1315 - ผู้ที่พบกับความล้มเหลว
1315 - ผู้ที่พบกับความล้มเหลว
ภูเขาโบราณพองตัวและรัศมีแห่งความเย็นก็แผ่ซ่านออกไปทุกที่ เย่ฟ่านและคนอื่นๆ รู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้เดินทางสู่ยุคดึกดำบรรพ์เพราะทัศนียภาพทั้งหมดเต็มไปด้วยความรกร้าง
ไกลออกไปมีภูเขาสูงนับหมื่นวา ต้นไม้เก่าแก่บังแสงอาทิตย์ และสิ่งมีชีวิตที่อธิบายไม่ได้อาศัยอยู่มากมาย
เมื่อเข้าไปใกล้จะได้ยินเสียงคำรามของนกอินทรีบนท้องฟ้า และเสียงคำรามของสัตว์ร้ายในภูเขา เสียงคำรามนั้นทำให้หูหนวกอย่างมาก หากเป็นผู้บ่มเพราะระดับต่ำจะต้องเกิดความหวาดกลัวอย่างแน่นอน
“เราอยู่ที่ไหน?”
กลุ่มพระเฒ่าที่ติดตามอยู่ด้านเย่ฟ่านไม่ถือว่าเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงด้วยซ้ำ พวกเขาย่อมเกิดความหวาดกลัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เราน่าจะอยู่ใกล้ภูเขาหลิงซาน เราอาจจะได้เห็นพระโพธิสัตว์โบราณและพระพุทธเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้” ปรมาจารย์คนหนึ่งกล่าว
ถนนสายโบราณอยู่ใกล้แค่เอื้อม นี่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้สบายใจ หากเดินไปตามทางนี้ ก็จะเห็นโครงกระดูกของพระที่เข้ามาแสวงบุญก็กระจัดกระจายอยู่ทั่ว
แม้แต่ตัวอักษรสันสกฤตโบราณบางตัวก็ถูกแกะสลักโดยคนกลุ่มนี้ อักขระเต๋าที่อยู่ในตัวอักษรเหล่านั้นเปล่งประกายด้วยแสงสีทอง แสดงให้เห็นว่าในอดีตผู้บ่มเพาะของโลกมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
เย่ฟ่านมีจิตใจที่สงบนิ่ง ปรมาจารย์หลายคนมีมุมมองที่แตกต่างกันและรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก พวกเขาสังเกตอย่างรอบคอบ หวังว่าจะสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า
เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าเร็วขึ้นพวกเขาต้องท่องคาถาโบราณเสียงดังมากขึ้น ไม่เช่นนั้นถนนที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขาก็จะหายสาบสูญไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เมื่อมองหาหลิงซานเราทุกคนต้องมีศรัทธา ไม่เช่นนั้นเราจะไม่สามารถเข้าใกล้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธะได้” ซีมาติกล่าวพร้อมสวดมนต์พระนามของพระพุทธเจ้า
เย่ฟ่านขมวดคิ้ว มีพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์โบราณอยู่ในเขาลูกนี้จริงๆ หรือ? สถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนแห่งความตายอย่างชัดเจนมันไม่ควรมีความเกี่ยวข้องกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธะ
“นี่คือภูเขาหลิงซานที่กว้างใหญ่และไม่อาจคาดเดาได้ มันเป็นสถานที่ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ!”
ในที่สุดหลังจากเดินมาเป็นเวลานาน เขาก็สังเกตเห็นเบาะแสบางอย่าง และมีสัมผัสได้ถึงเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งกว่าภายนอกอย่างชัดเจน
หลังจากเดินทางกว่าร้อยลี้ ดินแดนที่ทรุดโทรมก็ปรากฏขึ้นข้างหน้า ถัดจากถนนโบราณมีซากปรักหักพัง ได้ยินเสียงร้องไห้และคร่ำครวญของภูตผี ดูหน้าตกใจอย่างยิ่ง
วัดกลายเป็นสถานที่รกร้าง มีกำแพงพังๆ และหญ้ารกรก ปรากฏขึ้น พลังศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธะหายไปแล้วเหลือเพียงพลังหยินที่น่าสะพรึงกลัวเท่านั้น
ในขณะนั้นมีวิญญาณชั่วร้ายพุ่งเข้าหาเย่ฟ่านราวกับสายฟ้า เสียงกรีดร้องของมันทำให้พระเฒ่าทุกคนเกิดความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม พระพุทธรูปหินเล็กๆ ในมือของเย่ฟ่านกำลังเบ่งบานไปด้วยแสงของพุทธะ และวิญญาณร้ายที่กำลังพุ่งเข้าหาเขาได้เลี้ยวหนีกลับเข้าไปในซากปรักหักพังของวัดโบราณอย่างรวดเร็ว
ซีมาติและพระเฒ่าทั้งสองใบหน้าเปลี่ยนสี แม้แต่พวกเขาที่มีความแข็งแกร่งอย่างมากก็ยังรู้สึกหวาดกลัวต่อภูตผีตนนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ ที่เกือบจะหมดสติจากความกลัวไปแล้ว
“แง แง!”
เสียงร้องราวกับเสียงร้องของทารกดังก้องอยู่ในหู และในที่สุดเงาสีเทาก็ปรากฏขึ้น เขาเป็นพระเฒ่า สวมจีวรสีเทา มีรูปร่างสูง ล้อมรอบด้วยพลังปราณสีดำ ใบหน้าที่ดุร้าย และดวงตาแดงก่ำ
นอกจากนี้ ยังมีเกล็ดเล็กๆ ปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของเขา พระเฒ่าคนนี้เห็นได้ชัดว่ากลายเป็นปีศาจไปแล้ว
“อาจารย์ เหตุใดท่านจึงทำชั่วเช่นนี้”
ผู้เชี่ยวชาญภาษาสันสกฤตโบราณถาม เขาไม่ได้มีญาณวิเศษเหมือนผู้บ่มเพาะทำให้มองไม่เห็นความลึกลับของพระเฒ่า และคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น
“ชายผู้นี้สูญเสียพุทธะและตัวตนที่แท้จริงไปนานแล้ว ตอนนี้เขามีแต่ความคิดชั่วร้ายภายในจิตใจ กล่าวคือเขาตายไปแล้ว” พระเฒ่าท่านหนึ่งกล่าว
“น่าเสียดาย อาณาจักรของคนคนนี้สูงกว่าของข้ามาก ทำไมเขาถึงลุ่มหลงอยู่ที่นี่?” ซีมาติรู้สึกประหลาดใจ
“เจ้ากำลังมองหาภูเขาหลิงซานด้วยหรือ ข้าเกลียดที่สุด…”
พระเฒ่าที่มีดวงตาสีแดงเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและเศร้าโศกอย่างถึงที่สุด "ข้ามองหาพระพุทธเจ้าด้วยใจจริง แต่ข้ากลับไปไม่ถึงภูเขาหลิงซาน ข้าตามหามันมาทั้งชีวิต แต่สุดท้ายกลับพบเจอเพียงความล้มเหลว?”
ทุกคนเข้าใจทันทีว่าเขาตายไปเพราะความเคียดแค้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาเป็นเพียงคนน่าสงสารที่พบกับความล้มเหลวจนในที่สุดก็ละทิ้งพุทธะเข้าสู่ด้านมืด
“พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พวกเจ้ากำลังหาอะไรอยู่? ต่อให้พวกเจ้าไปถึงภูเขาหลิงซานแล้วจะเกิดอะไรขึ้น” พระเฒ่าในชุดสีเทาร้องไห้และพุ่งเข้าหา
ผู้คนต่างพากันถอนหายใจว่า ชายผู้นี้ใช้เวลาทั้งชีวิตบูชาพระพุทธเจ้า แต่เมื่อมาถึงที่นี่เขากลับตายไปก่อน นั่นทำให้วิญญาณของเขาเกิดความเครียดแค้นอย่างถึงที่สุด
การกระทำของพระเฒ่าทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ความแข็งแกร่งของเขาเกินกว่าพลังของทุกคนที่อยู่ที่นี่หลายเท่า
และการโจมตีครั้งนี้เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างง่ายดาย
“ติง”
เย่ฟ่านยกมือขึ้นและทะลวงดรรชนีให้ทะลุผ่านกะโหลกศีรษะของอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย จากนั้นแสงสีทองได้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเห็นได้ชัดว่านี่คือจิตวิญญาณสุดท้ายของพระเฒ่า
“เจ้าเป็นใคร...”
พระเฒ่ามีสีหน้าดุร้าย เขาคำรามด้วยเสียงแหลมเล็ก มีเขี้ยวงอกออกมาจากปาก และพยายามตะเกียกตะกายหลบหนีด้วยความหวาดกลัว
เย่ฟ่านยกมือขึ้นแล้วกดมันไปข้างหน้าเหมือนกับหินโม่ขนาดใหญ่ พลังเหนือธรรมชาติอันน่าหวาดหวั่นบดขยี้ร่างกายของพระเฒ่าจนแหลกละเอียดในเวลาเพียงลมหายใจเดียว
ในขณะนี้ปรมาจารย์หลายคนดูตกตะลึงเป็นอย่างมาก ในความเห็นของพวกเขา พระเฒ่าควรจะเป็นจอมอสูรผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีผู้ใดต้านทานได้ แต่เขากลับถูกฆ่าตายอย่างง่ายดาย
เย่ฟ่านถอนหายใจเบาๆ เขารู้สึกว่าพระเฒ่าคนนี้เป็นเพียงคนน่าสงสารคนหนึ่ง หากเขามีทางเลือกอื่นคงไม่เลือกที่จะทำลายอีกฝ่ายทั้งร่างกายและวิญญาณ
“ให้เราพาเขาออกไปเถอะ”
ซีมาติทนไม่ไหวและก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือพระเฒ่าก่อนที่ศีรษะของเขาจะถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด
เย่ฟ่านพยักหน้าและไม่กล่าวอะไร ปรมาจารย์หลายคนก้าวออกมาข้างหน้า ทุกคนนั่งสมาธิข้างศีรษะของพระเฒ่าที่กลายเป็นภูตผีไปแล้ว พวกเขาสวดมนต์เพื่อขับไล่ความชั่วร้ายและฟื้นคืนสติให้แก่พระเฒ่าอีกครั้ง
“นะโมอมิตาภะ ดูโอตากาดู ดูโอดีเยฮิม อมิตาภะ..” ไม่นานหลังจากนั้น
พระเฒ่าที่ถูกเย่ฟ่านโจมตีจนเหลือเพียงศีรษะก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติกลับมา ดวงตาที่เคยแดงก่ำของเขากลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
ในที่สุดพระเฒ่าก็กลายเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์ วิญญาณของเขานั่งสมาธิอยู่ต่อหน้าทุกคนพร้อมกับท่องสรรเสริญพุทธคุณพร้อมกับเปล่งประกายด้วยความศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
“อาตมาบูชาพระพุทธองค์ด้วยความลุ่มหลงมากเกินไป นั่นทำให้อาตมาไม่สามารถมองเห็นพุทธะที่แท้จริงได้ ด้วยเหตุนี้อาตมาจึงลงเอยอย่างที่ทุกท่านเห็น…”
“นี่ไม่ใช่ความผิดของท่านผู้เฒ่า” ปรมาจารย์ทั้งหลายคนยังคงสวดมนต์อย่าเงียบๆ
สุดท้ายเมื่อวิญญาณของพระเฒ่ากลายเป็นแสงที่กระจัดกระจายไปทั่วความว่างเปล่า พวกเขาก็เดินทางต่อไป
บนถนนมีกระดูกของผู้คนมากมาย กว่าจะไปถึงหลิงซานเย่ฟ่านคาดคำนวณว่าอาจมีซากศพของพระของศาสนาพุทธที่ตายอยู่ที่นี่ไม่ต่ำกว่าแสนคน
สิ่งนี้ทำให้เขาเกิดความเศร้าโศกเป็นอย่างมาก คนเหล่านี้มีความศรัทธาต่อศากยมุนีและเชื่อว่าหนทางที่ศากยมุนีสร้างขึ้นจะนำพวกเขาไปสู่ความสงบสุข
แต่สุดท้ายพวกเขากลับพบความตายอย่างน่าเศร้าโดยไม่อาจไปถึงภูเขาหลิงซานได้ ไม่รู้ว่ามีวิญญาณของพระมากน้อยเท่าใดที่มีความบ้าคลั่งเหมือนพระเฒ่าคนเมื่อครู่
ทันใดนั้นถนนโบราณก็พังทลายลง และมีเหวอันมืดมิดพาดผ่านด้านหน้าเพื่อขัดขวางเส้นทางไม่ให้พวกเขาเดินหน้าต่อ
“นี่เป็นการทดสอบหรือเปล่า?” เย่ฟ่านถาม
“ไม่ใช่ แต่มันเป็นเพราะบทสวดที่เราได้รับมายังขาดความสมบูรณ์แบบ นั่นทำให้เส้นทางที่จะทอดยาวไปสู่ภูเขาหลิงซานเกิดความเสียหายจนมีหุบเหวนี้ปรากฏขึ้น บางทีพวกเราอาจต้องใช้ความพยายามในการข้ามหุบเหวนี้ด้วยตัวเอง” พระเฒ่าท่านหนึ่งกล่าว
……..