ตอนที่แล้วบทที่ 22 : ความไว้วางใจ (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 24 : มาเลยเด็กๆ มาเริ่มหายใจมานากันเถอะ!

บทที่ 23 : สัมผัสมานา


บทที่ 23 : สัมผัสมานา

เขาได้รับเงินจาก JM เอเจนซี่

' อะไรนะ? นี่ฉันมีเงิน 50 ล้านวอนแล้วหรอ?

' นี่คือกำไรจากการล่าของร่างโคลนสองตัวภายในเวลาหนึ่งวันงั้นหรอ?'

ซังวูคิดเช่นนั้นและตัดสินใจตรวจสอบกับคังจุนโมเพื่อขอดูรายละเอียดเพิ่มเติม

“มันเป็นแบบนั้นจริงๆ 30 ล้านวอนนี้เป็นเงินที่ได้มาจากการล่า... ทำไมนายมองฉันแบบนั้น?”

“พี่ชาย~”

จู่ๆ คยองโดก็เรียกเขาว่าพี่

ซังวูมองไปที่คยองโด

“เอาล่ะ ในที่สุดนายก็รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพี่ชายคนนี้แล้วสินะ?”

“ครับพี่ โปรดช่วยดูแลผมในอนาคตด้วยครับ”

คยองโดรีบวิ่งเข้าไปกอดซังวูอย่างดุเดือดและแลบลิ้นออกมา

“เห้ย! ออกไปห่างๆ ฉันเลย!”

แม้ว่าซังวูจะแสดงท่าทีเหมือนล้อเล่น แต่เขาก็รู้สึกหวาดกลัวจริงๆ และพยายามจะวิ่งหนีอย่างเต็มที่

ทา-ดา-ดา-ดา-!

เนื่องจากความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงนี้ เขาจึงหนีจากคยองโดซึ่งมีค่าความแข็งแกร่งสูงได้อย่างง่ายดาย

และในตอนนั้นเอง...

[ สกิลการวิ่งถูกสร้างขึ้น ]

“ห้ะ?”

ซังวูหยุดครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าเขาได้รับสกิลมาอย่างกะทันหัน

จากนั้นเขาก็ถูกคยองโดตามทันโดยทันที

“ฉันรักนายน้า~ จุ๊บ~”

“ว้ากก!”

* * *

ซังวูกลับมาที่ห้องของเขา

“อ้า ไอ้สารเลวซกมกนั่น มันไม่เคยแปรงฟันรึไงกันนะ?”

ซังวูรู้สึกตกใจกับกลิ่นเน่าๆ ที่แผ่ออกมาจากใบหน้าของคยองโด

หลังจากล้างตัวในที่สุด เขาก็เปิดหน้าต่างค่าสถานะเพื่อตรวจสอบสกิลใหม่ของเขา

───────────────

[ สกิลการวิ่ง/ประเภทร่าย (Lv.1) ]: คุณจะได้รับเอฟเฟกต์เพิ่มเติมเมื่อคุณวิ่ง

- จะวิ่งได้เร็วขึ้นเล็กน้อย

- จะใช้พลังงานลดลง

───────────────

' มันก็ไม่ได้มีอะไรมาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย'

ซังวูคิดว่าในอนาคตร่างโคลนของเขาคงจะได้วิ่งบ่อยขึ้นเมื่อออกล่า

หลังจากยืนยันสกิลที่ได้รับมาแล้ว ซังวูก็ติดต่อคังจุนโมโดยทันที

-[ซังวู]: ผมได้ยืนยันจำนวนเงินเรียบร้อยแล้วนะครับ

-[ซังวู]: มันคือ 30 ล้านวอนใช่ไหมครับ?

หลังจากส่งข้อความไปไม่นาน เขาก็ได้รับคำตอบกลับจากคังจุนโม

-[คังจุนโม]: ใช่แล้วครับคุณฮันเตอร์ นี่เป็นรายได้จากการขายซากกระต่ายเขาเดียวเมื่อวันก่อน

เนื่องจากซากปลาสองขามีค่าน้อยกว่าที่คาดไว้ เขาจึงไม่ได้กลับไปล่าพวกมันอีกเลบนับตั้งแต่เขาได้รับดาบต้องสาปมา

และเนื่องจากเขามีเงินติดลบอยู่เนื่องจากการซื้อสกิลแฟมิเลีย ดังนั้นเขาจึงมุ่งเน้นไปที่การล่ากระต่ายเขาเดียว

ดาบต้องสาปเป็นดาบขึ้นสนิมที่ซังวูเก็บขึ้นมาได้ แต่มันก็เป็นชื่อชั่วคราวที่เขาตั้งให้เพราะเขายังไม่ได้ประเมินราคามันและยังไม่ทราบชื่อที่แน่นอนของมัน

-[คังจุนโม]: นอกจากนี้ จำนวนกระต่ายเขาเดียวที่ถูกล่าก็มีถึง 1,000 ตัวแล้ว ดังนั้นเราจึงน่าจะได้เงินรางวัลเพิ่มมาจากทางสมาคมอีกนะครับ

-[คังจุนโม]: ไว้ผมจะแจ้งให้คุณทราบเมื่อได้รับเงินมาแล้วนะครับ

-[ซัววู]: โอ้ เงินรางวัล ฮ่าๆ ใช่แล้ว ฉันเข้าใจแล้ว~

ยอดคงเหลือตอนนี้เขาอยู่ที่ 58 ล้านวอน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีเงินอีกงวดกำลังจะโอนเข้ามา

-[คังจุนโม]: โอ้ใช่ คุณฮันเตอร์ครับ ผมลืมบอกเรื่องการย้ายที่ล่าไป?

-[คังจุนโม]: การล่าในวันนี้ประสบความสำเร็จดีมากเลย!

-[ซังวู]: ดันเจี้ยนแรคคูนหนามหรอน่ะหรอครับ?

-[คังจุนโม]: ใช่ครับ ฮ่าๆ ร่างโคลนของคุณสามารถจัดการกับพวกมันได้อยู่หมัดเลย เงินที่ได้มาคราวนี้เองก็น่าจะเยอะมากเลยทีเดียว

แรคคูนหนามเป็นมอนสเตอร์แรงค์ E

แบบนี้แล้วซังวูฮันเตอร์แรงค์ F หรือร่างโคลนของเขาจะไปออกล่าในดันเจี้ยนแรงค์ E ได้อย่างไร?

ซังวูไม่อยากจะเชื่อมากนัก แต่คังจุนโมก็เริ่มอธิบายให้เขาฟังว่าการล่าวันนี้เป็นเช่นไร

* * *

ชายสองคนกำลังเดินผ่านป่าที่มีใบไม้ร่วงหล่น

เขาสวมกางเกงทหารและเสื้อยืดรัดรูปสีดำ นอกจากนี้ยังมีเสื้อเกราะกันกระสุนน้ำหนักเบาสีดำพร้อมกับซองแม็กกาซีนสวมทับเสื้อยืดของเขา และใบหน้าของเขาก็สวมหน้ากากสีดำและหมวกใบสีดำ ด้วยปืนพกในกระเป๋าและปืนไรเฟิล K2 ที่คล้องอยู่บนไหล่ มันก็ทำให้พวกเขาดูเหมือนกองกำลังพิเศษมาก แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะถือดาบขึ้นสนิมก็ตาม

เครื่องแต่งกายของพวกเขาคือเครื่องแต่งกายที่ฮันเตอร์ระดับต่ำส่วนมากมักใช้กัน

อย่างไรก็ตาม สีดำก็เป็นสิ่งที่ผิดไปจากคนปกติ

นี่เป็นเพราะที่นี่คือป่าที่มีใบไม้ร่วงหล่น

ชุดสีดำจะดูโดดเด่นมากในป่าสีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้งและต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา

ด้วยเหตุนี้เอง คะแนนการพรางตัวของพวกเขาจึงได้เพียง 3 เต็ม 10

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมในไม่ช้าพวกเขาจึงตกกลายเป็นเป้าหมายของมอนสเตอร์และเริ่มถูกโจมตี

พรึ่บ!

เสียงบางสิ่งที่กำลังใกล้เข้ามาดังขึ้น

คนที่อยู่ใกล้ๆ คือคนทางซ้าย

เขารีบยกปืนไรเฟิล K2 ที่เขาคล้องสะพายอยู่ขึ้นอย่างรวดเร็ว

ชายคนนั้นรีบจัดไหล่ของเขาให้เสร็จอย่างรวดเร็วและมองไปทุกทิศทุกทางรอบๆ ตัว

ในไม่ช้า มอนสเตอร์ก็ปรากฎตัวขึ้น

ร่างสีดำเตี้ยติดพื้นแต่มันก็วิ่งด้วยความเร็วสูง

ปัง!

แม้ว่าสถานการณ์จะเกิดขึ้นในพริบตา แต่ชายคนนั้นก็เล็งอย่างใจเย็นและยิงมันตายในนัดเดียว

มอนสเตอร์ที่ถูกยิงคือแรคคูนหนาม มันเป็นมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนแรคคูนแต่มีหนามปกคลุมทั้งตัว

หนามของมอนสเตอร์ตัวนี้ค่อนข้างแข็ง และมันก็เป็นมอนสเตอร์ที่อึดตายยาก

แต่ถึงอย่างนั้น คราวนี้มันก็ตายลงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

เหตุผลถูกเปิดเผยในซากของแรคคูนหนามที่ตายแล้ว

รูกระสุนแล่นทะลุระหว่างคิ้วของมัน

มันเป็นผลงานการยิงที่ประณีตมาก

และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มอนสเตอร์ก็เริ่มหลั่งไหลกันเข้ามา

ปัง!

ปัง! ปัง!

ชายสองคนหรือหมายเลข 1 และหมายเลข 2 เดินวนไปมารอบๆ และฆ่าเหล่าแรคคูนหนาม

แน่นอนว่านอกจากแรคคูนหนามแล้ว มันก็ยังมีมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ อีกด้วย เช่นจิ้งจอกแดงที่มีนิสัยชอบวิ่งเข้าหากลิ่นเลือด และมอนสเตอร์สุนัขที่มีโครงสร้างฟันขนาดใหญ่ผิดปกติ

เมื่อจำนวนมอนสเตอร์ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จำนวนมอนสเตอร์ที่เข้าประชิดพวกเขาได้ก็ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้น

จากนั้นในที่สุดร่างโคลนหมายเลข 2 ก็หยิบดาบขึ้นสนิมซึ่งเป็นดาบต้องสาปออกมา

หมายเลข 2 มีดวงตาสีแดงก่ำในทันทีที่มันชักดาบออกมา เขาเคลื่อนที่เร็วขึ้นเล็กน้อยและเริ่มแกว่งดาบของเขา

กรี๊ด-ฟ้าว-

มอนสเตอร์สุนัขและจิ้งจอกแดงมีเลือดไหลนองออกมาจากร่างเมื่อพวกมันถูกฟัน

อาจเป็นเพราะใบมีดทื่อ ดังนั้นมันจึงดูเหมือนจะถูกฉีกออกจากกันแทนที่จะถูกเฉือนขาด

[ มานาเพิ่มขึ้น 0.001 ]

แรคคูนหนามสามารถหลบไปทางด้านข้างได้ อาจเป็นเพราะเกราะหนามของมันแข็ง

อย่างไรก็ตาม ปืนพกในมือซ้ายของหมายเลข 2 ก็เล็งไปที่ใบหน้าของแรคคูนหนามโดยทันที

ปัง!

บางทีอาจเป็นเพราะผลของความกระหายเลือดที่ได้รับมาจากดาบต้องคำสาป หมายเลข 2 จึงพยายามกวาดล้างมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆ อย่างบ้าคลั่ง

ในทางตรงกันข้าม หมายเลข 1 ก็กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด

หมายเลข 1 ถือปืนไรเฟิล K2 ในมือขวา และปืนพกในมือซ้ายและยิงพวกมันอย่างเมามัน

เมื่อกระสุนของเขาหมดและต้องเติมแม็กกาซีน เขาก็ถูกมอนสเตอร์กัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ฉึก!

ขาของหมายเลข 1 ถูกกัดโดยมอนสเตอร์สุนัข มันตั้งใจที่จะฉีกขาเขาให้ขาดเป็นชิ้นๆ

อย่างไรก็ตาม หมายเลข 1 ก็เปลี่ยนแม็กกาซีนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเป่าหัวมอนสเตอร์สุนัขปลิกกระจาย

ในเวลานั้นเอง แรคคูนหนามที่อยู่ใกล้ๆ ก็กระโดดเข้ามาเกาะท้องของหมายเลข 1 และกางหนามทั่วร่างของมันออก

พรึ่บ-

หมายเลข 1 โดยเจาะทั้งตัวเหมือนรวงผึ้ง

อย่างไรก็ตาม หมายเลข 1 ก็ยังยิงกระสุนแสกหน้าแรคคูนหนามที่ห้อยอยู่บนร่างของเขาได้อย่างใจเย็น

ปัง!

แม้ว่าบาดแผลเหล่านี้อาจจะร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่หมายเลข 1 ก็กลับดูไม่กังวลใดๆ เลย

[ พลังฟื้นฟูเพิ่มขึ้น 0.001 ]

ในช่วงเวลาที่หมายเลข 1 กำลังดิ้นรนอยู่นั้นเอง หมายเลข 2 ซึ่งเคลียร์มอนสเตอร์รอบๆ เสร็จแล้วก็รีบเข้ามาช่วยหมายเลข 1

ปัง! ปัง! ปัง! ···

มอนสเตอร์ในระยะใกล้ถูกจัดการลง

ในท้ายที่สุด ร่างโคลนทั้งสองก็สามารถสังหารมอนสเตอร์ทั้งหมดลงได้

เมื่อการล่าสิ้นสุดลง ร่างโคลนทั้งสองก็เริ่มรวบรวมซากมอนสเตอร์และกองพวกมันไว้

แรคคูนหนามที่ติดอยู่บนร่างของหมายเลข 1 เองก็ถูกแกะออกและโยนกองไว้อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน

เมื่อกองซากมอนสเตอร์เนินสูงขึ้น ร่างโคลนทั้งสองก็เรียกทีมเก็บกู้ซากมาจัดการ

* * *

คำอธิบายของคังจุนโม ที่นี่ก็คือดันเจี้ยนแรงค์ E แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังถูกกวาดล้างลงด้วยร่างโคลนเพียงสองตัว

แม้ว่าหมายเลข 1 จะได้รับบาดเจ็บหนักมาก แต่พลังของดาบต้องสาปที่หมายเลข 2 ใช้ก็ได้รับการพิสูจน์แล้ว

เนื่องจากจำเป็นต้องรักษาหมายเลข 1 ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเรียกมันมาใหม่อีกครั้งในตอนเช้า

-[คังจุนโม]: ผมเห็นว่าร่างโคลนจับมนุษย์ปลาได้ ดังนั้นผมเลยส่งมันไปที่นั่นโดยหวังว่ามันจะไม่เกิดอะไรขึ้น

-[คังจุนโม]: ผมไม่เคยคิดเลยว่าร่างโคลนของคุณจะจัดการกับมอนสเตอร์แรงค์ E ได้จริงๆ

-[คังจุนโม]: นอกจากนี้ หนังของแรคคูนหนามที่จับมาได้ในครั้งนี้ก็ยังมีราคาแพงมากอีกด้วย

-[คังจุนโม]: คุณสามารถรอรับเงินได้เลยครับ

-[ซังวู]: ผมเข้าใจแล้วครับ ฮ่าๆ

-[ซังวู]: ในอนาคตก็ขอความกรุณาด้วยนะครับ~

-[คังจุนโม]: อีกไม่นานคุณก็คงจะได้กลายเป็นฮันเตอร์แรงค์ E แล้วนะครับ

-[ซังวู]: จริงหรอครับ?

-[คังจุนโม]: สิ่งที่คุณต้องทำก็มีแค่ลงดันเจี้ยนแรงค์ E อีกสองครั้งให้สำเร็จ ฮ่าฮ่าฮ่า

-[คังจุนโม]: เพราะงั้นขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยนะครับ!

-[ซังวู]: ขอบคุณครับ ฮ่าฮ่าฮ่า แต่คุณตัวแทนครับ แบบนี้แล้วคุณจะไม่ขาดทุนเอาหรอครับ?

-[คังจุนโม]: ไม่เป็นไรครับ~ คุณจะได้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นไงครับ

'คุณตัวแทนเองก็ทำเงินได้หลายล้านวอนต่อวันด้วย ในแง่ของเงินเดือน มันก็นับเป็นเงินหลายสิบล้านวอน'

แม้ว่าซังวูจะมีรายได้เกือบร้อยล้านวอนต่อเดือนก็ตาม แต่หากทำสัญญาที่ 7:3 ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมฮันเตอร์ ผลกำไรก็จะแตกต่างกันอย่างมาก

'เป็นความคิดที่ดีที่จะมองไปที่อนาคตและลดอัตราการชำระของตัวเองลง'

หลังจากการสนทนากับคังจุนโม ซังวูก็จมอยู่กับความคิด

จู่ๆ เขาก็สงสัยว่าคังจุนโมได้เงินไปเท่าไหร่

ดังนั้นเขาจึงเริ่มคำนวณเงินเดือนประจำปีของเขา

' ตอนนี้พอมาลองคิดดูแล้ว ฉันก็มีรายได้อย่างน้อย 10 ล้านวอนต่อวัน ซึ่งก็คือ 300 ล้านวอนต่อเดือน... หรือ 3.6 พันล้านวอนต่อปี...?'

หาเงินได้ปีละ 3.6 พันล้านวอน!

ว่ากันว่าฮันเตอร์แรงค์ F จะได้รับเงินเดือนโดยเฉลี่ยเทียบเท่ากับพนักงานบริษัทขนาดใหญ่ แต่นี่ก็เป็นตัวเลขที่ไร้สาระและยังเป็นตัวเลขโดยเฉลี่ย

คังจุนโมจะรับ 20% จากเขาหรือก็คือ 720 ล้านวอน

แน่นอนว่ายังมีประเด็นเรื่องภาษีอยู่

จากนั้นซังวูก็คิดออกสักทีว่ารายได้ของเขาคือเท่าใด

“เรียบร้อยแล้ว...”

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงในทางทฤษฎีเท่านั้น และไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตเขาจะสามารถทำกำไรได้เพิ่มมากกว่านี้หรือไม่ แต่ไม่ว่าจะในกรณีใด ซังวูก็เข้าใกล้ความสำเร็จไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว

' แต่ตอนนี้ฉันเป็นเพียงฮันเตอร์แรงค์ F เท่านั้น มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันกลายเป็นฮันเตอร์แรงค์ D, C,... หรือแรงค์ A?'

บทความเรื่องเงินเดือนประจำปีของฮันเตอร์แรงค์ D นั้นอยู่ที่ประมาณหมื่นล้านวอนต่อปี

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากซังวูมีร่างโคลนคอยช่วยด้วย เงินหลายหมื่นล้านวอนจึงต้องคูณด้วยจำนวนร่างโคลนที่เขามี

'ฉันจะทำเงินเป็นล้านล้าน... ไม่ใช่พันล้าน...?'

ซังวูไม่รู้จริงๆ ว่าในอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เกลียดความหวังและความคาดหวังเหล่านี้

กลับกัน มันทำให้เขารู้สึกมีแรงบันดาลใจด้วยซ้ำ!

เขากระโดดขึ้นจากที่นั่ง

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็รู้สึกเหมือนต้องทำอะไรสักอย่าง

' อืม... ฉันควรทำอะไรดี?'

หลังจากคิดอย่างใจเย็น เขาก็ตระหนักได้ว่าการฝึกหายใจมานาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

' เอาล่ะ ฉันจะต้องรู้สึกถึงมานาให้ได้ ไม่อย่างนั้นร่างโคลนของฉันก็คงจะใช้มันไม่... เดี๋ยวนะ ทำไมฉันไม่ลองให้ร่างโคลนพยายามสัมผัสถึงมานาดูแล้วฉันค่อยใช้สกิลแฟมิเลียกับพวกเขาแทนล่ะ?’

ด้วยเหตุนี้เอง ซังวูจึงนอนลงบนเตียงอีกครั้งและเริ่มนั่งสมาธิ

เขาพยายามสัมผัสถึงมานาอย่างเงียบๆ ผ่านร่างโคลนโดยใช้สกิลแฟมิเลีย

ความรู้สึกเสียวซ่าดำเนินต่อไปจนกระทั่งเขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง

โดยปกติแล้ว ซังวูก็คงจะเผลอหลับไปหลังจากผ่านไปไม่กี่นาที

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง วันนี้มันจึงรู้สึกแตกต่างออกไป

เขารู้สึกเหมือนเขาจะสามารถสัมผัสอะไรได้

และในที่สุดเขาก็ทำได้!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด