1311 - ภูเขาหลิงซาน
1311 - ภูเขาหลิงซาน
ในอีกสองวันเย่ฟ่านตกลงนัดพบ ดูว่าใครคือคนที่รู้ความจริงและจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้จริงหรือไม่
เมืองนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีความโบราณอยู่บ้างแต่เต็มไปด้วยความทันสมัย เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในจีน ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมามีความเจริญรุ่งเรืองที่มากขึ้นเรื่อยๆ
เย่ฟ่านเดินเท้าบนถนนที่มีผู้คนเดินผ่านไปมา ผู้คนพลุกพล่าน จากการเดินทางมาแล้วหลายปี การได้เดินในสถานที่เช่นนี้เหมือนเขาอยู่ในอีกโลกหนี่ง
แม้ว่าเขาจะกลับมาได้ไม่กี่วัน แต่เขากลับจมอยู่โลกของตัวเองไม่สามารถหลุดพ้นจากสิ่งนี้ เขาไม่เคยชื่นชอบความวุ่นวายของเมืองนี้เลย
ต้องบอกว่าเมืองนี้มีความเจริญรุ่งเรืองที่เร็วมาก ตึกสูงหลายตึกเรียงรายกัน ถนนคนเดินแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวางร้านค้าเป็นแถวยาว ผู้คนสัญจรไม่มีสิ้นสุด
ทันใดนั้น เย่ฟ่านก็เห็นโปสเตอร์ที่แสดงให้เห็นแจกันอันประณีต เปล่งประกายกลิ่นอายที่ลึกลับ เหมือนกับสมบัติที่งดงาม
เขาตกใจเพราะนี่คือสมบัติของผู้บ่มเพาะ เมื่อมองไปใกล้ๆยิ่งทำให้เขาตกตะลึง นี่เป็นสมบัติที่เขาให้นำไปประมูลไม่ใช่หรือ?
หลังจากการสังเกตอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาพบว่านี่เป็นการโฆษณาโดยหอประมูลเพื่อการเพิ่มกำไรให้ได้ในราคาที่สูงขึ้น
ตอนแรกพวกเขาต้องการขายแจกันนี้เป็นชิ้นเดียว แต่เย่ฟ่านไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น คุณภาพหยกชนิดนี้สูงมากไม่มีอะไรมาเทียบได้เขาจึงแยกพวกมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยตัวเอง
แต่ละชิ้นมีราคาแพงมาก หลังจากที่ขายได้สองชิ้นพวกเขาจึงประกาศต่อสาธารณะว่าหากใครรวบรวมสมบัติเหล่านี้ได้ทั้งหมดมันจะสามารถประกอบกันเข้ากลายเป็นแจกันขนาดใหญ่ได้!
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเหตุการณ์นี้สร้างความฮือฮาและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทุกที่ในเมืองเต็มไปด้วยโปสเตอร์โปรโมท
ด้วยการขายหยกชิ้นที่สามและชิ้นที่สี่ ทำให้ทั่วโลกต่างตกตะลึง นี่เป็นสมบัติที่หายาก
ราคาพุ่งทะลุฟ้า!
หยกทุกชิ้นราคาสูง ปริมาณการทำธุรกรรมสูงจนน่าตกใจ สื่อหลักๆรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยต่างแข่งขันกันเพื่อทำข่าว
นี่เป็นหยกที่หายาก เพราะเย่ฟ่านขัดเกลาและทำมันด้วยความรพมัดระวังอย่างไร้ที่ติ
ราคาของหยกชิ้นนี้เทียบได้กับหยกที่แพงที่สุดในโลกแล้ว
หอประมูลมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก เพียงมองแวบเดียวพวกเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่เป็นหยกที่มีอายุหลายพันปีดังนั้นหลายคนจึงต้องการแย่งชิงกันมาครอบครองให้ได้
ในอดีตแจกันนี้เหมือนจะเคยถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณ มันเป็นขวดที่มีลักษณะคล้ายกับแจกันของเจ้าแม่กวนอิมอย่างไม่ผิดเพี้ยน
ข้อมูลนี้ดึงดูดความสนใจอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะรู้ว่าไม่เป็นความจริงก็ตาม
“บางทีอาจจะเป็นแจกันสมบัติที่เจ้าแม่กวนอิมทิ้งไว้ในโลกนี้จริงๆ มีใครเคยเห็นหยกที่ไร้ตำหนิเช่นนี้หรือไม่” แม้แต่คนธรรมดาเองก็เริ่มกล่าวถึงมัน
โฆษณาชวนเชื่อของหอประมูลผู้พิทักษ์ประสบความสำเร็จอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
การถกเถียงกันอย่างดุเดือดถึงจุดสูงสุด มีปรมาจารย์จากอินเดีย พระเฒ่าหลายรูปเข้ามาในโรงประมูล อย่างไรก็ตามทันทีที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความศักดิ์สิทธิ์ของแจกันสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
จากนั้นพระเฒ่าทุกคนก็เริ่มสวดสรรเสริญพุทธคุณอย่างนอบน้อม
เหตุการณ์นี้ถูกถ่ายภาพและโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ตทำให้เกิดความโกลาหล บางคนจำได้ว่าพระเฒ่าคนหนึ่งเป็นปรมาจารย์ชาวอินเดีย
ในปัจจุบัน แม้ว่าในอินเดียศาสนาพุทธจะเสื่อมถอยไปแล้ว มีผู้ศรัทธาคิดไม่ถึงหนึ่งส่วนของประชากรทั้งหมด แต่สถานที่แห่งนั้นยังคงเป็นรากฐานแห่งพุทธศาสนา
แจกันสมบัติจากพระแม่กวนอิมที่เหลือออยู่ในโลก ได้กลายเป็นหัวข้อบทสนทาใหม่ และราคาของแจกันก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง!
เย่ฟ่านตกตะลึงจนพูดไม่ออก นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของเขา เย่ฟ่านไม่คิดว่ามันจะมาถึงจุดนี้ได้
สองวันต่อมา
เย่ฟ่านได้พบกับปรมาจารย์สี่คนในโรงน้ำชาโบราณ
พวกเขาพบกันเป็นครั้งแรก เย่ฟ่านงุนงงเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นว่าปรมาจารย์อินเดียใช้โทรศัพท์มือถือในการสื่อสารกับผู้คนได้อย่างชำนาญ
ฟ่านจิงเล่าว่าท่านอาจารย์ได้เจอกับเหตุการณ์ที่ตื่นเต้น เขากำลังเรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียประมูลแจกันนี้กลับไปให้ได้เพราะนี่คือสมบัติแห่งพุทธกาลอย่างแน่นอน
เย่ฟ่านตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง เจอกันที่เขาเคยใช้บรรจุน้ำพุศักดิ์สิทธิ์จะมีความยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้ เป็นเรื่องที่เขาคิดไม่ถึงจริงๆ
หลังจากการพูดคุยกันเล็กน้อย เขาพบว่าปรมาจารย์ทุกคนไม่ได้เป็นผู้บ่มเพาะ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เข้าสู่อาณาจักรน้ำพุแห่งชีวิต
เขาส่ายหน้า มันเป็นไม่ได้ที่คนเหล่านี้จะบุกทะลวงไปถึงขอบเขตสูงสุดของอาณาจักรกงล้อแห่งทะเล นั่นก็เพราะพวกเขามีอายุยืนยาวมากเกินไป
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ดูหมิ่นพระเฒ่า โลกใบนี้สูญสิ้นผู้บ่มเพาะไปนานแล้วการที่อีกฝ่ายมาถึงขอบเขตนี้ได้เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง
หากอยู่ในดินแดนดวงดาวเป่ยโต่ว เย่ฟ่านเชื่อมั่นว่าคนเหล่านี้จะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเซียนเทียมขั้นสามเป็นอย่างน้อย
“อาจารย์ ทำไมคุณถึงสนใจแจกันนั่นล่ะ?” เย่ฟ่านถามอย่างสบายๆ
“นั่นเป็นศิลปะวัตถุธรรม ถึงแเม้มันจะเคยหายไปแล้ว แต่เราก็ยังต้องการมัน” พระรูปหนึ่งตอบ
เย่ฟ่านพยักหน้า แม้ว่าคนเหล่าไม่ได้รู้มากพออ แต่ก็พอยังรู้อยู่บ้าง
พระเฒ่าหลายรูปมีอายุมากกว่าร้อยปี โดยเฉพาะพระอาจารย์ที่ก้าวเข้าสู่อาณาจักรน้ำพุแห่งชีวิตมีอายุยืนยาวถึงหนึ่งร้อยยี่สิบปี พวกเขาล้วนมีพลังและศรัทธา ซึ่งแตกต่างจากผู้คนทั่วไปที่ยึดมั่นในกิเลส
คนเหล่านี้ถ่อมตัวมาก จากนั้นพวกเขาก็บอกเย่ฟ่านเกี่ยวกับเหตุการณ์แปลกๆ ที่พวกเขาคิดว่าน่าจะเป็นผู้บ่มเพาะของโลกใบนี้สร้างขึ้น
ในอดีตอาจารย์ของพวกเขากล่าวว่า เคยเห็นเซียนคนหนึ่งเคยช่วยเหลือเด็กน้อยจากการถูกช้างเหยียบ เห็นพระท่านหนึ่งนั่งสมาธิอยู่ในอากาศเป็นเวลาหลายชั่วโมง นอกจากนี้ร่างกายของพระเฒ่ายังเปล่งประกายด้วยแสงสีทองอีกด้วย
เย่ฟ่านพยักหน้าฟังไม่ได้พูดอะไร
ยุคสิ้นเต๋าเป็นความโศกเศร้าของผู้บ่มเพาะ การที่ผู้บ่มเพาะทุกคนในโลกมาถึงขอบเขตนี้ได้นับเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่งแล้ว
เขาถอนหายใจเบาๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะหาผู้บ่มเพาะที่แท้จริงบนโลกนี้
ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีพะเฒ่าหลายรูปเอ่ยถึงอักษรโบราณเหล่านั้นด้วยสีหน้าจริงจัง
ปราจารย์หลายคนถามเย่ฟ่านว่า ได้อักษรสันสกฤตโบราณมาจากที่ไหน มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขา
“พวกท่านรู้จักตัวอักษรเหล่านั้น? หมายความว่าอย่างไร?” เย่ฟ่านถาม
พระเฒ่าไม่ได้พูดอะไร พวกเขาเป็นนักบวชจึงไม่ต้องการกล่าวมุสา อย่างไรก็ตามทุกคนรู้ดีว่านี่เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถตัดสินใจได้
สุดท้ายพระเฒ่าที่มีอายุมากกว่าร้อยยี่สิบปีได้โทรศัพท์กลับไปที่อินเดียเพื่อสอบถามผู้มีอำนาจที่แท้จริง ก่อนจะหันกลับมากล่าวกับเย่ฟ่านว่า
“อาจารย์ของอาตมาบอกว่า หากประสกเปิดเผยต้นกำเนิดของสิ่งนี้ได้อาจารย์ของอาตมาจะนำทางประสบไปสู่หลิงซาน”
“หลิงซานสถานที่ที่พระโพธิสัตว์แห่งพุทธะสิงสถิตอยู่?” ดวงตาของเย่ฟ่านเป็นประกาย
“ใช่” พระเฒ่าหลายรูปพยักหน้า
“พวกท่านเชื่อว่ามันมีจริงหรือไม่?” เย่ฟ่านถามอย่างจริงจัง
“มี มันอยู่ในดินแดนตะวันตก แต่หลังจากที่พระโพธิสัตว์พุทธเจ้าองค์สุดท้ายปรินิพพานแล้ว สถานที่นั้นก็ปิดลง”
พระเฒ่าทุกคนกล่าวว่านี่เป็นความลับอันยิ่งใหญ่ที่ตกทอดมาตั้งแต่ยุคบรรพกาล มีเพียงผู้นำของศาสนาพุทธในรุ่นปัจจุบันเท่านั้นที่สามารถเปิดทางเชื่อมต่อนั้นได้
“สมกับที่เป็นมรดกดั้งเดิมของพุทธศาสนา ดูเหมือนว่าจะมีสถานที่ลึกลับนี้จริงๆ ในตอนที่ฉันกลับมายังโลกได้มองเห็นภูเขาขนาดใหญ่ที่สูงตระหง่านถึงท้องฟ้า มันยังมีความสุขมากกว่าเขาพระสุเมรุด้วยซ้ำ บางทีนั่นอาจจะเป็นภูเขาหลิงซานก็ได้” เย่ฟ่านคิดกับตัวเอง
…………….