บทที่ 17 รากฐานของตัวแปรการเติมเต็มให้ชีวิต – ความเปรียบต่าง (Contrast)
บทที่ 17 รากฐานของตัวแปรการเติมเต็มให้ชีวิต – ความเปรียบต่าง (Contrast)
หนึ่งในความพิเศษของการทำงานเขียนเชิงพาณิชย์ คือความเปรียบต่าง – ความแตกต่างสุดขั้วอันทรงพลังกับความคาดหวัง
ไม่เกี่ยวกับว่าจะเป็นนวนิยายแฟนตาซีตะวันออกหรือนิยายประเภทอื่นๆ นวนิยายเรื่องใดที่ประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์ คือเรื่องที่เราสามารถมองเห็นร่องรอยของความเปรียบต่าง โดยทั่วไปจะกล่าวได้ว่า ยิ่งเรื่องมีความเปรียบต่างเข้มข้นชัดเจนมากเท่าไร นิยายเรื่องนั้นก็จะมีแรงดึงดูดผู้อ่านมากขึ้นเท่านั้น
หนังสือการ์ตูนและอะนิเมะเรื่องดัง “ฮิคารุเซียนโกะ” เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับกรณีนี้ ในเรื่อง “ฮิคารุเซียนโกะ” ตัวละครหลักเป็นมือใหม่อย่างสิ้นเชิงที่ไม่รู้กฎกติกาเกมโกะเลย อย่างไรก็ตาม วิญญาณที่สิงอยู่ในร่างของเขาคืออาจารย์สอนเล่นเกมโกะของจักรพรรดิในอดีต และเป็นอดีตแชมป์อันดับหนึ่งเกมโกะในช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่ ความเปรียบต่างที่สุดขั้วขนาดนี้จะทำให้ผู้อ่านเกิดความคาดหวังอย่างมากว่า ตัวละครหลักที่ถูกสอนโดยวิญญาณจะฝีมือก้าวหน้าไปไกลได้ขนาดไหน?
แท้ที่จริงการใช้ความเปรียบต่างในเรื่อง “ฮิคารุเซียนโกะ” ไปไกลกว่าที่ยกตัวอย่างข้างต้นเสียอีก เช่น เมื่อตัวละครหลักได้เรียนรู้พื้นฐานแล้วและลองเล่นเกมด้วยตนเอง เขาคือมือใหม่ฝีมืออ่อนหัดอย่างสิ้นเชิง แต่ถ้าเขาฟังคำสอนของวิญญาณ และให้วิญญาณเล่นแทนเขา เขาจะกลายเป็นยอดฝีมือระดับสูงไปทันที
นี่จะเป็นสาเหตุให้นักเล่นโกะมือใหม่อื่นๆ รอบตัวเขาเชื่อว่าตัวละครหลักฝีมืออ่อนหัดมากและดูถูกเขา ในขณะที่นักเล่นโกะมืออาชีพแถวหน้าจะประทับใจกับฝีมือแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของตัวละครหลัก ซึ่งจะสร้างความเปรียบต่างอย่างรุนแรง และเมื่อนักเล่นโกะมือใหม่เข้าไปยุ่งกับระดับมืออาชีพ อารมณ์ขันและดราม่าของเรื่องก็จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
ความเปรียบต่างที่พบใน “ฮิคารุเซียนโกะ” สามารถขยายเรื่องออกไปได้และใช้ได้กับนิยายทุกประเภท ยกตัวอย่างเช่น ในนิยายศิลปะการต่อสู้ คุณสามารถออกแบบเรื่องราวพื้นฐานตามนี้ได้ จอมยุทธ์มือหนึ่งระดับโลก ในที่สุดก็พบจุดจบเสียชีวิต แต่วิญญาณของเขาไม่ได้สูญสลายไป กลับไปสิงร่างเด็กชายวัยรุ่นจากสำนักฝึกวิชาแห่งหนึ่ง เด็กคนนี้ไม่มีฝีมือการต่อสู้แม้แต่นิดเดียว แต่อย่างไรก็ตาม วิญญาณที่สิงเด็กชายเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ นี่จะเป็นการสร้างความเปรียบต่างอย่างทรงพลัง และยังทำให้การเขียนเรื่องราวต่อเนื่องได้ง่ายอีกด้วย ยกตัวอย่าง ฝีมือวิชาการต่อสู้ของเด็กชายจะพุ่งขึ้นรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ ในบางโอกาสเขาจะแสดงฝีมือสุดยอดออกมา เขาอาจโชว์ออกมาหนึ่งหรือสองกระบวนท่า และทำให้ทุกคนเกิดความสับสนว่าเด็กชายมีฝีมือเก่งกาจหรืออ่อนหัด... เหตุการณ์เหล่านี้จะเป็นจุดขายที่ดีมาก
แน่นอนว่ามีวิธีการนับไม่ถ้วนที่จะสร้างความเปรียบต่าง ไม่ได้จำกัดแค่ดังที่กล่าวมา แต่ถ้าจะเปรียบเทียบกันแล้ว นิยายประเภทกลับชาติมาเกิดหรือวิญญาณเข้าสิง เป็นแนวเรื่องที่ง่ายที่สุดที่จะแสดงความเปรียบต่าง โดยเฉพาะที่ตัวละครหลักของเรื่อง
ในนวนิยายประเภทนี้ วิญญาณตัวละครหลักไปเข้าสิงร่างคนอื่น หรือย้อนกลับไปเข้าร่างตนเองในอดีตเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ร่างกาย วิธีคิด ความรู้ เทคนิค ฯลฯ จะเกิดผลเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนและหลังการถูกเข้าสิง และสร้างปรากฏการณ์ความเปรียบต่างที่ทรงพลังมาก
ยกตัวอย่างเช่น มีหนังสือออกใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ พล็อตเรื่องเกี่ยวกับหัวหน้านักบวชเส้าหลิน กลับมาเกิดใหม่กับอีกโลกหนึ่งในร่างของเพลย์บอยชื่อเสียงแย่ๆ คนหนึ่ง นอกจากความแตกต่างโดยทั่วไปของศิลปะการต่อสู้แล้ว เนื่องจากหัวหน้านักบวชเส้าหลินเป็นยอดฝีมือการต่อสู้ ในขณะที่เพลย์บอยคือคนไร้ค่าและไม่เคยเรียนฝึกฝนวิชาอะไรเลย และมีความเปรียบต่างเรื่องจริยธรรมด้วยเช่นกัน หัวหน้านักบวชเส้าหลินเป็นคนมีระเบียบวินัย ปฏิบัติธรรมตามพระไตรปิฎกของพระพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด มีจริยธรรมและเชื่อถือได้ ในขณะที่เพลย์บอยเป็นที่รู้กันอยู่เรื่องการทำแต่สิ่งเลวร้ายเป็นประจำ และเชื่อถือไม่ได้ อีกทั้งยังทะลึ่งตึงตังเป็นนิสัย ด้วยความเปรียบต่างเช่นนั้น มุกตลกและดราม่าจะเกิดขึ้นกับเรื่องโดยธรรมชาติ
หรือคุณอาจแม้กระทั่งสลับวิธีการที่กล่าวมา เป็นเพลย์บอยที่มาเกิดใหม่ในร่างกายของนักบวชอาวุโสที่น่านับถือ วิธีนี้ ความเปรียบต่างจะเกิดขึ้น และมุขตลกและดราม่าก็จะเกิดขึ้นด้วยอย่างแน่นอน ถ้าคุณเปลี่ยนเป็นแบบนี้ ตัวละครหลักจะมีบุคลิกและคุณสมบัติจะแตกต่างออกไป แล้วการดำเนินเรื่องก็จะเปลี่ยนไปเป็นอีกประเภทอย่างสิ้นเชิง แล้วคุณจำเป็นจะต้องเปลี่ยนสไตล์การเขียนเรื่องนี้ไปด้วย
หากคุณต้องการให้มีความแตกต่างที่ตัวละครหลัก คุณไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเรื่องแนวกลับชาติมาเกิดแต่อย่างเดียว ที่จริงแล้วมีวิธีการซ้ำซากมากมายให้ใช้ เพื่อแสดงความเปลี่ยนแปลงของตัวละครหลัก ตัวอย่างเช่น ในนิยายจีนกำลังภายในมากมาย ตัวละครหลักบังเอิญไปได้กินผลไม้วิเศษ หรือได้รับเทคนิคเคล็ดวิชาชั้นยอด กับเงื่อนไขนี้ ตัวละครที่ก่อนหน้าเคยอ่อนแอมาก่อนและพลังที่ได้รับภายหลัง จะสร้างความเปรียบต่างเช่นกัน และทำให้ผู้อ่านสร้างความคาดหวังและคอยติดตามต่อไป
ยังมีเทคนิคการเขียนเรื่องอีกแบบหนึ่งซึ่งเป็นเชิงพาณิชย์มากกว่าแบบที่แล้วเสียอีก นั่นคือการแกล้งทำเป็นอ่อนแอแม้ว่าความเป็นจริงแล้วเป็นคนแข็งแกร่ง ที่จริงแล้วนี่ก็คือการใช้ความเปรียบต่างกับตัวละครหลักของคุณเหมือนกัน หรือจะพูดให้ชัดๆ ก็คือ ตัวละครหลักแข็งแกร่งแต่เป็นความลับ ขณะที่เขาแกล้งแสดงทำเป็นอ่อนแอให้คนอื่นดู เป็นการสร้างความเปรียบต่างที่ทรงพลังมาก แม้ว่าวิธีนี้จะเป็นวิธีสุดยอดแห่งความซ้ำซาก แต่มันยังเป็นวิธีซ้ำซากที่ใช้เรียกผู้อ่านอย่างได้ผลตลอดกาล
นอกจากความเปรียบต่างในตนเองของตัวละครหลัก แน่นอนว่ายังมีความเปรียบต่างของตัวละครหลักกับตัวละครอื่นๆ ด้วย ความเปรียบต่างนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการนำเสนอเรื่องของตัวละครหลักที่ถอดวิญญาณย้อนกลับไปในอดีต เนื่องจากตัวละครหลักกลับไปยุคโบราณ ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่และวิธีคิดของเขาจะสร้างความเปรียบต่างอันทรงพลังกับผู้คนในยุคนั้น อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้า ตราบใดที่ความเปรียบต่างสุดขั้วปรากฏขึ้น เรื่องราวจะพัฒนาและดำเนินไปด้วยตัวมันเองพร้อมกับเสน่ห์เฉพาะตัวของเรื่องนั้นๆ
ที่จริงแล้ว ตราบใดที่คุณดูให้ถี่ถ้วน คุณจะพบว่าวิธีการเขียนเชิงพาณิชย์ที่ซ้ำซากเกือบทั้งหมด จะแสดงความเปรียบต่างออกมาให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างเลยทีเดียว ถ้าปราศจากความแตกต่างกันอย่างสุดขั้วแล้ว ความน่าสนใจของเรื่องจะถูกจำกัดอย่างมาก นอกจากว่านักเขียนเองจะมีฝีมือยอดเยี่ยมในการเขียนงานประเภทเรียงความอย่างมาก ไม่อย่างนั้น เรื่องจะกลายเป็นจืดชืดและน่าเบื่อเป็นอย่างมาก
ลองดูตัวอย่างกัน สมมติว่าคุณเขียนเรื่องเกี่ยวกับสุดยอดฝีมือกังฟูคนหนึ่ง หากคุณคอยแต่อธิบายมากมายเป็นน้ำท่วมทุ่งว่าเขาเก่งกาจมากแค่ไหน เรื่องมันจะกลายเป็นน่าเบื่อเกินเหตุอย่างเหลือเชื่อ แต่ถ้ามีตัวละครอื่นเพื่อเปรียบเทียบ แล้วมีการกล่าวว่าตัวละครหลักมีฝีมือแข็งแกร่งกว่าสุดยอดฝีมือคนนั้น นั่นจะทำให้เรื่องมีชีวิตชีวามากขึ้นมากเลยทีเดียว และตัวละครหลักจะเก่งกว่ายอดฝีมือคนนั้นแค่ไหน นั่นก็ตัดสินใจได้ง่ายเช่นกัน คุณอาจจะให้ตัวละครหลักกับยอดฝีมือกังฟูต่อสู้กันสามวันสามคืน หรือให้ตัวละครหลักเอาชนะยอดฝีมือกังฟูเพียงหมัดเดียว ตราบใดที่มีความเปรียบต่าง ทุกสิ่งกลายเป็นง่ายขึ้นมาก
ยังมีวิธีคล้ายกันที่สามารถใช้ได้ หากคุณเขียนเกี่ยวกับว่า ตัวละครหลักเอาชนะศัตรูบางคนได้อย่างไร ผู้อ่านคงไม่รู้สึกอะไรนัก แต่ถ้าคุณเขียนย้ำไปตลอดเรื่องว่าศัตรูมีความทรงพลังและชั่วร้ายมากแค่ไหน ก่อนการต่อสู้ และเขียนเกี่ยวกับความหยิ่งผยองและดูถูกทุกคนของศัตรู อีกทั้งผู้คนต่างไม่มีความมั่นใจในตัวละครหลัก และเพื่อนๆ ต่างเป็นกังวลต่อตัวละครหลัก หรือเขียนเกี่ยวกับว่าการต่อสู้ครั้งนี้สำคัญเพียงไร หลังจากนั้นเขียนให้ตัวละครหลักชนะการต่อสู้ในขณะที่พวกศัตรูพากันช็อกและไม่เชื่อสายตาตนเอง ผู้ชมพากันอ้าปากค้าง เพื่อนๆ ต่างไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจ ด้วยความเปรียบต่างแบบนี้ ผู้อ่านจะกลายเป็นรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องไปด้วยอย่างมาก
บทสรุปจากที่กล่าวมาในบทความนี้ ความเปรียบต่างนั้นเป็นตัวแปรที่จำเป็นอย่างมากในงานเขียนเชิงพาณิชย์ การจะเป็นที่หนึ่งในโลก มันต้องการที่สองมาเป็นความเปรียบต่าง นวนิยายยอดนิยม ยังต้องการมีความเปรียบต่างจากนวนิยายเรื่องอื่นในประเภทเดียวกัน การเขียนงานเชิงพาณิชย์ นักเขียนจำเป็นต้องพิจารณาถึงวิธีที่จะเขียนให้งานออกมามีความเปรียบต่างรุนแรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้
..................................................................................