บทที่ 29 : มาได้ไกลเท่านี้ อัญมณีแห่งการฟื้นฟู
บทที่ 29 : มาได้ไกลเท่านี้ อัญมณีแห่งการฟื้นฟู
ทันทีที่หัวของโทรลล์ระเบิดกระจุย การแจ้งเตือนก็ดังขึ้น
[ มานาเพิ่มขึ้น 0.002 ]
[ เลเวลสกิลเสริมแกร่งร่างโคลนเพิ่มขึ้น ]
ซังวู ฮันเตอร์แรงค์ F สามารถจัดการมอนสเตอร์แรงค์ D ได้
อย่างไรก็ตาม ซังวูก็ไม่มีเวลามาคิดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนี้
นี่เป็นเพราะมันมีมอนสเตอร์อยู่ทั่วทุกที่
การฆ่าในครั้งนี้เต็มไปด้วยสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดที่เกิดจากการตกอยู่ในอันตรายเกือบตาย
ซังวูรีบดึงหมายเลข 3 ออกมาจากแขนของโทรลล์อย่างรวดเร็วและผลักหมายเลข 1 ที่เต็มไปด้วยเลือดกลับไปยังที่ปลอดภัย
จากนั้น ในขณะที่เขากำลังรีบไปที่ห้องใต้ดิน เขาก็เห็นอะไรบางอย่างเรืองแสงอยู่ใกล้หัวของโทรลล์ที่ระเบิด
เมื่อเขามองมันใกล้ๆ มันก็ดูเหมือนผลึกคริสตัลสีเขียวที่เปล่งประกายราวกับอัญมณี
' อะไรน่ะ?'
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ซังวูก็คิดว่ามันน่าจะเป็นไอเทม ดังนั้นเขาจึงรีบเก็บผลึกคริสตัลไว้ในกระเป๋าของเขาอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน พ่อของเขา จองซองฮยอนก็ตะโกนมาจากห้องใต้ดิน
“ซังวู! ลูกสบายดีไหม!”
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ”
“งั้นรีบลงมาเร็วเข้า!”
การแสดงออกของจองซองฮยอนดูเร่งรีบ
ซังวูกำลังจะมุ่งหน้าไปที่ชั้นใต้ดินเช่นกัน
แต่แล้วเขาก็เห็นผู้คนที่กำลังวิ่งหนีจากความโกลาหลวุ่นวายบริเวณหน้าอพาร์ตเมนต์
พวกเขารู้จักกันในฐานะเพื่อนบ้าน
แน่นอนว่าเขาสามารถหันหลังกลับและลงไปที่ชั้นใต้ดินเลยก็ได้ แต่ซังวูก็ไม่สามารถหันกลับไปโง่ๆ แบบนั้นได้
ความเห็นแก่ตัวในการปล่อยผู้อื่นตายเพื่อเอาชีวิตรอดแม้ว่าเขาอาจจะช่วยพวกเขาได้นั้นขัดต่อมโนธรรมภายในจิตใจของเขาอย่างแรง
ด้วยเหตุนี้เอง...
“พ่อปิดประตูแล้วรออยู่ข้างใน!”
“ซังวู!!!”
เมื่อพูดจบ ซังวูก็วิ่งออกไปหน้าทางเข้าอพาร์ตเมนต์โดยไม่ลังเล
ส่วนร่างโคลนที่ได้รับบาดเจ็บก็ติดตามซังวูไปติดๆ เช่นกัน
' ไปช่วยคนพวกนั้นก่อน'
เป้าหมายของเขาคือเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงหน้า
“มาทางนี้!!!”
เมื่อซังวูตะโกนใส่ผู้คนที่กำลังวิ่งหนีอยู่ พวกเขาก็หันหน้ามาทีละคนและรีบวิ่งไปยังจุดที่ซังวูอยู่
ขณะเดียวกัน มอนสเตอร์ก็วิ่งตามหลังพวกเขามาติดๆ
' หยุดมันไว้!'
ร่างโคลนทั้งสองรีบวิ่งไปทางมอนสเตอร์ที่มีลักษณะคล้ายกับนกกระจอกเทศที่กำลังไล่ล่าผู้คน
ทันใดนั้น เปลวเพลิงก็ลุกโชนออกมาจากขนบนตัวของนกกระจอกเทศ
อย่างไรก็ตาม ร่างโคลนก็คว้าขาของมันเอาไว้ไดแล้วผ่ามันด้วยมีดโดยไม่สนใจเรื่องรอยไหม้แม้แต่น้อย
คิอิอิ-!
มอนสเตอร์นกกระจอกเทศล้มลงเนื่องจากบาดแผลที่ขา
ขณะเดียวกัน เมื่อหัวศีรษะมันลดต่ำลง ไม้เบสบอลของซังวูก็พุ่งทะยานเข้ากระแทกใส่หัวของมัน
ตู้มม!
หัวของนกกระจอกเทศสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว
[ เลเวลสกิลตีแรงเพิ่มขึ้น ]
ซังวูยังคงโจมตีหัวนกกระจอกเทศซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเบ้าหน้ามันเละผิดรูป
กรอบ!
ในที่สุด เมื่อหัวของนกกระจอกเทศถูกบดขยี้จนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว เปลวเพลิงรอบตัวมันก็หยุดลงเช่นกัน
ร่างสองร่างมีรอยไหม้ทั่วร่างกาย
แต่กระนั้นมันก็ยังมีมอนสเตอร์มากมายอยู่รายรอบพวกเขา
โครงกระดูกที่ดูเหมือนมอนสเตอร์ที่พวกเขาจัดการไปก่อนหน้านี้ มอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนหมาป่า และแม้แต่วัวที่ทำมาจากหิน
มอนสเตอร์ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บมาก่อนแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันตกลงมาจากท้องฟ้า แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ยังพุ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยสัญชาตญาณการล่า
ซังวูผนึกกำลังร่วมกับร่างโคลนทั้งสองเพื่อสกัดกั้นเหล่ามอนสเตอร์อย่างบ้าคลั่ง
เวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว?
ผู้คนที่พวกเขาตั้งเป้าว่าจะช่วยได้ลงไปถึงที่ชั้นใต้ดินผ่านทางทางเข้าอพาร์ตเมนต์แล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดนี้ซังวูก็ไม่สามารถหันหลังกลับได้อีกต่อไป
มีมอนสเตอร์มากมายอยู่รายรอบ ถ้าเขาหันหลังให้พวกมันและถอยกลับไปตอนนี้ เขาก็จะต้องตายแน่นอน
“ไอ้บ้าเอ้ย ถ้าอยากตายมึงก็เข้ามา! ว้ากกก-!”
ซังวูแกว่งไม้เบสบอลไปมาอย่างดุเดือด
พวกมอนสเตอร์ดูหวาดกลัวเล็กน้อยและถอยกลับไปสองสามก้าว
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้ก็กินเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
' ...ฉันกำลังจะตายแล้ว'
นี่เป็นเพราะผลข้างเคียงจากการใช้สกิลตีแรงอย่างต่อเนื่องรึเปล่า?
ข้อมือทั้งสองข้างของเขาเจ็บและปวดบวมหนักมาก
และในขณะนั้นเอง หมายเลข 3 ก็สลายตัวไปราวกับว่ากำลังของเขาได้หมดลง
ระยะห่างระหว่างพวกเขากับมอนสเตอร์ถูกบีบหดแคบลงเมื่อหมายเลข 3 จากไป
หมายเลข 1 รีบเข้ามาปิดกั้นจุดนั้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม มอนสเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าเขาก็เป็นมอนสเตอร์ที่ยากต่อการสกัดกั้นแม้ว่าร่างกายของเขาจะยังสมบูรณ์ก็ตาม
พวกเขาจะฆ่าวัวที่ทำมาจากหินด้วยมีดทำครัวหรือไม้เบสบอลได้อย่างไร?
ที่แย่ไปกว่านั้นคือมีเสือตัวใหญ่ที่มีอุ้งเท้าใหญ่ขนาดเท่าหน้ากำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ฮ่าๆ!
มอนสเตอร์มากมายที่ปิดล้อมรอบซังวูและหมายเลข 1 อยู่ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเสือตัวนี้
ดูเหมือนว่าพวกมันจะหวาดกลัวเสือตัวนี้และไม่กล้าที่จะทำอะไรล่วงเกินมัน
กวาง!
มอนสเตอร์บางตัวที่เห็นสถานการณ์เช่นนี้เริ่มบินและวิ่งหนีไปจากจุดนี้
ในขณะเดียวกันกับที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ซังวูก็เห็นหมายเลข 1 สลายตัวไป...
' ...ฉันมาได้ไกลแค่นี้เองหรอ?'
ซังวูรู้สึกว่าความตายกำลังใกล้เข้ามา
เขาเริ่มตัวสั่น..
เขากำลังกลัว..
เขารู้สึกเหมือนกำลังจะฉี่ราด..
จากนั้นภาพความทรงจำก็ฉายแวบไปต่อหน้าต่อตาเขาราวกับแสงแฟลช
ความทรงจำของครอบครัว เพื่อนฝูงและเกมที่เขารัก
' ความทรงจำก่อนตายงั้นหรอ...?'
ทันใดนั้นเอง ซังวูก็ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
มันเป็นเสียงหัวเราะแห่งความเศร้าเสียใจผสมกันกับความสมเพชในตัวเอง
' หากฉันได้รับโอกาสอีกครั้งล่ะก็...'
เขาจะหนีไปซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดินแทนที่จะออกมาช่วยเพื่อนบ้านรึเปล่า?
เขาจะพาครอบครัวมุ่งหน้าไปยังศูนย์อพยพแทนที่จะอยู่แต่ในบ้านไหม?
เขาจะพยายามพึ่งพาแต่ร่างโคลนของเขาเพียงอย่างเดียวอยู่หรือไม่?
เขาจะฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นพอที่จะปกป้องครอบครัวของตัวเองหรือเปล่า?
คำถามเหล่านี้ผุดขึ้นในใจของเขา
อย่างไรก็ตาม โชคชะตาก็ไม่ได้รอให้เขาคิด
เสือตัวใหญ่กระโดดลงมาตรงหน้าซังวู
มันอ้าปากกว้างราวกับว่ามันอยากจะกลืนเขาเข้าไปทั้งตัว
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นเอง...
ฉึบ-!
การเคลื่อนไหวของเสือยักษ์หยุดลง
และจากนั้น..
พรึ่บ-!
ร่างของเสือยักษ์แยกออกเป็นซีกซ้ายและขวา
ขณะเดียวกัน เลือดก็ระเบิดพุ่งออกมาจากร่างทั้งสองซีกราวกับน้ำพุ
ซังวูเปียกโชกไปด้วยเลือด
พื้นดินเบื้องหน้าซังวูเองก็เปื้อนเลือดกลายเป็นสีแดงฉาน
ในขณะนี้ ที่ด้านหลังของซากเสือตัวใหญ่ มีบุคคลที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนกำลังยืนอยู่
ชายคนหนึ่งถอดชุดวิงสูทอันเทอะทะของเขาออก
“...คุณคือ?”
“ผมพัควอนแทจากกิลด์เคนัสครับ คุณยังไหวไหมครับ?”
* * *
3 นาทีที่แล้ว.
ทีมรับมือเหตุฉุกเฉินของกิลด์เคนัสได้รับการยืนยันสถานที่เกิดภัยพิบัติดังกล่าวและกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองบูชอนด้วยเครื่องบินขนส่ง
เครื่องบินขนส่งล้ำสมัยนี้ติดตั้งเครื่องยนต์วิศวกรรมมานาเอาไว้
[ ถึงปลายทางในอีก 1 นาที ]
“เปิดประตู!”
จากนั้นด้านหลังของยานขนส่งก็ค่อยๆ เปิดออก
“ทุกคนตามฉันมา!”
สมาชิกกิลด์เคนัสที่สวมชุดวิงสูทกระโดดออกมาจากเครื่องบินขนส่งทีละคน
พวกเขาใช้ปีกที่ติดอยู่กับแขนและขาเพื่อร่อนลงไปยังจุดหมายปลายทางของพวกเขาอย่างรวดเร็ว เมืองบูชอน!
และผู้นำของพวกเขาในครั้งนี้ก็คือตัวพัควอนแทเอง!
- พวกคุณลงไปช่วยผู้รอดชีวิตก่อน! ส่วนเรื่องการควบคุมเมกาโลซอรัสไว้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกิลด์อื่น!
- รับทราบครับ!
- เข้าใจแล้วครับหัวหน้า!
เมืองบูชอนปรากฎเข้ามาในสายตาของพวกเขาอย่างช้าๆ
เมืองซึ่งเต็มไปด้วยอพาร์ตเมนต์สูงถูกทำลายลงไปแล้วครึ่งหนึ่ง
เปลวเพลิงปรากฎขึ้นให้เห็นเป็นจุดๆ และฝุ่นคอนกรีตที่ลอยขึ้นมาจากซากอาคารก็บดบังทัศนียภาพเอาไว้อย่างมิดชิด
ในขณะนี้ ร่างของเมกาโลซอรัสที่กำลังวิ่งอย่างดุเดือดอยู่ก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน
ดูเหมือนว่าจะมีกิลด์อื่นเริ่มโจมตีมันไปก่อนแล้ว
สกิลอันฉูดฉาด ขีปนาวุธอันทรงพลังและแม้แต่จรวดระเบิดถูกระดมยิงใส่ตัวเมกาโลซอรัส
' บัดสบเอ้ย... เราต้องช่วยผู้คนก่อน!'
ในขณะนั้นเอง พัควอนแทก็เห็นอาคารอพาร์ตเมนต์ที่พังลงมาแล้วแห่งหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน มอนสเตอร์จำนวนมากก็กำลังรวมตัวปิดล้อมรอบสถานที่ที่ดูเหมือนจะเป็นทางเข้าอพาร์ตเมนต์อยู่
เมื่อเห็นดังนี้ พัควอนแทจึงเพ่งสายตาตรงไปทางนั้น
และสิ่งที่เขามองเห็นได้ก็คือการดิ้นรนของแฝดสามที่ดูคล้ายกันอย่างน่าประหลาดใจ
คนอื่นๆ ได้วิ่งหายเข้าไปในทางเข้าอพาร์ตเมนต์แล้วและทิ้งพวกเขาไว้ข้างหลัง
แฝดสามไม่สามารถตามหลังพวกเขาเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ได้ พวกเขาทำได้เพียงต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์ที่เข้ามาใกล้พวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
' ...มีฝีมือ'
แม้ว่าพลังของเขาจะยังถูกจัดได้ว่าอยู่ในหมวดคนธรรมดา แต่ทักษะการต่อสู้ของเขาก็นับได้ว่าอยู่ในขั้นชำนาญการแล้ว
อย่างไรก็ตาม มือและเท้าของเขาก็เริ่มสูญเสียแรงไปเนื่องจากฝูงมอนสเตอร์ที่มีเยอะเกินไป
' ไม่ดีแล้ว!'
พัควอนแทปรับร่างกายของเขาและหันหน้าดิ่งลงไปทางนั้นแทน
ฉากนั้นเขาก็ค่อยๆ เข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในแฝดสามก็ได้ล้มลงเมื่อเขาถูกเจาะรูขนาดใหญ่เข้าที่หน้าท้อง
พัควอนแทรู้สึกเจ็บใจหนักมากเมื่อเห็นสิ่งนั้น
' เหี้ยเอ้ย... เอ๊ะ?'
อย่างไรก็ตาม แฝดคนที่ล้มลงจู่ๆ ก็กลายร่างเป็นละอองแสงและหายลับไปกับตา
พัควอนแทรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นว่าสถานที่นั้นเหลือเพียงเสื้อผ้าที่แฝดคนนั้นเคยใส่
' นั่นมันอะไรน่ะ? เขาไม่ใช่คนหรอ?'
เมื่อพัควอนแทเห็นดังนี้ เขาก็ประหลาดใจหนักมาก อย่างไรก็ดี เขาก็ไม่มีเวลาคิดมากนัก สถานการ์ด้านล่างยิ่งเลวร้ายลงไปอีกเมื่อมันเหลือพวกเขาเพียงสองคนเท่านั้น
นี่เป็นเพราะแนวหน้าที่ตรึงศัตรูไว้ได้พังทลายลงไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเสือยักษ์ปรากฏตัวขึ้น สถานการณ์ด้านล่างนั้นก็ยิ่งโกลาหลวุ่นวายมากยิ่งขึ้น
และจากนั้นแฝดอีกคนหนึ่งก็สลายตัวไปเป็นละอองแสงเช่นกัน
มันเหลือทิ้งไว้เพียงชุดวอมที่เขาเคยใส่
และในตอนนี้ มันก็เหลือชายเพียงคนเดียวกับไม้เบสบอลของเขา
เสือตัวใหญ่กระโดดเข้ามาหาชายคนนี้
พัควอนแทรู้สึกได้ถึงความเร่งรีบและรู้สึกว่าเขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว
เมื่อพัควอนแทลงจอดถึงพื้นเมื่อไหร่ เขาก็ได้ชักดาบที่ห้อยอยู่ที่เอวของชุดวิงสูทของเขาออกมาโดยทันที
มานาแล่นตรงเข้ามาจากจุดตันเถียน
การเคลื่อนไหวของมานาแล่นขึ้นไปทางร่างกายส่วนบนและขยายไปถึงแขนและส่งต่อไปยังตัวดาบในมือขวาของพัควอนแท
จากนั้นออร่าแสงก็ก่อตัวขึ้นบนใบดาบ
มันคือ 'ดาบมานา'
พัควอนแทเหวี่ยงดาบสีน้ำเงินแล้วส่งมันออกไปในรูปของจันทร์ครึ่งเสี้ยว
ดาบมานาบินหายลับไปในทันที
จากนั้นดาบก็ฟันเสือยักษ์ออกเป็นสองท่อน
เมื่อเห็นเช่นนั้น พัควอนแทก็รีบกระโดดเข้ามาใกล้
ปัง!
เสียงร่างเสือยักษ์ล้มลงดังขึ้นพร้อมกับการปรากฎตัวของเขา
พัควอนแทฉีกชุดวิงสูทที่เทอะทะออกแล้วโยนมันทิ้งไป
จากนั้นชุดเกราะของเขาก็ถูกเปิดเผยออกมา
ข้างหน้าเขาคือแฝดสามที่ตอนนี้เหลือเพียงคนเดียว
ผู้ชายคนนี้มีสีหน้าว่างเปล่าในขณะที่ร่างของเขาเปียกโชกไปด้วยเลือดสดๆ
เขาเปิดปากและถามพัควอนแท
“...คุณคือ?”
“ ผมพัควอนแทจากกิลด์เคนัสครับ คุณยังไหวไหมครับ?”
* * *
ผ่านไปหลายวันนับตั้งแต่เหตุการณ์ภัยพิบัติในเมืองบูชอน
โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยในกรุงโซล
ข่าวกำลังเล่นอยู่ในทีวีในล็อบบี้ของโรงพยาบาล
「··· จำนวนผู้เสียชีวิตยังไม่ได้รับการกำหนดอย่างถูกต้องจนถึงขณะนี้ แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากเกือบแสนคนและยังคาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นต่อไปอีก เนื่องจากผู้คนจำนวนมากได้หมดสติและได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นความเสียหายจึงยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เรายังได้รับแจ้งว่ายังมีมอนสเตอร์เหลืออยู่ในเมืองอีก เนื่องจากความเสียหายนี้ การใช้ชีวิตในเมืองบูชอนจึงเกิดเป็นอัมพาต และนายกเทศมนตรีเมืองบูชอนก็ได้ร้องขอให้สาธารณชนและสมาคมฮันเตอร์ทั่วโลกโปรดให้ความช่วยเหลือในการฟื้นฟูจากภัยพิบัติ ในปัจจุบัน ฮันเตอร์อาสาสมัครและวัสดุป้องกันก็กำลังถูกส่งเข้ามาจากทั่วทุกมุมโลก…”
ในขณะนี้ จองจีวูที่มีหน้าซีดกำลังนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล
ดูเหมือนจีวูจะรู้สึกตัวแล้ว จีวูยิ้มอย่างสดใส แต่สีหน้านั้นก็ดูเศร้าหมอง
แม่ของเธอจับมือเธอเอาไว้แน่น
น้ำตาไหลหยดลงบนชุดฆ่าเชื้อที่ลีแอซุกสวมอยู่
' ...จีวู'
ผู้ชายสองคนจ้องมองพวกเธออย่างว่างเปล่าจากด้านหลังผนังกระจก
พวกเขาคือจองซองฮยอนและซังวู
“...พ่อ เราจะทำยังไงกันต่อครับ?”
“...พ่อคิดว่าพ่อน่าจะสามารถใช้เงินประกันได้ ตอนนี้เราต้องพยายามรักษาจีวูให้หายดีก่อน”
“เราย้ายบ้านกันไหมครับ? ย้ายมาอยู่ใกล้กรุงโซล?”
“ที่นี่น่ะหรอ?”
“ใช่ครับ เรามาอยู่ด้วยกัน มีผมด้วย ผมเองก็จะออกจากห้องเช่าแล้ว”
“...พ่อเข้าใจแล้ว ไว้พ่อจะคิดดูอีกที”
' ทั้งหมดนี้ก็เพราะตอนนี้ฉันอยากจะปกป้องครอบครัวของฉัน'
ซังวูกลืนคำพูดของเขาและไม่ได้พูดมันออกมา
ซังวูหันกลับไปทันที
เขาออกจากโรงพยาบาลและมาสูดอากาศ
เขานึกถึงการสนทนาของเขากับแพทย์เมื่อสองสามวันก่อน
ในที่สุดเมื่อเขาได้รับการช่วยเหลือจากพัควอนแทเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาก็รู้สึกโล่งใจและคิดว่าทุกอย่างจะจบลงแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ส่งจีวูที่นอนหมดสติไปเข้าโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย เขาก็ได้ยินคำพูดหนึ่งที่ดังราวกับเสียงฟ้าผ่าลงหัว
“...เธอติดไวรัส MA”
จีวูหมดสติไปนับตั้งแต่อพาร์ตเมนต์ถล่ม
ทุกคนในครอบครัวคิดว่าจีวูเป็นลมเพราะตกใจ
อย่างไรก็ตาม ปรากฎว่าเธอติดไวรัสที่โผล่ออกมาทางพอร์ทัล
จีวูซึ่งตอนนี้ได้สติแล้วดูเหมือนจะไม่มีปัญหาใดๆ ยกเว้นสีหน้าที่ซีดเซียวของเธอ
“โดยปกติแล้ว ไวรัสที่เข้ามาทางพอร์ทัลก็ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับระบบนิเวศของโลกได้และจะถูกกำจัดให้หมดไป อย่างไรก็ตาม ไวรัส MA นี้ก็แตกต่างออกไป ไวรัสนี้จะดูดซับมานาจากโฮสต์ของมันอย่างต่อเนื่องและแบ่งตัวออก เมื่อถึงจุดหนึ่ง คนธรรมดาที่ได้รับเชื้อเข้าไปก็จะไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้”
“...มันไม่มีทางรักษาเลยหรอครับ?”
“ไม่มีทางเป็นไปได้สำหรับการแพทย์แผนปัจจุบันครับ และแม้ว่าคุณจะมอบมานาให้กับเธอ แต่มานาเหล่านั้นเองก็จะถูกดูดเอาไปด้วยเช่นกันอยู่ดี…”
“...”
คุณหมอพูดด้วยความเสียใจ
“อย่างไรก็ตาม หากเป็นฮีลเลอร์แรงค์ S อย่าง 'เบลส' มันก็อาจจะยังพอมีวิธีอยู่ หรือไม่ก็อาจจะใช้ยารักษาที่ได้มาจากพวกพอร์ทัลได้ ตัวอย่างเช่น... อีลิกเซอร์และแมนดราโกร่า”
“...อีลิกเซอร์?”
“ใช่ครับ แต่พวกมันก็หาได้ยากมาก... ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากชะลออาการด้วยการป้อนมานาเข้าไปให้กับเธอและส่งเธอไปอยู่ห้องคนไข้มานา”
นี่เป็นทางเลือกสุดท้ายของแพทย์ในการช่วยยื้อชีวิตน้องสาวของเขา
เมื่อเขาดูราคาของอีลิกเซอร์ ราคาประมูลก่อนหน้านี้ก็อยู่ที่หลายแสนล้านวอน
' ...สุดท้ายแล้ว มันก็เป็นเรื่องเงิน'
เงินเดือนประจำปีที่ซังวูคาดการณ์ไว้อยู่ที่ 3.6 พันล้านวอน แบบนี้แล้วเขาจะต้องเก็บเงินอีกนานขนาดไหนกันถึงจะสามารถซื้อมันได้?
' บางทีอาจจะพอมีวิธีอื่นอยู่'
เขานึกถึงนามบัตรที่เขาได้รับมาเมื่อไม่นานมานี้
[ หัวหน้ากิลด์เคนัส พัค วอนแท ]
มันเป็นช่วงเวลาที่ซังวูลังเลและกำลังจะโทรหาพัควอนแท
แต่แล้วก็มีสายโทรเข้าบนสมาร์ทโฟนของเขา
มันคือคังจุนโม
“ครับคุณตัวแทน”
-คุณฮันเตอร์ครับ การล่าก่อนหน้านี้เสร็จสิ้นแล้วนะครับ
* * *
ภายในรถโทรมๆ ของคังจุนโม
“คุณฮันเตอร์ครับ ผมขอโทษด้วยที่ติดต่อคุณมาในช่วงเวลาแบบนี้ ผมขอแสดงความเสียใจด้วยเกี่ยวกับเรื่องน้องสาวของคุณ ไม่ทราบว่าผมพอจะช่วยอะไรคุณได้บ้างไหมครับ…”
“...แน่นอนครับ จากนี้ไป ผมจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อหาเงินมารักษาน้องสาวของผม”
“ได้ครับ ผมเองก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยคุณ”
ใบหน้าของซังวูดูหดหู่แม้ว่าเขาจะบอกว่าไม่เป็นไรก็ตาม
เมื่อมองดูใบหน้านั้น คังจุนโมก็กังวลมากจนเขาทนไม่ได้ที่จะพูดคำถัดไป
เขาพูดอย่างระมัดระวัง
“...ศพที่จุดเกิดเหตุและศพของมอนสเตอร์ที่ถูกล่าโดยหมายเลข 2 ถูกขายไปแล้วและรายได้จากการขายก็ถูกโอนไปแล้วนะครับ ส่วนนี่...”
คังจุนโมยื่นอะไรบางอย่างให้ซังวู
มันคือคริสตัลสีเขียวที่ออกมาจากหัวของโทรลล์
“ผมประเมินสิ่งของที่คุณมอบมาให้ผมแล้ว และพบว่ามันคืออัญมณี”
“อัญมณี?”
“ใช่ครับ พวกเขาบอกว่ามันเป็นของจิปาถะที่ค่อนข้างธรรมดา นี่คือผลการประเมิน”
คังจุนโมยื่นรายงานการประเมินให้ซังวู
ซังวูค่อยๆ ตรวจสอบรายงานการประเมิน
───────────────
คริสตัลแห่งการฟื้นฟู
-วิธีใช้: ดูดซับโดยการกลืนหรือเปิดใช้งานด้วยมานา
-ผลของการใช้: เพิ่มพลังฟื้นฟูอย่างถาวร 0.005
-ข้อจำกัดที่ 1: ไม่สามารถใช้กับมนุษย์ได้
-ข้อจำกัดที่ 2: เมื่อใช้งานสะสม ผู้ใช้อาจเปลี่ยนกลายเป็นมอนสเตอร์ได้
───────────────
สิ่งนี้ไม่สามารถใช้กับมนุษย์ได้
' นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงเป็นไอเทมเบ็ดเตล็ดสินะ…. เดี๋ยวนะ มันไม่สามารถใช้ได้แค่กับ 'มนุษย์' เท่านั้นใช่ไหม?'
ดวงตาของซังวูเป็นประกาย
“อย่างที่คุณเห็นครับ มันเป็นไอเทมที่ช่วยเพิ่มค่าสถานะขึ้นมาได้ แต่มันก็ใช้กับคนไม่ได้ ว่ากันว่ามันใช้ได้กับสิ่งมีชีวิตมานาหรือสัตว์เลี้ยงที่ถูกอัญเชิญออกมาได้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงของมันก็อาจทำให้คุณกลายเป็นมอนสเตอร์ได้”
“ดังนั้นพวกเขาจึงแนะนำให้ใช้เพียงครั้งเดียวหรือสองครั้งเท่านั้น และอย่างที่คุณทราบ มันมีฮันเตอร์สายซัมมอนเนอร์น้อยมาก... ดังนั้นราคาขายของมันจึงน้อยตามลงไปด้วย มันน่าเสียดายจริงๆ นะ-”
“คุณตัวแทนครับ!”
“ครับ?”
“คุณช่วยผมหาอัญมณีพวกนี้มาอีกเยอะๆ เลยจะได้ไหมครับ?”
ใบหน้าที่หดหู่ของซังวูก่อนหน้านี้เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาโดยทันที
....