บทที่ 13 : คนมีฝีมือราคาไม่ถูก
บทที่ 13 : คนมีฝีมือราคาไม่ถูก
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องแปลกใจ มันเป็นเรื่องเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วน่ะครับ เนื่องจากเหตุการณ์มอนสเตอร์หลุดที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ภูเขาอูจังซานจึงกลายมาเป็นสถานที่อันตรายที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ อย่างไรก็ตาม มอนสเตอร์ระดับสูงส่วนใหญ่ก็ได้ถูกกำจัดออกไปแล้ว และสิ่งที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงมอนสเตอร์ระดับต่ำตั้งแต่ F ถึง E นั่นจึงทำให้ที่นี่เป็นพื้นที่ล่าที่ดีมากในหมู่ฮันเตอร์ และเหนือสิ่งอื่นใด สถานที่แห่งนี้ก็มีชื่อเสียงในด้านจำนวนกระต่ายเขาเดียวด้วยนะครับ”
“อ่า...”
“เอาล่ะ เชิญเข้าไปก่อนเลยครับ”
ปัง! ปัง!
ก่อนเข้าไปในกำแพง เสียงปืนก็ดังมาจากภายในกำแพง
' ฉันได้ยินมาว่าราคาบ้านแถวนี้มีราคาถูกมาก บางทีมันคงเป็นเพราะเรื่องนี้แน่ๆ”
ซังวูเดินเข้าไปพร้อมกับคังจุนโมในขณะที่คิดไปเรื่อยเปื่อย
เนื่องจากหมายเลข 2 ไม่มีกำไลระบุตัวตน เขาจึงอาจถูกจับได้ในระหว่างการทดสอบระบุตัวตน ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงถูกสั่งให้ไปออกกำลังกายในลานว่างใกล้เคียงก่อน
ค่าเข้าของที่นี่อยู่ที่ 50,000 วอนต่อคน
“ค่าเข้ามันไม่แพงเกินไปหน่อยหรอ?”
“เมื่อพิจารณาถึงการทำงานหนักของฮันเตอร์และกองทัพที่สร้างกำแพงนี้ขึ้นมาแล้ว และรวมถึงค่าบำรุงรักษาและการจัดการอีก มันก็ไม่ได้แพงอะไรขนาดนั้นหรอกครับ”
“โอ้ ผมเข้าใจแล้วครับ”
คนทั้งสองเดินเข้าไปในสถานีรักษาความปลอดภัย พวกเขาเคลื่อนตัวไปตามบันไดทางเดินบนกำแพง ขณะที่เดิน ซังวูก็มองผ่านหน้าต่างกระจก เขาเห็นกระต่ายเขาเดียวกัดกัน ทะเลาะกัน หรือไม่ก็วิ่งวนไปมาอยู่ทุกที่
' มันมีเยอะเต็มไปหมดเลย'
กำแพงนี้มีแนวกั้นรวมสามชั้น และเมื่อเขาขึ้นไปถึงชั้นบน มันก็มีฮันเตอร์ที่ถือปืนไรเฟิลจำนวนมากกำลังล่ากระต่ายเขาเดียวอยู่
ปัง! ปัง!
ฮันเตอร์ที่สวมที่อุดหูตะโกนเสียงดังพร้อมกับเสียงปืนดังกึกก้อง
“พลาดอีกแล้ว บัดสบ!”
“ทำไมวันนี้มันแย่จัง! ฉันควรย้ายที่ดีไหมเนี่ย”
“อะไรนะคุณคิม! ฉันไม่สามารถได้ยินเสียงคุณเลย!”
เมื่อเห็นฉากนี้ ซังวูก็รู้สึกเหมือนกำลังดูผู้ชายออกไปตกปลา
ความแตกต่างก็คือ แทนที่จะเป็นบรรยากาศที่เงียบสงบ มันกลับเต็มไปด้วยเสียงปืนแทนเสียงหมุนคันเบ็ด
“คุณตัวแทน! ที่นี่! มันเสียงดังมากจริงๆ!”
“ใช่! เราไปที่นั่นกันก่อนเถอะ!”
ทั้งสองเดินต่อไปและลงหลักปักฐานอยู่ในสถานที่ซึ่งมีฮันเตอร์ไม่มากนัก
จากนั้นเสียงก็เงียบลงและการสนทนาก็ง่ายขึ้น
“การล่ากระต่ายเขาเดียวนั้นไม่ได้มีอะไรพิเศษ คุณสามารถล่าอยู่ที่นี่ได้อย่างปลอดภัย และถ้าคุณเห็นกระต่ายเขาเดียว ก็ให้เล็งแล้วยิงเพื่อจับพวกมัน”
“อ่า แต่ผมจะเอากระต่ายเขาเดียวที่ผมล่าได้กลับมาได้ยังไงกัน?”
“คุณสามารถใช้สิ่งนี้ได้ครับ”
คังจุนโมหยิบบางอย่างที่ดูเหมือนปืนฉมวกออกมาจากกระเป๋าที่เขาแยกไว้ ปืนฉมวกนี้ดูเหมือนกับหน้าไม้ แต่สิ่งที่แนบมาด้วยนั้นก็ดูเหมือนฉมวกมากกว่าที่จะเป็นลูกธนู มันค่อนข้างใหญ่และหนัก มันมีเชือกติดอยู่กับปลายฉมวกและอุปกรณ์ดึงกลับ
“คุณแค่เล็งปืนฉมวกไปที่ซากกระต่ายเขาเดียวที่คุณจับได้ จากนั้นคุณก็กดปุ่มดึงมันกลับมา”
“มันดูง่ายจัง มันให้ความรู้สึกเหมือนกับไปตกปลาเลย ว่าแต่นี่มันไม่ได้ปลอดภัยกว่าการล่าสไลม์หรอกหรอครับ?”
ซังวูคิดว่าวิธีล่าในปัจจุบันนั้นมีความปลอดภัยมากกว่ามาก
“มันอาจดูเหมือนเป็นอย่างนั้นเมื่อมองแวบแรก แต่นี่ก็เป็นสิทธิพิเศษที่คุณสามารถเพลิดเพลินได้เพราะนี่คือภูมิประเทศพิเศษที่ทางกองทัพได้ทำการจัดเตรียมไว้ให้ ความจริงแล้ว มันก็ยังมีความเป็นไปได้ที่คุณจะเจอกระต่ายเขาเดียวหลุดเข้ามาในบริเวณนี้ และเนื่องจากความเร็วของมัน มันจึงไม่แปลกที่คุณจะได้รับบาดเจ็บจากพวกมัน”
“ท้ายที่สุดแล้ว บางตัวก็อาจกระโดดข้ามกำแพงเข้ามาเพื่อโจมตีได้ นอกจากนี้ มันก็ไม่ได้มีแค่กระต่ายเขาเดียวเพียงตัวเดียวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ดังนั้นแล้ว คุณจึงอาจถูกโจมตีโดยมอนสเตอร์ตัวอื่นที่เป็นอันตรายอีกไป ด้วยเหตุนี้เอง สไลม์ซึ่งปล่อยก๊าซพิษและปัดเป่ามอนสเตอร์ตัวอื่นๆ ออกไปนั้นจึงเป็นมอนสเตอร์ที่ปลอดภัยที่สุดในการล่าเนื่องจากมันมีตัวแปรเล็กน้อยในการล่าพวกมัน”
ซังวูเข้าใจคำพูดของคังจุนโมได้ในทันที
“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม คุณก็ต้องลองล่าพวกมันดูก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าการล่ากระต่ายเขาเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย”
คังจุนโมพูดออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้ม แต่ซังวูก็เพิกเฉยต่อคำเหล่านั้นและจัดอุปกรณ์ให้เสร็จ
ไม่นานการล่าก็เริ่มขึ้น
ซังวูตั้งปืนไรเฟิล K2 ไว้บนขาตั้ง จากนั้นเขาก็มองหากระต่ายเขาเดียวผ่านลำกล้อง
เนื่องจากมีกระต่ายเขาเดียวอยู่ทุกหนทุกแห่ง มันจึงหาได้ไม่ยากนัก และในที่สุดเขาก็สามารถเล็งไปที่กระต่ายตัวหนึ่งได้
ขณะที่เขากำลังจะเหนี่ยวไกเพื่อยิงมัน
กระต่ายเขาเดียวเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ดังนั้นมันจึงรีบเคลื่อนตัวหลบและหายตัวไป
ซังวูรู้สึกผิดหวังอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาล่าพวกมัน เขาจึงไม่ได้คิดอะไรมากนักและค้นหากระต่ายเขาเดียวตัวใหม่
หลังจากนั้น เวลาก็ได้ผ่านไปประมาณ 20 นาที
“อ้ะ! ฉันก็เล็งโดนมันแล้วนี่!”
ซังวูยังจับกระต่ายไม่ได้เลยแม้แต่ตัวเดียว
“ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม? การล่ากระต่ายเขาเดียวเป็นเรื่องยากมาก กระต่ายเขาเดียวนั้นมีประสาทสัมผัสที่ไวมาก และมันก็จะวิ่งหนีในทันทีที่มันรู้สึกได้ถึงการจ้องมองของคุณ ด้วยเหตุนี้เอง คุณจึงต้องมีทักษะในการคาดเดาด้วยว่าพวกมันจะหลบไปทางไหน”
“โอ้... นี่มันยากจริงๆ”
“เราควรกลับไปล่าสไลม์เหมือนเดิมดีไหม? ผมว่ามันน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่านะ”
“สไลม์หรอ?”
“ฮ่าฮ่า ไม่ใช่ว่าผมไม่ไว้ใจทักษะของคุณฮันเตอร์นะครับ แต่ผมคิดว่าถ้าคุณมอบหมายงานนี้ให้ร่างโคลนของคุณทำ มันก็จะมีประสิทธิภาพมากกว่าน่ะครับ”
“อ่า... มันก็จริงครับ”
ซังวูรู้สึกเขินอายเล็กน้อยกับคำพูดของคังจุนโม
“ถึงอย่างนั้น ผมก็จะจับมันให้ได้ตัวหนึ่งก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ จากนั้นผมจะค่อยเรียกร่างโคลนออกมาเพื่อเปรียบเทียบประสิทธภาพกัน”
คังจุนโมพยักหน้า
หลังจากนั้น ซังวูก็ทำงานหนักเพื่อล่ากระต่ายเขาเดียว
' แค่จับให้ได้สักตัว มันจะไปยากอะไรกัน!'
ฉันจะไม่ยอมเสียค่าเข้า 50,000 วอนไปเปล่าๆ หรอกนะโว้ย!
ในท้ายที่สุดแล้ว หลังจากการล่าเกือบสองชั่วโมง ซังวูก็เพิ่งจะจับกระต่ายเขาเดียวตัวแรกได้
“ในที่สุดฉันก็ได้มันมา!”
คังจุนโมที่มาด้วยกันก่อนหน้านี้ได้กลับไปก่อนแล้วเนื่องจากติดงาน ด้วยเหตุนี้เอง ซังวูจึงต้องเฉลิมฉลองเพียงลำพัง
มันมีขนาดประมาณต้นขาของผู้ใหญ่ และมีเขาทื่อแต่แหลมคม ขนของมันแข็งแต่เป็นมันเงา และมีฟันเขี้ยวแหลมคมยื่นออกมาจากปาก
แม้แต่น้ำหนักก็ยังค่อนข้างหนัก
ซังวูคิดขณะที่เขามองดูศพของกระต่ายเขาเดียวที่ถูกลากเข้ามาด้วยปืนยิงฉมวก
' ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจับมันมาได้ แต่นี่มันมีค่าเท่าไหร่กัน? ฉันได้ยินมาว่าหนังและเขาของมันมีราคาสูงนิดหน่อย มันจะถึง 100,000 วอนรึเปล่านะ?'
เขาซื้อกระสุน 5.56 มม. มาประมาณ 200 นัด
ราคากระสุน 5.56 มม. มีราคาแตกต่างกันไป แต่ราคาเฉลี่ย ณ ปัจจุบันก็อยู่ที่ประมาณ 500 วอนต่อนัด ดังนั้นมันจึงเท่ากับว่าเขาได้ใช้เงินไปประมาณ 100,000 วอนแล้วสำหรับกระสุนเพียงอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหวังพึ่งราคาขายของกระต่ายเขาเดียว
หากมูลค่าของกระต่ายเขาเดียวนั้นมีไม่เกิน 150,000 วอนต่อตัว มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทจะขาดทุนเมื่อพิจารณาจากค่าเข้าเพียงอย่างเดียว
' ไม่มีทางที่มอนสเตอร์ระดับต่ำแบบนี้จะมีราคามากไปกว่า 150,000 วอนได้ เวรเอ้ย ฉันไม่รู้เลย เจ้าหน้าที่คังจุนโมเป็นคนเดียวที่มีข้อมูล... ชั่งแม่ง! ฉันพอแล้ว ที่เหลือฉันจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมายเลข 2 ก็แล้วกัน”
ซังวูนำศพกระต่ายเขาเดียวและอุปกรณ์ของเขาออกมาจากพื้นที่ล่า
จากนั้นเขาก็โทรไปหาหมายเลข 2 ซึ่งรออยู่ใกล้สถานีรักษาความปลอดภัย
ซังวูมอบอุปกรณ์และสร้อยข้อมือประจำตัวของเขาให้กับหมายเลข 2 และสั่งการให้หมายเลข 2 ออกไปล่าในขณะที่เขากำลังจดจ่ออยู่กับความคิดของเขา
' เดินขึ้นไปตามทางเดินและไปที่ชั้นสาม ปักหลักลงที่ที่ฉันล่าก่อนหน้านี้ และล่ากระต่ายเขาเดียวด้วยการยิงพวกมันด้วยปืนไรเฟิล K2 เมื่อยิงพวกมันได้แล้ว ก็ให้ยิงปืนฉมวกนี่แล้วเก็บซากพวกมันเข้ามา ทุกครั้งที่นายล่ากระต่ายเขาเดียวได้สำเร็จ ให้ส่งข้อความมาหาฉันด้วยการกดเลข 1 กระสุนฉันมีเหลืออยู่ประมาณ 200 นัด แต่ถ้าหมดหรือการล่าถูกขัดจังหวะ นายก็โทรมาหาฉัน สุดท้ายแล้ว อย่าลืมเก็บรักษากำไลเอาไว้ให้ดีล่ะ”
ซังวูครุ่นคิดถึงคำสั่งที่เขามอบให้กับอีกฝ่าย
หากมีอะไรเกิดขึ้นและหมายเลข 2 ไม่สามารถล่าได้อย่างเรียบร้อย มันก็จะสร้างปัญหาให้กับเขาแน่
แน่นอนว่าเนื่องจากมันเป็นสถานที่สาธารณะ คำสั่งจึงถูกส่งผ่านโดยความคิด
“ถ้าเข้าใจแล้วก็ไปจัดการเลย!”
“เข้าใจแล้วครับนาย”
ซังวูประเมินความสามารถของร่างโคลนเอาไว้ต่ำมาก
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็จับกระต่ายเขาเดียวได้เพียงตัวเดียวในเวลาสองชั่วโมง ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงไม่คิดว่าร่างโคลนของเขาที่มีความสามารถเพียง 50% จะทำได้ดีไปกว่าเขา
อย่างไรก็ตาม ความคิดของเขาก็ผิดมหันต์
* * *
ปัง! ฟ้าว! จิ้ง-
ปัง! ฟ้าว! จิ้ง-
ปัง! ฟ้าว! จิ้ง-
• ··
นอกจากเสียงปืนแล้ว มันยังมีประกายไฟที่แลบออกมาจากปลายกระบอกปืนอีก
ในเวลาเดียวกัน กระต่ายเขาเดียวที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ที่อยู่ห่างออกไป 50 เมตรข้างหน้าก็ทรุดตัวลง
อย่างไรก็ตาม กระต่ายเขาเดียวก็ยังคงดิ้นได้ราวกับว่ามันยังมีชีวิตอยู่
ถึงอย่างนั้น ราวกับพยายามจะยืนยันการฆ่า ฉมวกปลายแหลมได้พุ่งออกมาพร้อมกับเสียงปืนและแทงทะลุร่างของมัน
กระต่ายเขาเดียวถูกฉมวกแทงทะลุและตัวแข็งทื่อ ไม่นานจากนั้น มันก็หยุดเคลื่อนไหว
เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายคนนั้นก็ดึงเชือกที่ติดอยู่กับปลายฉมวกกลับขึ้นมา
เชือกที่หมุนพร้อมมีเสียงกริ๊ง
“คุณคิม คุณเห็นตรงนั้นไหม?”
“ฉันดูอยู่... ฉันพูดไม่ออกจริงๆ”
“ถูกต้อง ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย”
“ฮันเตอร์คนนั้นจะต้องมีสกิลที่เกี่ยวข้องกับการยิงแน่ๆ”
“อย่างน้อยเขาก็จะต้องอยู่ในแรงค์ E ใช่ไหม?”
ฮันเตอร์ทั้งหมดรวมตัวกันบนชั้นสามและกำลังพูดคุยกัน
สิ่งที่พวกเขากำลังดูอยู่คือร่างโคลนหมายเลข 2 ที่สวมหมวกคลุมศีรษะ หน้ากากอนามัยและแว่นกันแดด
กระต่ายเขาเดียวจำนวนนับไม่ถ้วนนอนกองอยู่ข้างๆ เขา
การเคลื่อนไหวของหมายเลข 2 นั้นสะอาด กระชับและไม่มีองค์ประกอบอื่นที่ไม่จำเป็น
ขั้นแรก เขาเล็งไปที่กระต่ายเขาเดียวตามปกติ
ขั้นที่สอง เขายิงและตรวจสอบว่ากระต่ายเขาเดียวตายแล้วหรือไม่
ขั้นที่สาม เขาละสายตาจากลำกล้องและหยิบปืนยิงฉมวกข้างๆ ออกมาแล้วยิงไปที่ซากกระต่ายเขาเดียว
ขั้นที่สี่ เขาเก็บฉมวกและเก็บซากกระต่ายเขาเดียว
ขั้นที่ห้า หลังจากล่าเสร็จแล้ว เขาก็ส่งข้อความถึงซังวูผ่านสมาร์ทโฟน
การเคลื่อนไหวทั้งห้าขั้นนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างเป็นระบบ
“มันไม่ใช่แค่ทักษะการยิงเท่านั้นแล้ว มันจะต้องมีสกิลที่เกี่ยวข้องกับการอำพรางอย่างแน่นอน”
“การอำพราง? คุณจะบอกว่าเขามีสกิลที่สามารถหลบซ่อนตัวจากประสาทสัมผัสของกระต่ายเขาเดียวได้อย่างงั้นหรอ?”
ฮันเตอร์ที่อยู่รอบๆ ประหลาดใจและคาดเดาเกี่ยวกับสกิลของหมายเลข 2
กระต่ายเขาเดียวนั้นมีประสาทสัมผัสที่ไวและมีประสาทสัมผัสที่หกที่ทรงพลัง นั่นจึงทำให้พวกมันสามารถตรวจจับการจ้องมองของเหล่าฮันเตอร์ได้เป็นอย่างดี
และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อใดก็ตามที่ฮันเตอร์เล็งปืนไปที่พวกมัน พวกมันก็จะเริ่มวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม หมายเลข 2 ก็แตกต่างออกไป
เนื่องจากหมายเลข 2 ไม่ได้มีเจตนาฆ่า ดังนั้นกระต่ายเขาเดียวจึงไม่สามารถสัมผัสถึงอะไรได้
เหนือสิ่งอื่นใด ร่างโคลนเหล่านี้ไม่มีอารมณ์หรือความคิดมาคอยกวนใจ ดังนั้นกระบวนการล่าจึงปราศจากรายละเอียดที่ไม่จำเป็น ร่างโคลนเหล่านี้แคลื่อนไหวแบบกลไกและยิงออกไปโดยไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว มันให้ความรู้สึกเหมือนป้อมปืนอัตโนมัติแทนที่จะดูเหมือนมนุษย์
หากร่างโคลนเหล่านี้เคลื่อนไหวแบบมนุษย์ พวกมันก็คงจะล่าอะไรไม่ได้เลยแบบซังวูแน่นอน
“เฮ้ คุณล่าพวกมันเก่งจัง”
ขณะนั้นเอง มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาหมายเลข 2 เขาสวมเสื้อเกราะกันกระสุนที่ดูค่อนข้างหนักและกางเกงลายทหารที่มีกระเป๋ารอบต้นขา เขามีอาวุธปืนและเข็มขัดกระสุนพาดอยู่ทั่วตัว และนั่นก็ทำให้เขาดูเหมือนฮันเตอร์สำหรับใครก็ตามที่เห็นเขา
หมายเลข 2 หันศีรษะกลับไปเพียงเล็กน้อยแล้วชายตามองไปที่ชายคนนั้น
“ฮ่าฮ่า สวัสดี ฉันชื่อคิมบยองซิก ฉันเป็นฮันเตอร์จากกิลด์หมีสีน้ำตาล”
เมื่อฟังเสร็จ หมายเลข 2 ก็หันศีรษะกลับไปโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ จากนั้นหมายเลข 2 ก็เริ่มการล่าต่อไป
คิมบยองซิกรู้สึกอับอายเล็กน้อยกับการเมินเฉยของหมายเลข 2 แต่เขาก็หยิบนามบัตรออกมาโดยนึกถึงคำพูดอันโด่งดังในโลกของฮันเตอร์ที่ว่า 'คนมีฝีมือราคาไม่ถูก'
“ฉันขอโทษด้วยที่รบกวนคุณขณะกำลังยุ่งอยู่กับการล่า แต่ทักษะการล่าสัตว์ของคุณนั้นยอดเยี่ยมมากจนฉันอยากจะรับสมัครคุณเข้ามาในกิลด์ของเราจริงๆ... ฉันจะทิ้งนามบัตรไว้ตรงนี้นะ โปรดติดต่อฉันหากคุณล่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว!”
คิมบยองซิกวางนามบัตรไว้บนกระเป๋าอุปกรณ์ของหมายเลข 2 เขาโค้งคำนับด้วยรอยยิ้มที่สดใสแล้วจากไป
การผูกมิตรเบื้องต้นได้เริ่มขึ้นแล้ว
แต่นั่นก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
“สวัสดี พวกเรามาจากสมาคมฮันเตอร์แห่งเกาหลี…”
“สวัสดี ฉันชื่อเย่จุนหยาง ตอนนี้ฉันทำงานเป็นฮันเตอร์อยู่ที่...”
“สวัสดี...”
การผูกมิตรกับหมายเลข 2 ยังคงดำเนินต่อไป นอกจากนี้ นามบัตรก็ยังกองพะเนินเทินทึกราวกับเนินดินลูกเล็กๆ
* * *
- [หมายเลข 2]: 78 ข้อความที่ไม่ได้รับ
“ห้ะ?”
ซังวูกำลังนั่งรถบัสไปสอนพิเศษฮายอน
เนื่องจากเขาเหนื่อยล้าจากการล่า ดังนั้นเขาจึงเผลอหลับไปและไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเมื่อตื่นขึ้นมา
' ไม่มีทาง...'
ซังวูกดไปที่ห้องแชทของหมายเลข 2
-[หมายเลข 2]: 1
-[หมายเลข 2]: 1
-[หมายเลข 2]: 1
-[หมายเลข 2]: 1
• ··
-[หมายเลข 2]: 1
“...นี่มันใช่เรื่องจริงรึเปล่าเนี่ย?”