1314 - เส้นทางสิ้นสุด
13141314 - เส้นทางสิ้นสุด
“อสูรตัวนี้รู้วิธีเลือกเวลาที่เหมาะสมจริงๆ” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง
ในอดีตไม่รู้ว่ามีวิญญาณผู้กล้าตายไปแล้วกี่คน ทั่วทั้งดินแดนเต็มไปด้วยเลือดและความเศร้าโศก
ในสงครามครั้งใหญ่นี้มันอาจเป็นโอกาสที่หายากสำหรับอสูรผู้ยิ่งใหญ่ที่จะก้าวไปสู่ระดับต่อไปโดยใช้เลือดและวิญญาณของสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก
“เขาลงมือสังหารผู้คนหรือไม่?” เย่ฟ่านถาม
“ไม่ ผู้บ่มเพาะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของมนุษย์ นี่เป็นกฎที่กำหนดไว้ในสมัยโบราณ หากผู้ใดละเมิดจะต้องถูกลงโทษจากผู้บ่มเพาะทั่วโลก” ซีมาติกล่าว
เย่ฟ่านพยักหน้าและไม่กล่าวอะไร แต่ในใจเขากำลังคิดว่าเทพอสูรนั้นทรงพลังแค่ไหน
จากมุมมองของซีมาติในตอนนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจผิด อสูรตัวนั้นจะต้องส่งพลังอย่างแท้จริง ตามการสันนิษฐานของเย่ฟ่านอีกฝ่ายจะต้องเป็นผู้สูงสุดเป็นอย่างน้อย
“มันผิดปกติมาก ในยุคที่เต๋าเสื่อมทรามไปแล้วจะมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งขนาดนั้นได้อย่างไร” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง
“เผ่าพันธุ์นี้เกี่ยวข้องกับผังป๋อปลอมหรือเปล่า?” จู่ๆ เขาก็มีความคิดบางอย่างขึ้นมาในจิตใจ
จากข้อมูลที่ได้รับดูเหมือนน้ำในจงกั๋วนั้นจะลึกลับมากกว่าที่เขาคิด เขายังได้ยินซีมาติกล่าวว่าเขาพบกับสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวอีกชนิดหนึ่ง แต่พวกเขาไม่ได้รู้อะไรมากนัก
สุดท้ายพวกเขาทุกคนก็ออกเดินทางสู่ธิเบตเพื่อมุ่งหน้าสู่เขาหลิงซาน
พุทธศาสนาในอินเดียเสื่อมทรามไปแล้ว เหลือเพียงในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้นที่ยังคงเจริญรุ่งเรือง
ตามคำร่ำลือภูเขาหลิงซานถูกเคลื่อนย้ายออกจากอินเดียเพื่อมายังจงกั๋ว ในปัจจุบันมันน่าจะตั้งอยู่ที่ทิเบตซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางที่ใหญ่ที่สุดของพุทธศาสนาในจีน
หลิงซานเป็นวัดดั้งเดิมของพุทธศาสนา มันดำรงอยู่มาตั้งแต่ก่อนที่ศากยมุนีจะปลงผมบวชด้วยซ้ำ
หลังจากที่ศากยมุนีจะสถาปนาศาสนา มีผู้บ่มเพาะมากมายอาศัยอยู่ในหลิงซาน น่าเสียดายที่หลังจากพุทธศาสนาในอินเดียล่มสลายก็ไม่มีผู้ใดสามารถเปิดประตูสู่หลิงซานจากภายนอกได้
เย่ฟ่านไม่ได้พาเสี่ยวซ่งมาด้วย เพราะเขารู้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะต้องเปี่ยมไปด้วยอันตรายอย่างแน่นอน
ในภูเขาที่เย่ฟ่านเคยไปทุกอย่างยังคงเงียบสงบ ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า และมีเมฆเป็นบางครั้ง อากาศของที่นี่ยังคงบริสุทธิ์แตกต่างจากเมืองที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันคละคลุ้ง
เย่ฟ่านถือพระพุทธรูปหินเล็กๆ ไว้ในมือ หลังจากกระตุ้นด้วยทักษะเต๋า ในที่สุดตัวอักษรโบราณหลายตัวในร่างกายของเขาก็ปรากฏออกมา และเลือดสีทองของเขาก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
ทุกคนที่อยู่ในขบวนต่างพากันสั่นสะท้านและตกตะลึง ผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้พวกเขาแทบไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนในชีวิตนี้ ว่ากันว่าผู้ที่มีขอบเขตพลังที่ยิ่งใหญ่เหมือนเย่ฟ่านแทบจะตายไปจากโลกหมดแล้ว
ซีมาติและพระเฒ่าอีกสองคนได้สอนบทสวดที่ลึกลับให้เย่ฟ่าน หากเขาท่องมันภายในที่ตั้งของภูเขาหลิงซานเขาจะค้นพบประตูจะนำไปสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธศาสนา
เย่ฟ่านเดินไปข้างหน้าและท่องมนต์อย่างเงียบๆ พระพุทธรูปหินเปล่งประกายด้วยความร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ วงแหวนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านหลังศีรษะของพระพุทธรูปนั้นมีความสมจริงราวกับศากยมุนีฟื้นคืนชีพกลับคืนมาอีกครั้ง
“ตำนานเป็นความจริง ดูสิ จู่ๆ ภูเขาใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเจ้า” ซีมาติรู้สึกประหลาดใจ
สิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นภาพที่แปลกตามาก มีภูเขาสูงใหญ่ปรากฏบนขอบฟ้า มันสูงตระหง่านจนทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก
อย่างไรก็ตาม ภูเขาที่อยู่ตรงหน้านั้นกลับพร่ามัวมากและไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ทุกสิ่งปกคลุมไปด้วยความคลุมเครือ ดูเหมือนมีเพียงการเดินเข้าไปข้างในเท่านั้นจึงจะมองเห็นทัศนียภาพที่แท้จริงของมัน
“มีถนนปรากฏขึ้น แต่มันไม่สม่ำเสมอ ยังมีช่วงที่ขาดตอนอีกมาก…” พระเฒ่าชราอีกคนชี้ไปข้างหน้า
นี่คือถนนโบราณที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันปรากฏขึ้นอย่างไร้ร่องรอย และไม่มีใครรู้ว่ามันปรากฏขึ้นมาจากที่ไหน
“นี่คือ... ถนนที่นำไปสู่หลิงซาน!”
ซีมาติตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว แม้ว่าเขาจะเป็นผู้สืบทอดของศากยมุนีในรุ่นปัจจุบัน แต่ตัวเขาก็ไม่เคยเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนามาก่อน
“มันคือหลิงซานจริงๆ!”
ดวงตาของเย่ฟ่านเป็นประกาย ความรู้สึกของเขาเหมือนเช่นกับตอนที่ค้นพบพระพุทธรูปหินและเสี่ยวซง เพียงแต่มันรุนแรงมากกว่าหลายร้อยเท่า
ถนนโบราณคดเคี้ยวทุกคนก้าวไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น สถานการณ์เต็มไปด้วยความลึกลับและชวนขนหัวลุก
มีซากศพมากมายกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น นี่คือดินแดนแห่งความตายไม่มีความใกล้เคียงกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ศาสนาพุทธเล่าขาน
ภูเขาที่อยู่ไกลออกไปนั้นตั้งตระหง่านไปถึงท้องฟ้า เย่ฟ่านคิดว่ามันน่าจะมีความสูงหลายแสนวาและน่าจะเป็นภูเขาสูงที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น
“อา มีศพอยู่ข้างหน้า!” พระเฒ่าคนหนึ่งเดินเข้ามา
ถนนสายนี้เก่ามากราวกับไม่มีใครเดินมาแต่โบราณ มีซากศพมากมายกระจายอยู่ทั่วพื้น แต่ไม่มีซากศพใดที่มีลักษณะโดดเด่นเหมือนเช่นซากศพที่เขาชี้
นั่นก็เพราะศพนี้ยังคงลักษณะเดิมกับตอนที่เขาตายไว้โดยไม่มีส่วนใดบุบสลายแม้แต่น้อย นี่คือพระโบราณที่เต็มไปด้วยความสง่างามอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามหลังจากที่สัมผัสตัวเขาร่างกายและจีวรของพระโบราณนี้ก็แหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผงทันที
“เขาตายไปแล้วอย่างน้อยพันปีแล้ว” พระเฒ่าคนสุดท้ายที่ไม่เคยกล่าววาจาทอดถอนใจเบาๆ
มีอักษรโบราณเรียงเป็นแถวอยู่บนก้อนหินตรงหน้าซากศพ มันถูกเขียนด้วยภาษาสันสกฤตโบราณ แล้วดูเหมือนจะเป็นคำสั่งเสียสุดท้ายของเขา
ซีมาติเพ่งพินิจพิเคราะห์แล้วกล่าวสอบถามผู้เชี่ยวชาญภาษาสันสกฤตที่ติดตามมาด้วย
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญสองคนนั้นไม่ใช่ผู้บ่มเพาะ พวกเขามองไม่เห็นเส้นทางลึกลับรวมทั้งภูเขาหลิงซานที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาเพียงเดินตามทุกคนมาเรื่อยๆ เท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ซีมาติจึงขีดเขียนอักขระภาษาสันสกฤตเหล่านั้นลงไปบนพื้นเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนไขปริศนา
หลังจากถอดความอักขระเหล่านั้นแล้วทุกคนก็รู้ว่าต่อให้มาถึงภูเขาหลิงซานแล้วก็ใช่ว่าจะเข้าไปข้างในได้ พระเฒ่าที่เสียชีวิตคนนั้นติดอยู่ที่นี่หลายสิบปีและไม่มีทางเข้าไปข้างในได้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตด้วยความคับแค้น
พวกเขาไม่กล้ารอช้าและเดินทางต่อไป เย่ฟ่านมีความแข็งแกร่งมากที่สุดในกลุ่มดังนั้นเขาจึงถือพระพุทธรูปหินและท่องบทสวดโดยไม่หยุดพัก เขากลัวว่าหากเขาหยุดการท่องบทสวดนี้เมื่อใดภูเขาหลิงซานที่อยู่ตรงหน้าอาจจะหายไปทันที
“วัดที่ทรุดโทรม!”
ไม่นานทุกคนก็เห็นวัดโบราณ มีขนาดไม่ใหญ่นัก มีซากศพของพระเฒ่าอีกคนนั่งอยู่ในนั้น เขายังทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้เหมือนเช่นพระเฒ่าองค์ก่อน ถนนสู่ภูเขาซุนหลิงสิ้นสุดที่นี่ แม้จะมีเส้นทางทอดยาวอยู่ข้างหน้าแต่ก็ไม่มีหวังที่จะเข้าไปข้างใน
“นี่คือบุคคลที่มีพลังเหนือธรรมชาติมาก ผิวของเขามีสัมผัสสีทองอ่อน และเกือบจะได้เป็นพระอรหันต์” พระเฒ่าหลายคนพนมมือและสรรเสริญพุทธคุณอย่างเงียบๆ
เย่ฟ่านไม่ได้มุ่งหน้าต่อไปแต่เลือกพิจารณาอย่างรอบคอบ ถนนโบราณข้างหน้าเริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามันไม่มีวันสิ้นสุด
เขาไม่รู้ว่ามันนำไปที่ไหน แต่มั่นใจได้ว่ามันไม่ได้นำพวกเขาไปสู่ภูเขาหินซานอย่างแน่นอน เพราะถ้าถนนเส้นนี้นำพวกเขาไปสู่หลิงซานแล้วจริงๆ พวกเขาคงไปถึงภูเขาอันยิ่งใหญ่นั้นตั้งแต่หลายชั่วโมงที่แล้ว
สถานที่แห่งนี้กลายเป็นโลกแห่งความตายไปแล้ว มันไม่ได้มีความศักดิ์สิทธิ์เหมือนเช่นเขาพระสุเมรุอย่างที่เย่ฟ่านเคยไป เกิดอะไรขึ้นกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธะ?
…………