระจายการขาย

ซึ่งเงินที่เขาได้จากการขายทั้งหมดนั้นมันมากมายถึง 1,200 เตล!

เรื่องนี้อยู่เหนือความคาดหมายของลู่ชางเฉิงไปอย่างมาก เพราะแม้แต่โจรที่ขโมยเครื่องประดับทองคําและเงินก่อนหน้านี้ก็ยังมีเงินแค่ 800 เตลเท่านั้น

แต่ตอนนี้ ลู่ชางเฉิงที่ขายสมุนไพรเพียงอย่างเดียวกลับได้เงินมามากถึง 1,200 เตล!!

“ดูเหมือนว่าภูเขาลูกนั้นจะเป็นแหล่งขุมทรัพย์อย่างแท้จริงสำหรับข้า!!”

หัวใจของลู่ชางเฉิงนั้นเริ่มลุกโชนไปด้วยความตื่นเต้น

เพราะมันยังมีรากโสมและสมุนไพรล้ำค่ามากมายในภูเขาลูกนั้น ตราบใดที่เขาใช้เวลารวบรวมมันได้ทั้งหมดเขาก็จะมีเงินมากขึ้นไปอีก

ลู่ชางเฉิงจึงรีบกลับไปที่สำนักเมียวชูทันที

เขาได้เปลี่ยนเงินทั้งหมดเป็นธนบัตรเงินและเก็บซ่อนเอาไว้ในห้องของเขา

“เงินแค่นี้น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ถ้าข้าเข้าไปที่ตลาดมืดอีกครั้งและซื้อศิลปะการต่อสู้ที่เกี่ยวกับการเสริมสร้างเลือด มันอาจดึงดูดความสนใจของพวกโจรเหมือนกับครั้งที่แล้วแน่ๆ”

“เพราะฉะนั้นข้าจะต้องมีพลังมากเพียงพอที่จะปกป้องตัวเองให้ได้!”

ลู่ชางเฉิงจดจ่ออยู่กับการตรวจสอบแผงคุณลักษณะของเขา

โฮสต์ : ลู่ชางเฉิง

ค่าความเข้าใจ : 147 (ปานกลาง)

วิชามหาสายธาร : ระดับที่สามขั้นสมบูรณ์แบบ

ลู่ชางเฉิงเห็นว่าความเข้าใจของเขาเพิ่มขึ้นจาก 104 เป็น 147 ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา เพราะนี่คือผลของการฝึกฝนวิชาศิลปะการต่อสู้ 20 จาก 21อย่างที่เขาซื้อมา ซึ่งมันเพิ่มค่าความเข้าใจของเขามากถึง 40 แต้ม

ตอนนี้เหลือเพียงแค่วิชาศิลปะการต่อสู้เดียวเท่านั้นที่จะต้องทำให้มันสมบูรณ์แบบ นั่นคือวิชาฝ่ามือทรายเหล็ก แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ใช่แค่วิชาศิลปะการต่อสู้ทั่วไปเพราะดูเหมือนว่าจะต้องใช้ทรายเหล็กชนิดพิเศษสําหรับการฝึกวิชาฝ่ามือนี้ ซึ่งเขายังหาไม่เจอ ดังนั้นมันจึงยังคงอยู่ในระดับ "เชี่ยวชาญ"

แต่นั่นเป็นเพียงศิลปะการต่อสู้ขั้นที่สองเท่านั้นและมันไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากสำหรับเขาเลย

นอกเหนือจากการบรรลุความเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ส่วนใหญ่แล้ว วิชามหาสายธารของเขาก็อยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบในระดับที่สาม ซึ่งมันเพิ่มค่าความเข้าใจ 3 แต้มของเขา ซึ่งโดยรวมแล้ว เขาได้ค่าความเข้าใจเพิ่มขึ้นถึง 43 แต้ม

ลู่ชางเฉิงจึงเริ่มคิด

พลังฉีและเลือดในตอนนี้ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเขาสามารถทําลายก้อนหินได้ด้วยพลังของเขาเท่านั้น

แต่แค่นี้มันไม่เพียงพอ!

หลังจากที่คิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาเริ่มตระหนักว่าเขากำลังขาดศิลปะการต่อสู้ที่ทรงพลัง แม้ว่าเขาจะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มากมาย แต่ส่วนใหญ่มันก็เป็นระดับที่สอง- ที่มีพลังค่อนข้างเบา พวกมันอาจจะใช้ได้กับคนธรรมดาที่ไม่มีทักษะการต่อสู้ แต่การใช้มันเพื่อจัดการกับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่อยู่ในขอบเขตการเสริมสร้างเลือดหรือขอบเขตการแบ่งเบากระดูกนั้นจะเป็นเรื่องที่ยากมาก

“ข้าต้องตามหาวิชาศิลปะการต่อสู้ที่ทรงพลังและเหมาะกับทักษะของข้าให้ได้”

“แต่การตามหาศิลปะการต่อสู้แบบนี้มันเป็นเรื่องยากมาก เพราะแม้ว่ามันจะมีพลังที่น่าเหลือเชื่อ แต่มันอาจจะไม่เหมาะกับข้า”

“เพื่อให้มันเหมาะกับข้าได้อย่างสมบูรณ์ ข้าจึงทําได้แค่สร้างมันขึ้นมาเท่านั้น...”

ลู่ชางเฉิงเริ่มคิดเกี่ยวกับการสร้างวิชาศิลปะการต่อสู้ของเขาเอง หากนักศิลปะการต่อสู้คนอื่นได้ยินความคิดของเขา พวกเขาอาจจะเยาะเย้ยเขา เพราะนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการเสริมสร้างเลือดที่พยายามสร้างวิชาศิลปะการต่อสู้ของตัวเองนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้และดูเหมือนเป็นความคิดเพ้อฝันของคนโง่มากกว่า

แต่แนวทางของลู่ชางเฉิงนั้นแตกต่างออกไป

เขาเปิดดูแผงคุณลักษณะของเขาขึ้นมา และด้วยค่าความเข้าใจ 147 แต้มนั้นเมื่อคํานวณจากค่าเฉลี่ยที่ 100 แต้ม ค่าความเข้าใจ 147 แต้มนั้นหมายความว่าเขามีมีความสามารถในการทำความเข้าใจได้ดีกว่าคนอื่นถึง 50%

แล้วค่าความเข้าใจที่มากกว่าผู้อื่นถึง 50% นั้นแตกต่างอย่างไร?

มันสามารถทำให้ลู่ชางเฉิงเรียนรู้ทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา ศิลปะการต่อสู้ หรือการจดจำสมุนไพร ซึ่งเขาเก่งกว่าคนทั่วไปมาก

ด้วยค่าความเข้าใจที่สูงระดับนี้ มันอาจทำให้เขาสามารถพยายามสร้างวิชาศิลปะการต่อสู้ของตัวเองได้

ยิ่งไปกว่านั้น ลู่ชางเฉิงได้ฝึกฝนวิชาศิลปะการต่อสู้มาแล้วหลายสิบอย่างซึ่งทั้งหมดอยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ ซึ่งทำให้เขามื้นฐานที่แข็งแกร่ง

"มาลองดูดีกว่า"

ลู่ชางเฉิงค่อยๆหลับตาลง

"ในโลกของนักศิลปะการต่อสู้ ความเร็วคือกุญแจสู่ความสําเร็จ"

“พลังฉีและเลือดในตอนนี้ของข้าประกอบกันสภาพร่างกายโดยเฉลี่ย มีเพียงศิลปะการต่อสู้ด้านความเร็วเท่านั้นที่สามารถปลดปล่อยศักยภาพสูงสุดของข้าออกมาได้”

“ในขอบเขตทั้งสามของการเสริมสร้างร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น การเสริมสร้างเลือด การแบ่งเบากระดูก และการปรับแต่งอวัยวะนั้น ร่างกายจะยังไม่สามารถทนอาวุธที่มีความคมได้ และถ้าข้าใช้กริชของข้าเพื่อจัดการศัตรูด้วยความเร็วสูง มันจะเป็นการฆ่าได้ในครั้งเดียว!”

“ส่วนความเร็วนั้นสามารถแบ่งออกเป็นความเร็วของร่างกายและความเร็วในการโจมตี ซึ่งศิลปะการต่อสู้ที่ข้าต้องการสร้างนั้นควรเป็นท่าที่ใช้ร่างกายที่รวดเร็วและใช้ความเร็วในการโจมตีที่สูงมาก...”

ความคิดนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นในใจของลู่ชางเฉิง

ด้วยค่าความเข้าใจของเขาที่ 147 แต้มนั้นทำให้เขาใช้ความคิดได้อย่างละเอียดมาก

หลังจากนั้นเวลาได้ผ่านไปสามชั่วโมง...

ท้องฟ้าในตอนนี้เริ่มมืดลงแล้ว

ศิลปะการต่อสู้ที่แปลกประหลาดค่อยๆเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นในใจของลู่ชางเฉิง มันเป็นวิชาลอบสังหารที่เน้นการเคลื่อนไหวที่ความเร็วและใช้พลังเลือดกับพลังกล้ามเนื้อทั้งหมดในครั้งเดียว

ลู่ชางเฉิงเริ่มหมอบลงเล็กน้อย สายตาของเขาจับจ้องไปที่ด้านหน้าอย่างใจเย็น

"ฟุ่บ"

วินาทีถัดมา ลู่ชางเฉิงก็เริ่มขยับตัว

เขาพุ่งออกไปด้วยเท้าทั้งสองข้างและกระโจนไปข้างหน้าราวกับเสือ

ในขณะเดียวกัน กริชของเขาก็ถูกยกขึ้นและแสงสีขาวก็สว่างวาบขึ้น จนทำให้โต๊ะที่อยู่ในห้องนั้นแตกทันที

"แฮ่ก...แฮ่ก..."

ลู่ชางเฉิงหอบหายใจอย่างหนัก

แม้ว่าการโจมตีของเขาจะรวดเร็ว แต่มันก็ใช้พลังส่วนใหญ่ของเขาไปด้วย โชคดีที่เขายังมีพลังฉีและเลือดเหลืออยู่ในร่างกายเพื่อรักษาสมดุลของเขา

"ช่างเป็นวิชาต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ"

“ด้วยความเร็วขนาดนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่นักศิลปะการต่อสู้ ขอบเขตการเสริมสร้างเลือดจะป้องกันตัวเองได้ทัน”

“นอกจากนี้ ข้าก็ยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังฉีและเลือดทั้งหมดของข้าออกมาเลยด้วยซ้ำ มันเป็นเพียงการระเบิดพลังของความแข็งแกร่งทางร่างกายเพียงอย่างเดียว ถ้าหากข้าปล่อยพลังฉีและเลือดของข้าออกมาเพิ่ม ความเร็วของข้าอาจจะเร็วขึ้นกว่าเดิมก็ได้...”

แววตาของลู่ชางเฉิงเริ่มลุกโชนขึ้นด้วยความตื่นเต้น

ศิลปะการต่อสู้แบบนี้เหมาะอย่างมากกับสภาพร่างกายในตอนนี้ของเขา ยิ่งไปกว่านั้น มันต้องใช้อาวุธควบคู่ไปด้วยเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น กริชหรือดาบสั้น

“ศิลปะการต่อสู้นี้มุ่งเน้นไปที่ความเร็วและการสังหารในครั้งเดียว มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการลอบสังหารโดยเฉพาะ...ดังนั้นข้าจะตั้งชื่อมันว่า”วิชาสังหารเร็ว”

ลู่ชางเฉิงตั้งชื่อท่าศิลปะการต่อสู้ของเขา

วิชาสังหารเร็วนั้นถูกระบุไว้ในแผงคุณลักษณะของเขา แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในระดับ "เริ่มต้น" ในขณะที่ลู่ชางเฉิงสร้างมันขึ้นมาก็ตาม

ดังนั้นเขาจะต้องหาเวลาเพื่อฝึกฝนวิชานี้ให้ได้อย่างเต็มที่

เขายังสามารถสัมผัสได้ว่าวิชาสังหารเร็วนั้น อย่างน้อยจะต้องศิลปะการต่อสู้ระดับสามหรืออาจเป็นระดับสี่ได้ ซึ่งระดับนั้นจะถูกเปิดเผยเมื่อเขาอยู่ในระดับสมบูรณ์แบบเท่านั้น

ลู่ชางเฉิงยังไม่รีบร้อนมากนัก เขารู้ว่าการฝึกนวิชาสังหารเร็วนั้นจะต้องใช้เวลาสักระยะเวลาหนึ่ง

5 2 โหวต

Article Rating

0 Comments

Inline Feedbacks

ดูความคิดเห็นทั้งหมด