Chapter 139: Demon Summoning Heart Sutra, the Highest Inheritance of the Yanmo Sect
ผู้อาวุโสแกนทอง ว่าน หลิว คาดไม่ถึงว่าตำราสืบทอดที่สำคัญที่สุดของนิกายยมราช จะตกอยู่ในมือของเด็กหนุ่มรวมลมปราณคนหนึ่ง อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ไม่คิดใช้สัมผัสวิญญาณอ่านดู
(บางครั้งผมอาจจะมึนๆว่า ใช้สัมผัสวิญญาณบ้าง สัมผัสศักดิ์สิทธิ์บ้างขอให้เข้าใจว่ามันสื่อความหมายเดียวกันครับ ผมพึ่งเริ่มแปล มีมึนๆเบลอๆบ้าง ขออภัยจริงๆ)
แต่ยังใช้หนอนแปลกประหลาดตัวหนึ่งป้อนให้กินตำราสืบทอดอีกด้วย
สิ่งนี้ทำให้เขากลัวมากจนไม่สามารถซ่อนตัวได้อีกต่อไปและรีบพูดออกมาเพื่อหยุดโจว สุ่ย
แต่น่าเสียดายที่เขาได้พบกับโจวสุ่ย ที่เล่นนอกกติกา
โจวสุ่ย ไม่ได้ให้โอกาสผู้เฒ่าว่านหลิวแม้แต่น้อย เขาจึงสั่งให้ กู่หนังสือ กินตำราสือทอดทันที
เป็นผลให้ชีวิตของ ผู้อาวุโสแกนทอง ว่าน หลิว มาถึงจุดจบที่นี่ กินโดย กู่หนังสือ ตายโดย สูญสิ้นร่างและวิญญาณ
ดังนั้นก่อนตายเขาจึงเสียใจอย่างมากที่ในฐานะผู้บ่มเพาะระดับแกนทอง แต่กลับโชคร้ายเหลือเกิน
"โลกแห่งการบ่มเพาะนั้นอันตรายมาก แม้แต่การดูตำราสืบทอดก็อาจนำไปสู่ความตายได้?!"
โจวสุ่ยถึงกับงงไปเล็กน้อย
เขาไม่เคยคาดคิดว่าการดูตำราสืบทอดจะยังต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิตเช่นกัน ทำได้เพียงกล่าวได้ว่า เหล่าผู้บ่มเพาะในโลกแห่งการบ่มเพาะนั้น มีกลเม็ดเด็ดพรายมากมาย ลึกลับและเจ้าเล่ห์ และพวกเขาฉลาดและคาดเดาไม่ได้จนเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันตัว
ไม่ว่าคุณจะระมัดระวังแค่ไหน ก็เป็นเรื่องธรรมดา
โชคดีที่เขามี กู่หนังสือ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตำราสืบทอดด้วยตัวเอง
จึงหลีกเลี่ยงอันตรายไปครั้งหนึ่ง
แน่นอน แม้ว่า ผู้อาวุโสแกนทอง ว่าน หลิว ต้องการครอบครองเขาจริงๆ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะไม่สำเร็จ
วิญญาณของโจวสุ่ย ได้รับการปกป้องโดย ชามกู่ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นการกระทำของ ผู้อาวุโสแกนทอง ว่าน หลิว จึงเป็นเพียงการแสวงหาความตาย
แต่ถึงอย่างนั้นเหตุการณ์นี้ก็เป็นการเตือนใจเขา
นั่นคือโลกแห่งการบ่มเพาะเต็มไปด้วยอันตราย โดยเฉพาะสิ่งของจากผู้บ่มเพาะที่แปลกหน้า แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะที่ตายไปไม่รู้กี่ปีแล้ว ก็อาจทิ้งกลอุบายพิเศษเอาไว้ได้
"อย่างไรก็ตามตำราสืบทอดนี้ค่อนข้างพิเศษอย่างแท้จริง มันคือมรดกสูงสุดของ นิกายยมราช 'พระสูตรหัวใจอัญเชิญปีศาจ'"
สายตาของโจวสุ่ยเผยให้เห็นแววตาตื่นเต้น
ควรทราบว่าในฐานะที่เป็นนิกายแยกวิญญาณ วิชาการบ่มเพาะสูงสุดของนิกายยมราช นั่นคือ 'พระสูตรหัวใจอัญเชิญปีศาจ'นี้ ลึกลับและซับซ้อน เล่ากันว่ามาจากโลกชั้นสูงของเผ่ามาร
เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไม วิชานี้ถึงมาตกทอดอยู่ในโลกนี้
จากนั้นก็ถูกผู้ก่อตั้งนิกายยมราช ได้มาและกลายเป็นวิชาบ่มเพาะสูงสุดของนิกายยมราช
วิชานี้มีความพิเศษตรงที่สามารถหลอมรวมเมล็ดปีศาจเพื่อปลุกปีศาจในตัวผู้อื่น
หากอีกฝ่ายซื่อสัตย์สุจริต ไม่ผิดคำพูด ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมล็ดปีศาจก็จะไม่ทำงาน
แต่หากอีกฝ่ายผิดสัญญา เมล็ดปีศาจก็จะทำงาน ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานในร่างกายของอีกฝ่ายทันที ขโมยพลังของอีกฝ่ายไป
และอาจทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นหุ่นเชิดของตนโดยไม่รู้ตัว
ด้วยการใช้วิชาการบ่มเพาะนี้ ผู้ก่อตั้งนิกายยมราช ได้ก่อให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทุกหนทุกแห่ง โดยปลอมตัวเป็นผู้บ่มเพาะอิสระและค้าขายกับผู้อื่นบ่อยครั้ง
โดยไม่รู้ตัว ผู้บ่มเพาะจำนวนนับไม่ถ้วนถูกปลูกด้วยเมล็ดปีศาจโดยเขา
โดยปกติ ในโลกแห่งการบ่มเพาะ ผู้คนมักขาดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน มีการทรยศหักหลังและลอบสังหารกันอยู่บ่อยครั้ง
แทบจะไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจกันเลย
ด้วยเหตุนี้เองที่ผู้ก่อตั้งนิกายยมราช จึงอยู่ยงคงกระพัน
ด้วย "พระสูตรหัวใจการอัญเชิญปีศาจ" พวกเขาได้ฆ่าผู้บ่มเพาะจำนวนนับไม่ถ้วนและได้ทรัพย์สมบัติมากมาย
เป็นผลให้พวกเขาขึ้นสู่อำนาจอย่างรวดเร็วและก่อตั้ง นิกายยมราช
ตั้งแต่นั้นมาชื่อเสียงของนิกายยมราช ก็แพร่กระจายไปทั่วโลกแห่งการบ่มเพาะ ทำให้เหล่าผู้บ่มเพาะจำนวนนับไม่ถ้วนสั่นสะเทือนด้วยความกลัว
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะจากนิกายยมราช ทุกคนต่างก็ถอยหนี กลัวว่าจะถูกปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์ปีศาจและสูญเสียการควบคุมชีวิตและความตายของตนเอง
ก็เพราะความสามารถที่น่าสะพรึงกลัวและการกระทำที่ชั่วร้ายของนิกายยมราช ที่ทำให้พวกเขากลายเป็นเป้าหมายของถูกประณาม
หลังจากผู้อาวุโสระดับแยกวิญญาณล่วงลับ นิกายยมราช ก็เสื่อมถอย
เป็นผลให้พวกเขาถูกปิดล้อมโดยนิกายต่างๆ มากมาย และสายเลือดของพวกเขาก็หายไป
แน่นอน ผู้อาวุโสแกนทอง ว่าน หลิว ไม่ใช่ทายาทเพียงคนเดียวของนิกายยมราช
อันที่จริง มีศิษย์หลายคนที่หลบหนีจากนิกายในอดีต โดยแต่ละคนก็พกพาตำราสืบทอดของนิกายยมราช ไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโศ ว่านหลิว เป็นคนที่พิเศษที่สุด ซึ่งได้รับ "พระสูตรหัวใจการอัญเชิญปีศาจ"
"วิชาปีศาจนี้อันตรายมาก"
"หากไม่ระวังอาจหลงทางจนกลายเป็นปีศาจชั่วร้าย"
โจวสุ่ยหรี่ตามอง
อย่างไรก็ตาม วิชานี้ลึกลับและทรงพลัง ความสามารถแปลกประหลาดและคาดเดาไม่ได้
ไม่เพียงแต่จะยากแก่การฝึกฝนเท่านั้น แต่ยังอันตรายแม้กระทั่งเมื่อฝึกฝนสำเร็จแล้วอีกด้วย
เพราะเมื่อเมล็ดปีศาจกลืนกินความทรงจำและพลังจิตวิญญาณของผู้บ่มเพาะคนอื่น ความทรงจำจำนวนมากจะไหลเข้าสู่จิตวิญญาณของตนเอง
หากกลืนกินมากเกินไป ความทรงจำก็จะสับสนและวุ่นวาย
สิ่งนี้อาจทำให้ผู้บ่มเพาะไม่สามารถแยกแยะตัวตนของตนได้ ราวกับว่าบุคลิกได้เปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นบุคคลอื่นโดยสิ้นเชิง ราวกับถูกวิญญาณอื่นเข้าสิง
ยิ่งมีการกลืนกินความทรงจำมากเท่าไหร่ สถานการณ์ก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น
เหล่าศิษย์เอกของของนิกายยมราช ล้วนประสบชะตากรรมเช่นนี้
พวกเขาใช้พลังของ "พระสูตรหัวใจการอัญเชิญปีศาจ" อย่างไร้ขีดจำกัด กลืนกินความทรงจำของเหล่าผู้ฝึกตนมากมาย จนไม่สามารถแยกแยะความจริงได้แล้ว
พวกเขาต่างหลงทางจนกลายเป็นปีศาจชั่วร้าย แยกแยะไม่ออกระหว่างศัตรูและมิตร สร้างการสังหารโหดเหี้ยมมากมาย
นิกายยมราช ได้รับชื่อเสียงที่เลวร้ายทั้งหมดล้วนมาจากฝีมือศิษย์เหล่านี้
แม้แต่ผู้ก่อตั้งนิกายยมราช ในอดีตเองก็ไม่กล้าใช้พลังของวิชานี้อย่างไร้ขีดจำกัด
เมื่อเขาถึงระดับการบ่มเพาะระดับหนึ่งแล้ว เขาก็ไม่กล้าใช้อีกต่อไป และหันไปฝึกวิชาอื่นแทน
เพราะผลข้างเคียงของวิชานี้ร้ายแรงเกินไป
ดูเหมือนว่าวิชานี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการบ่มเพาะของมนุษย์เลย
"ช่างเป็นวิชาที่แสนวิเศษยิ่งนัก"
"ดูเหมือนว่าสำหรับฉัน ผลข้างเคียงของวิชานี้จะสามารถเพิกเฉยได้"
"หากฉันฝึกฝนวิชานี้สำเร็จ ใครจะกล้าผิดสัญญาต่อฉันล่ะ"
"ทุกคนจะต้องซื่อสัตย์และรักษาคำพูด"
ดวงตาของโจวสุ่ยสว่างขึ้นทันใด รู้สึกตื่นเต้นมาก
เขารู้สึกว่าวิชานี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเขา เหมือนกับเสือติดปีก
แน่นอน การกลืนกินความทรงจำของเหล่าผู้บ่มเพาะด้วยกัน อาจทำให้จิตวิญญาณของเขาพังทลายได้
เนื่องจากความทรงจำและอารมณ์ที่แตกต่างกันมากเกินไป ทำให้ตนเองแยกไม่ออกระหว่างตัวตนและความเป็นจริง
ปัญหาคือเขามี กู่วิญญาณแห่งฝัน กู่กนอนแปลกประหลาดเช่นนี้อยู่บนตัวเขา
มันมีความสามารถในการกลืนกินความทรงจำของวิญญาณสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ
ก่อนหน้านี้มันได้กลืนกินวิญญาณของผู้บ่มเพาะมากมายและแม้กระทั่งได้รับความทรงจำของจิตวิญญาณของพวกเขามาจำนวนมาก
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ได้เป็นอะไรเลย ไม่ได้ถูกรบกวนเลย
เหตุผลก็คือ กู่วิญญาณแห่งฝัน เหมือนกับผู้จัดการความฝัน
สำหรับมัน ความทรงจำที่อยู่ในแต่ละจิตวิญญาณนั้นไม่ต่างอะไรกับความฝันแต่ละบุคคล
การกลืนกินความทรงจำของจิตวิญญาณของผู้บ่มเพาะนั้นเทียบเท่ากับการได้รับโลกแห่งความฝัน
โดยพื้นฐานแล้ว มันเหมือนกับเซิร์ฟเวอร์ความฝันขนาดใหญ่ภายในร่างกายของมัน
ตราบใดที่ไม่มีการบันทึกโลกแห่งฝันมากเกินไป เซิร์ฟเวอร์นี้ก็จะไม่ขัดข้อง
และเมื่อระดับการบ่มเพาะของโจวสุ่ยเพิ่มขึ้น พื้นที่ภายในก็จะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
ส่วนโจวสุ่ยเอง
ในฐานะเจ้าของ กู่วิญญาณแห่งฝัน เขาก็เหมือนกับผู้ดูแลเซิร์ฟเวอร์ที่มีสิทธิ์สูงสุด ไม่ได้สัมผัสกับความฝันเหล่านี้โดยตรง
เพียงแต่เมื่อจำเป็น ก็สามารถเรียกใช้ความทรงจำของความฝันเพื่อสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบจากความทรงจำเหล่านี้
(จบบทนี้)
สรุปอีกที วิชานี้ บัค สำหรับพระเอก