ตอนที่ 21 เป็นตาย
ทหารเร้ดอะเริ้ทห้านายก็ก้าวเท้าออกมาพร้อมกับมือปล่าวแล้วจากนั้นพวกเขาก็พุ่งวาปผ่านสัตว์กลายพันธุ์ระดับสองดาวห้าตัวไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า ไม่มีใครเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขาเลยสักคน
ทุกคนนั้นก็รู้สึกราวกับตาของพวกเขาพร่ามัวเพราะจู่ๆสัตว์กลายพันธุ์ระดับสองทั้งห้านั้นหยุดนิ่ง
และในวินาทีต่อมา หัวของสัตว์กลายพันธุ์ระดับสองห้าตัวก็หลุดออกจากร่างและหล่นลงพื้นพร้อมกับมีเลือดไหลทะลักด้วยซึ่งมันทำให้ผู้คนตกตะลึงกันไปหมด
หม่าซานหยานนั้นก็จ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้างและพูดอะไรไม่ออก ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาพยายามทำตัวปกติหล่ะก็ ป่านนี้เขาฉี่แตกไปแล้ว
คนพวกนั้นกลับสามารถฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ระดับสองได้ในทันที นี่พวกเขาทั้งหมดเป็นคนเหนือมนุษย์ระดับสามดาวหรือเปล่า?
แล้วซูเฉินนี่ใครกัน และเขามีลูกน้องเป็นคนเหนือมนุษย์ระดับสามมากมายขนาดนี้ได้ไง? แม้กระทั่งคนใหญ่คนโตในเมืองฐานทัพก็ยังไม่มีรากฐานอันแข็งแกร่งแบบนี้เลย?
หม่าซานหยานนั้นรู้ดีว่าข้ารับใช้ของนายน้อยตระกูลหม่านั้นก็แค่คนเหนือมนุษย์ระดับสองดาวเอง คนเหนือมนุษย์ระดับสามทุกคนนั้นนับได้ว่าเป็นตัวตนที่มีอำนาจอยู่ในระดับกลาง และยกเว้นว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นบุคคลสำคัญจริงๆ คนๆนั้นก็ไม่มีสิทธิจะมีคนเหนือมนุษย์ระดับสามดาวเป็นลูกน้องแน่นอน
ดวงตาของเหลิงหยูเหว่ยนั้นก็เปร่งประกายขึ้นมาเพราะเธอนั้นตกตะลึงกับความสามารถของลูกน้องของซูเฉินมาก ความแข็งแกร่งแสดงออกมานั้นอย่างน้อยต้องเป็นคนเหนือมนุษย์ระดับสาม แต่ลูกน้องที่แข็งแกร่งที่สุดของซูเฉินที่เธอเคยพบนั้นยังเป็นแค่คนเหนือมนุษย์ระดับสองเองนะ แล้วนี่เขาไปเอาคนเหนือมนุษย์ระดับสามดาวมากมายขนาดนี้มาตอนใหนกัน?
ดูเหมือนสัตว์กลายพันธุ์จะตรวจพบสถานการณ์นี้เสียแล้ว และทันใดนั้นเองสัตว์กลายพันธุ์หลายตัวก็ทอดทิ้งแหล่งอาหารตรงหน้าของพวกมันแล้วหันหน้าวิ่งมาใส่ทหารทั้งห้านาย พวกมันต้องการจะฆ่าคนที่บังอาจฆ่าพวกมัน!
บู้ม บู้ม บู้ม!!
สัตว์กลายพันธุ์จำนวนมากก็พุ่งทะยานเข้าใส่พวกเขาซึ่งมันทำให้พื้นสั่นสะท้านไปหมด ฉากตรงหน้าทำให้ใจของทุกคนสั่นสะท้านไปหมด
ทันใดนั้นเอง ก็มีคนผู้หนึ่งวิ่งไปยังเชือกที่ห้อยลงมาจากเฮลิคอปเตอร์แล้วพยายามจะปืนขึ้นไปข้างบน
คนอื่นๆนั้นก็ทำตาม และเพราะเหตุนี้จึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นที่นี่
“ไสหัวไป!!”
เสียงตะโกนดังนั้นก็ทำให้คนที่จับเชือกถึงกับเลือดออกหู มีเพียงคนเหนือมนุษย์เท่านั้นที่ยังคงต้านทานไว้ได้
ซูยี่นั้นก็เดินมาหาคนพวกนั้นด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมทั้งเตะหัวหน้าของกลุ่มคนพวกนี้พร้อมกับมองคนอื่นๆ“คุณเหลิงหยูเหว่ยอยู่นี่หรือไม่?”
ทันทีที่เขาพูดออกมา ทุกคนนั้นก็หันหน้าไปมองเหลิงหยูเหว่ยกันอย่างพร้อมเพรียงซึ่งมันทำให้เธอตกตะลึง นี่มันหมายความว่าไง? นี่ซูเฉินนั่งเฮลิคอปเตอร์มาที่นี่เพื่อช่วยเธองั้นหรอ?
ทันใดนั้นเอง เหลิงหยูเหว่ยก็คิดถึงคำสาบานในตอนแรกที่เธอทำไว้ ใครก็ตามเธอช่วยเธอ เธอจะยอมแต่งงานกับเขา พอนึกแล้ว ใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อขึ้นมา
ซูยี่นั้นก็หันไปมองตามและยิ้มออกมา “คุณเหลิง เชิญทางนี้ ถ้าหากเพื่อนร่วมทีมของคุณอยู่ด้วย ก็ให้พวกเขามาด้วยกันเลย”
ในไม่ช้า เหลิงหยูเหว่ยและพรรคพวกทั้งสองนั้นก็เดินออกไปซึ่งมันทำให้ทุกคนรอบๆต่างก็อิจฉาไปหมด นี่เป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะเอาชีวิตรอดไปได้ แต่คนสามคนนี้กลับได้ไปซะงั้น?
การที่เอาคนสวยอย่างเหลิงหยูเหว่ยไปนั้นมันไม่เท่าไหร่หรอกแต่อีกสองคนหล่ะ ตาแก่วัยกลางคนกับไอ้หนุ่มหัวหยอย?
ด้วยการที่ทั้งสามนั้นเป็นคนเหนือมนุษย์ พวกเขาจึงปีนขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนทางซูเฉินนั้นก็นั่งรออยู่ข้างบนนานแล้ว
“ไม่เจอกันนานเลย”ซูเฉินก็ทักทาย
ตาของเหลิงหยูเหว่ยนั้นก็กระตุก พวกเขานั้นเจอกันไปเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วจะมาไม่เจอกันนานได้ไงกัน?
“นี่นายจงใจมาช่วยฉันสินะ?”เหลิงหยูเหว่ยนั้นก็ถามออกมาอย่างฉับพลัน
เขานั้นมาพร้อมกับเฮลิคอปเตอร์และเรียกชื่อเธออย่างเจาะจง ถ้าหากเขาบอกว่าไม่ เธอก็คงไม่เชื่อแน่นอน
ซูเฉินนั้นก็ไม่คิดจะหรอกเธอ เขาจึงพยักหน้า “ใช่แล้ว”
ลั่วฮางและจางเถาก็แสดงสีหน้าแปลกๆออกมา ตั้งแต่คราวก่อนที่ซูเฉินเจอเหลิงหยูเหว่ยแค่คนเดียว พวกเขานั้นก็รู้สึกว่าทั้งสองคนต้องมีความลับอะไรกันแน่ๆ และตอนนี้ดูเหมือนว่าทั้งสองจะคิดถูกด้วย
เหลิงหยูเหว่ยนั้นก็ตกตะลึงกับความตรงไปตรงของซูเฉิน ซึ่งมันทำให้หน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
ถ้าหากไม่ใช่ภารกิจจากระบบ ซูเฉินคงไม่ถ่อมาถึงนี่หรอก หากไม่มีเฮลิคอปเตอร์ เขาก็คงส่งทหารจำนวนมากมาสู้กับสัตว์กลายพันธุ์แล้ว ซึ่งมันจะทำให้เขาเสียหายหนักมากด้วย นี่เป็นสิ่งที่ซูเฉินไม่ต้องการจะเห็น
พอเห็นคนทั้งสามขึ้นบนเฮลิคอปเตอร์ ดวงตาของคนอื่นก็เปร่งประกายแห่งความหวังขึ้น ทันใดนั้นก็มีคนๆหนึ่งถามซูยี่ “พี่ชาย แล้วเมื่อไหร่พวกเราจะได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์หล่ะ?”
ซูยี่ก็ทำเมินโดยไม่แม้แต่จะมองเขา
นี่ทำให้ชายคนนี้ไม่พอใจอย่างมาก รวมกับการที่สัตว์กลายพันธุ์กำลังมุ่งหน้ามา เขานั้นรู้ดีว่าถ้าหากพวกเขาไม่ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์หล่ะก็ ในไม่ช้าพวกเขาได้จบสิ้นแน่
พอคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ตะโกนออกมา “ทุกคน เราเหลือแค่ทางเดียวแล้ว ถ้าหากอยากจะมีชีวิตอยู่ ตามฉันมา!!”
อย่างไรก็ตาม เมื่อชายคนนั้นพูด ก็ได้มีเสียงปืนดังขึ้น และบนหน้าอกของชายคนนั้นก็ได้มีรูกระสุนปืนปรากฏขึ้นมา เขานั้นก็ดวงตาเบิกกว้างในขณะล้มลงพื้น
“ใครบังอาจก้าวแม้แต่ก้าวเดียวตาย!!”น้ำเสียงอันเย็นชาของซูยี่นั้นก็ดังไปถึงหูของคนอื่นซึ่งมันราวกับน้ำที่เข้าซัดใส่พวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกสั่นสะท้านไปตามๆกัน
ทันใดนั้นพวกเขาก็คิดได้ว่าเฮลิคอปเตอร์นั้นไม่ได้มีหน้าที่มารับพวกเขา ตอนแรกพวกเขานั้นคิดว่าเป็นกำลังเสริมจากเมืองฐานทัพแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่
ดวงตาของหม่าซานหยานก็แดงฉานไปด้วยความเครียดแค้น หากไม่มีเฮลิคอปเตอร์ เขาได้ตายแน่ เขาจะต้องขึ้นไปให้ได้!!
ซูยี่และคนอื่นๆนั้นก็มองเห็นสัตว์กลายพันธุ์ที่วิ่งมาจากระยะไกล พวกเขานั้นจึงเตรียมพร้อมจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์และออกไปจากที่นี่ ส่วนชะตาของเหล่าคนอื่นๆหน่ะหรอ มันสำคัญกับพวกเขาด้วยหรอ? ภารกิจของพวกเขานั้นคือพาตัวเหลิงหยูเหว่ย ส่วนคนอื่นไม่ใช่ส่วนหนึ่งในภารกิจของพวกเขา
แต่เมื่อเห็นความหวังสุดท้ายหายไปต่อหน้าต่อตา ก็ไม่มีใครสามารถทนได้หรอก
“หยุด!! ถ้าหากแกไม่ให้ฉันขึ้นเฮลิคอปเตอร์หล่ะก็ ฉันจะจุดระเบิดบนตัวฉันซะเลย!!”หม่าซานหยานก็ก้าวออกมาพร้อมกับถกเสื้ออกเผยให้เห็นระเบิดระดับสูงหลายลูกที่สามารถสร้างบาดแผลร้ายแรงให้กับสัตว์กลายพันธุ์ระดับสามได้ติดอยู่
พอคำนวณคร่าวๆ ระเบิดลูกนี้ส่งผลกระทบภายในรัศมีประมาณห้าสิบเมตรรอบตัวมัน และเฮลิคอปเตอร์นั้นก็อยู่ในระยะด้วย ถ้าหากหม่าซานหยานจุดระเบิด เฮลิคอปเตอร์ก็จะไม่สามารถหนีไปได้
พอเห็นสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ คนอื่นๆจึงชักอาวุธออกมา ใครกันหล่ะจะไม่อยากรอดไป?
ก่อนหน้านี้ พวกเขานั้นไม่มีทางกล้ามีความคิดแบบนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าคนเหนือมนุษย์ระดับสาม แต่เมื่อมันมาเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย ใครจะสนกันหล่ะว่ามันเป็นคนเหนือมนุษย์ระดับใหน?
เป็นตายนี่แหละคำถามสำคัญ
ใครกันจะอยากตายหากสามารถรอดไปได้?
เมื่อเผชิญความตาย ไม่ว่าอะไรก็ไม่สนทั้งสิ้น
พอเห็นคนมากมายเล็งปืนมาที่เฮลิคอปเตอร์ ซูเฉินที่อยู่ข้างบนนั้นก็หัวเราะออกมา เขานั้นรู้ดีว่ามนุษย์นั้นจะตัดสินใจทำอะไรในสถานการณ์แบบนี้ เขาก็เลยเตรียมแผนมาไว้แล้ว
“เริ่มแผนได้เลย”
เหลิงหยูเหว่ยนั้นก็ไม่เข้าใจว่าคำพูดของซูเฉินนั้นหมายถึงอะไรจนกระทั่งเธอได้ยินเสียงด้านนอก