ตอนที่ 73 เทพองค์ใดกัน?
ร่างของเมอราม็อกหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง มันจ้องมองไปยังจุดเหนือศรีษะของร่างในชุดคลุมสีเงิน เงาดำของเทพเจ้าที่มันไม่คุ้นเคยกำลังฉายผ่านมิตินามธรรมลงมายังโลกวัตถุดุจเดียวกับที่มันทำ แต่ร่างเงาดำนั้นไม่มีความคุ้นเคยของเทพเจ้าองค์ใดในความทรงจำอันยาวนานของมัน ต้องเข้าใจว่าเมอราม็อกไม่ใช่ตัวตนที่ถือกำเนิดในยุคหลัง แต่มันปรากฎขึ้นอยู่ก่อนแล้วแม้แต่ในช่วงก่อนสงครามแห่งทวยเทพครั้งแรกด้วยซ้ำ
เทพองค์ใดกัน?
เมอราม็อกพยายามจ้องมองเข้าไปในสายหมอกหลากสีและห้วงอวกาศงดงามที่ห่อหุ้มร่างเงาดำของเทพเจ้าปริศนาองค์นี้เอาไว้ มันไม่ได้หวาดเกรงการเผชิญหน้า แต่มันหวาดเกรงการถูกเปิดเผยเจตนาที่จะหลบหนีให้ตัวตนอันทรงพลังมากมายในดินแดนต้นกำเนิดทราบ เพราะถ้าร่างเทพจำแลงนี้มาจากดินแดนต้นกำเนิดเหมือนเทพชอบธรรมองค์อื่นๆควรเป็น ก็เท่ากับว่าข่าวการหลบหนีของมันจะถูกล่วงรู้ไปสู่แดนนามธรรมแห่งนั้นและการหลบหนีของมันจะยากมากขึ้นในอนาคต
แต่เมื่อเมอราม็อกจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งมันก็พบสาระสำคัญที่แตกต่างออกไป จากการแสดงร่างจำแลงของเทพเจ้าที่มันเคยพบเห็นในอดีตที่ผ่านมา ร่างจำแลงนี้ขาดจิตวิญญาณ มันไม่ได้เป็นการฉายภาพลงมาด้วยจิตสำนึกของเทพเจ้าเอง นี่หมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่าร่างจำแลงนี้จะไม่สามารถแสดงอำนาจของเทพเจ้าในระดับที่เป็นเทพเจ้าแท้จริงได้ อย่างมากก็อาจสำแดงกฎในระดับศักดิ์สิทธิ์ได้เท่านั้น และที่สำคัญคือข่าวของมันจะไม่ล่วงรู้ไม่ถึงดินแดนต้นกำเนิดอย่างแน่นอน
นี่คือการคาดเดาของเมอราม็อก มันถูกคุมขังมานานเกินไป จนไม่ได้ล่วงรู้ถึงการรุกรานของเทพนอกเอกภพ และไม่รู้ถึงสถานการณ์ในดินแดนต้นกำเนิดในตอนนี้
ร่างอวตารยักษ์หยุดอยู่ห่างจากอาณาเขตของร่างเทพจำแลงลี้ลับไม่ไกล มันชี้มือขวาข้างแรกเหนือศรีษะพลังแห่งกฎที่สับสนวุ่นวายเริ่มจัดเรียงกันเป็นระเบียบตามการชี้นำของเมอราม็อก แสงสีดำคล้ายเส้นใยแห่งความตายผุดขึ้นจากนิ้วชี้ของมันเหมือนแม่น้ำที่ไหลรี่ลงจากภูเขา เส้นแสงค่อยๆถักทอขึ้นเป็นสัญลักษณ์ที่ผู้คนยากจะเข้าใจ สัญลักษณ์นั่นขยายใหญ่ขึ้นทีละน้อยจนกลืนกินพื้นหลังของร่างอวตารจนหมดสิ้น
เมื่อพ่อมดเฒ่ามองไปยังภาพสัญลักษณ์ที่เทพองค์นี้ชี้นำมา ความรู้สึกอึดอัดและกดดันได้ผุดขึ้นในจิตใจของเขาทันที ภาพที่ดูสับสนและดำมืดเหมือนภาพวาดสีน้ำมันของศิลปินยุคเรเนซองส์ได้แสดงใจความหลักของมันเข้าไปในจิตรับรู้ของพ่อมดเฒ่า พร้อมกันนั้นอำนาจที่แปลกประหลาดนี้ก็เขย่าประสาทสัมผัสของร่างมนุษย์จนสับสนมึนงง ถ้อยคำสั้นๆแต่ชัดเจนค่อยๆแจ่มชัดขึ้นในใจจิตใจของออสบอร์น
กฎแห่งเทพเจ้า [ก้นทะเลลึก]!
ฉับพลันภาพดำมืดก็ขยายออกจากด้านหลังของร่างอวตาร ฟองอากาศมากมายปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า สัตว์น้ำที่อัปลักษณ์และชั่วร้ายใต้ห้วงสมุทรที่ลึกที่สุดเริ่มแหวกว่ายออกมาจากแสงสีดำผืนนั้น พวกมันนำเอาความโหดร้าย โดดเดี่ยวและบ้าคลั่งเข้าแทนที่ความอบอุ่นและสว่างไสวของแสงบริสุทธิ์ ปากที่แดงก่ำไปด้วยโลหิตและลึกดุจหุบเหวสูบเอาแสงสีเงินเข้าไปอย่างโอหัง เพียงไม่กี่วินาทีดินแดนภายใต้กฎแห่งแสงของคาถาเทพจำแลงลี้ลับก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ถัดมาจากฝูงปลาอัปลักษณ์ ร่างวิญญาณนับแสนนับล้านที่ดิ้นทุรนทุรายเหมือนกิริยาสุดท้ายก่อนตายด้วยการจมน้ำ ล่องลอยออกมาจากผืนน้ำสีดำตามมาติดๆ ความเวทนาสงสาร หดหู่และเจ็บปวดปรากฎตามมาพร้อมกัน เพียงมองไปยังปากที่พะงาบๆแต่ไร้เสียงของวิญญาณเหล่านั้นก็เหมือนได้ยินถ้อยคำก่อนตายที่วิญญาณพวกนี้เปล่งออกมา ถ้อยคำนั้นมีทั้งการสาปแช่ง ก่นด่า ตัดพ้ออย่างไม่เต็มใจและคำสั่งลาสุดท้ายที่อยากส่งไปถึงคนที่รัก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครที่ได้ยินเสียงของพวกเขาอีกต่อไป ยกเว้นเทพเจ้าชั่วร้ายที่เฝ้ามองพวกเขาด้วยสายตากระหายเลือดและเปี่ยมสุข
อำนาจแห่งแสงถอยหายไปด้านหลังเร็วขึ้นอีกเท่าตัว ร่างเทพจำแลงลี้ลับสั่นไหวด้วยอาการแปลกๆ มันกำลังถูกท้าทายด้วยอำนาจที่เสมอกัน
อำนาจแห่งกฎ!
“กรีมัวร์ คุณบอกผมว่าปีศาจตนนี้อยู่ในระดับไหนนะ?”
เสียงตะโกนของพ่อมดเฒ่าดังแทรกเสียงกรีดร้องของเหล่าวิญญาณไปยังหญิงชราที่ยืนนิ่งงันด้วยความตื่นตกใจอยู่ด้านหลัง ข้างๆกันนั้นประธานหอการค้าวอร์ล็อคที่กลับมาอยู่ในร่างเดิมอีกครั้งก็กำลังนิ่งอึ้งกับการกระทำของร่างอวตารเช่นกัน ตอนนี้ด้วยพลังของคาถาเทพจำแลงลี้ลับที่ปกป้องพวกเขาอยู่ในอาณาเขตแห่งแสง ทำให้วอร์ล็อคระดับสุงทั้งสองสามารถมองร่างอวตารแห่งเทพเจ้าชั่วร้ายได้อย่างเต็มตา
ช่างเป็นพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่เกินจินตนาการ!
พลังแห่งกฎเป็นอำนาจที่สามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นจริง สร้างสิ่งของจากความว่างเปล่า ย้อนกลับระเบียบดั้งเดิมแห่งเอกภพได้ และตอนนี้เบื้องหน้าของพวกเขาก็คือภาพของก้นทะเลลึกที่ควรอยู่ใต้มหาสมุทรในระดับที่มนุษย์มีชีวิตไม่อาจไปได้ถึง ภาพนั้นเหมือนจริงอย่างที่สุด มันส่งผลกับโลกวัตถุรอบข้างแตกต่างกันออกไป เหมือนกับก้นทะเลแท้จริงอยู่ที่นี่มาตลอด
หญิงชราไม่ได้ตอบออสบอร์นทันที หล่อนมองไปที่ความดำมืดของหุบเหวใต้สมุทรเบื้องหน้าสายตาของเธอเลื่อนลอยในขณะที่ตอบกลับคำถามของพ่อมดเฒ่า
“เอ่อ…ฉันคิดว่ายังไม่ได้บอกคุณนะ แต่วัตถุเวทมนตร์ะดับตำนานสามารถส่งผลต่อร่างอวตารนี้ได้ ดังนั้นร่างอวตารของเทพองค์นี้ควรมีพลังอำนาจที่จำกัด มันไม่ได้อยู่ในระดับพระเจ้าอย่างแน่นอน”
กรีมัวร์เห็นการต่อสู้ของออสบอร์นก่อนหน้านี้แล้ว ภาพของฝ่ามือยักษ์ที่ถูกเจาะทะลุด้วยวงแหวนสีเงินของออสบอร์นนั้นยังประทับใจหล่อนอยู่จนถึงตอนนี้
ส่วนที่ว่าร่างอวตารของเทพเจ้าปกติควรอยู่ในระดับใดนั้น หล่อนก็ไม่อาจทราบได้ ครั้งล่าสุดที่มีร่างอวตารของเทพเจ้าเสด็จลงมานั้นต้องย้อนกลับไปถึงยุคต้นของมหาทวีป ซึ่งความรู้ความเข้าใจในส่วนนี้ไม่อาจสืบทอดมาถึงยุคปัจจุบัน แน่นอนว่าไม่รวมเผ่าพันธุ์ของเอลฟ์ดั้งเดิมบางกลุ่ม
“ถ้าเช่นนั้นเราก็ได้แต่เสี่ยงเอาแล้วหละ”
คำพูดที่หนักแน่นออกจากปากของออสบอร์น สายตาของเขาจับจ้องไปที่ขอบเขตของดินแดนแห่งแสงที่สั้นเข้ามาเรื่อยๆ เหมือนรับรู้ได้ถึงความกังวลของออสบอร์นร่างเทพจำแลงลี้ลับเริ่มขยับร่างกายของมันเป็นครั้งแรก ฝ่ามือที่เคยผายออกมาเบื้องหน้ากำเข้าหากันโดยเหลือนิ้วชี้ขวาเอาไว้ นิ้วชี้นั่นชี้ออกไปเบื้องหน้า มุ่งตรงไปยังทิศทางที่ภาพสักลักษณ์แห่งกฎก้นทะเลลึกที่คืบคลานเข้ามา
แสงสีขาวพราวระยับพุ่งออกปลายนิ้วชี้ กลายเป็นทะเลแห่งแสงผืนขนาดมหึมามันขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยการชี้นำของร่างเทพจำแลง กฎแห่งก้นทะเลลึกถูกผลักกลับไปในทันที ร่างวิญญาณและสัตว์น้ำลึกกว่าครึ่งถูกลำแสงส่องทะลุจนเลือนหายไปในพริบตา
มีแต่อำนาจแห่งกฎเท่านั้นที่สามารถต่อต้านอำนาจแห่งกฎได้
กฎแห่งเทพเจ้า [แสง]!
เขตแดนแห่งกฎกลับมาสู่ความสมดุลอีกครั้ง แต่กฎแห่งก้นทะเลลึกดูเหมือนจะเป็นรองกฎแห่งแสงอยู่หลายส่วน ในระดับของกฏที่เสมอกัน คุณสมบัติของกฎยังแปรผันตงตามลักษณะดั้งเดิมของกฎแต่ละประเภท แสงเอาชนะความมืด น้ำชนะไฟ ไฟชนะลม ระเบียบชนะความวุ่นวาย คุณธรรมชนะความเสื่อมทราม แต่บางครั้งกฎที่แข็งแก่งกว่าอาจเพิกเฉยคุณลักษณะดั้งเดิมนี้ได้ สรุปแล้วการปะทะกันของกฏจึงขึ้นอยู่กับผู้ใช้กฏว่าแข็งแก่งแค่ไหน
เห็นได้ชัดว่าร่างอวตารของเมอราม็อกไม่ได้นำเอาอำนาจของเทพเจ้าอันทรงพลังมาจากร่างต้นกำเนิดของมันมากพอ มันควรติดข้อจำกัดบางอย่างที่ไม่มีใครทราบ ออสบอร์นสังเกตเห็นข้อนี้มาได้สักพัก
เขาเอื้อมไปด้านหน้าและคว้าเอาไม้เท้าแห่งเทลเพริออนมาไว้ที่มือขวา หินสีขาวศักดิ์สิทธิ์ลอยอยู่เหนือศรีษะ วงแหวนดวงดาววิ่งวนอยู่รอบร่างในชุดคลุมสีเงิน ด้านหลังของเขาคือกรีมัวร์โอษฐ์แห่งวอร์ล็อคและเนียสแฟร์ประธานหอการค้าแห่งวอร์ล็อค
“เรามีเวลาไม่ถึงสิบนาทีในการทำลายดวงตานั่น ไม่เช่นนั้นก็เตรียมปะโยคสั่งเสียดีๆไว้คนละประโยคได้เลย”
พ่อมดเฒ่าหันมายิ้มกับหญิงชาด้านหลังเขา ก่อนจะบังคับเขตแดนแห่งแสงให้กลืนกินเขดแดนแห่งก้นทะเลลึกเข้าไปอย่างรวดเร็ว เขาจำเป็นต้องทำทุกอย่างแข่งกับเวลาเพราะคาถาดับตำนานของเขามีระยะเวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น
ดวงตาต้องสาปที่ลอยอยู่ด้านหน้าร่างอวตารพยายามลอยเข้าไปลึกขึ้นในเขตแดนของเทพชั่วร้าย มันกำลังพยายามหนีจากอำนาจแห่งแสงที่ส่องทะลุเข้ามา แต่ออสบอร์นไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนั้น เขาโบกมือซ้ายที่ว่างอยู่ตะปบขึ้นไปในอากาศ ฝ่ามือที่ควบแน่นจากธาตุแสงส่องสว่างขึ้นในเขตแดนของเทพชั่วร้ายและต้อนเอาดวงตาต้องสาปออกมานอกเขตแดน นี่คือคาถาฝ่ามือลงทัณฑ์จากฟากฟ้า
เนียสแฟร์ที่รวบรวมพลังเวทย์กลับมาได้มากกว่าครึ่งยื่นมือที่ขาวซีดไปทางซากของหนังสือสามเล่มที่กองอยู่บนพื้น หนังสือสีแดง สีเหลืองและสีเขียวพุ่งขึ้นมาทันทีและลอยกลับไปหาประธานหอการค้าเจ้าของของมันพร้อมกับทิ้งเส้นแสงสามสีไว้ตลอดทาง
อำนาจดีงามทั้งสามที่มีสีแตกต่างกัน กลายเป็นเปลวเพลิงอันโปร่งใสลุกท่วมร่างของวอร์ล็อคเฒ่า เนียสแฟร์เหมือนถูกปกคลุมด้วยคริสตัลสีแดง สีเหลืองและสีเขียวที่พริ้วไหวไปมาตามสายลม เขาวิ่งออกไปที่ขอบของเขตแดนแห่งแสงและวาดวงกลมสีดำขึ้นตรงหน้าก่อนจะล้วงเขาไปในวงกลมนั้น
ในอีกฝั่งหนึ่งของเขตแดนแห่งก้นทะเลลึก วงกลมสีดำปรากฏขึ้นด้านหน้าของดวงตาและปิดกั้นทางหนีของมันเอาไว้ มือขาวซีดของเนียสแฟร์โผล่ออกมาจากวงกลมสีดำและคว้าไปที่ดวงตาอย่างรวดเร็ว
นี่คือพลังพิเศษของระบบวอร์ล็อคที่เนียสแฟร์ฝึกฝน ศาสตร์เวทย์แห่งมิติ หนึ่งในสิบสองระบบของบรรพชนวอร์ล็อคดั้งเดิม
หญิงชากรีมัวร์ยังคงยื่นยิ่งอยู่กับที่ แต่ด้านหลังของนางกลับปรากฎเงาดำผืนใหญ่ที่ค่อยๆลามไปออกไปด้านหลัง ฝูงอีกานับร้อยผุดขึ้นมาจากเงา พวกมันบินรอบร่างของหญิงชราหนึ่งรอบและบินออกไปยังทิศทางของดวงตาต้องสาปในทันที
เมื่อมือของเนียสแฟร์เกือบจะคว้าดวงตาเอาไว้ได้ ดวงวิญญาณและสัตว์ทะเลลึกก็ไม่เกรงกลัวความตายที่แสงสีขาวนำมาอีกต่อไป พวกมันเหมือนถูกบังคับจากอำนาจที่เหนือกว่ารีบเข้ามาขัดขวางมือของเนียสแฟร์เอาไว้ทันที
พลังแห่งความตายเข้มข้นล้นปรี่ออกมาจากร่างวิญญาณที่พุ่งเข้ามาจากทุกสารทิศ พวกมันคว้าจับไปที่วงกลมมิติสีดำ ฉุกกระชากมือซีดขาวของวอร์ล็อคเฒ่าและพยายามแทรกวงกลมมิติเข้ามาเพื่อที่จะข้ามมายังอีกฝั่งหนึ่งให้ได้
มือของเนียสแฟร์ที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลังสามสีต่อต้านพลังแห่งความตายได้ไม่กี่วินาที ไม่ทันที่มือของเขาจะคว้าดวงตาเอาไว้ได้ มันก็เริ่มเหี่ยวแห้งลงพร้อมกับพลังสามสีที่ถอยกลับไปในวงกลมมิติด้วยการผลักดันของอำนาจแห่งความตาย
วอร์ล็อคเฒ่าชักมือกลับมาและจำเป็นต้องปิดกลมมิติลง มือของเขาถูกพลังงานสามสีห่อหุ้มอีกครั้งและฟื้นคืนสภาพเดิมกลับมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าเนียสแฟร์จับดวงตาไว้ไม่สำเร็จ ฝ่ามือลงทัณฑ์ของออสบอร์นก็รีบตรงไปทำภารกิจต่อทันที ร่างวิญญาณและสัตว์ทะเลลึกถูกฝ่ามือนี้บดขยี้ไปตลอดทาง แต่พวกมันกลับไม่ลดลงเลย
ดวงตาต้องสาปรีบลอยตรงไปยังร่างอวตารเพื่อหลบหนีในขณะที่ฝ่ามือของออสบอร์นถูกสกัดเอาไว้ เสียงอีกาดังขึ้นจากอากาศรอบทิศ ฝูงสัตว์ปีกดำมืดอาศัยช่องทางที่กฎแห่งแสงส่องเข้ามา บินตรงเข้าไปที่ดวงตาต้องสาป จะงอยปากของพวกมันอ้ากว้างเอาไว้ทุกตัวหมายจะกลืนกินดวงตานี้ลงท้องให้ได้
ร่างอวตารเห็นเหตการณ์นี้อยู่ตลอด มันไม่อาจปล่อยให้ดวงตาต้องสาปถูกทำลายและกฎแห่งแสงคืบคลานเข้ามามากกว่านี้ มันยกมือซ้ายข้างแรกขึ้นและทำท่าเหมือนเดิมอีกครั้ง พลังอำนาจแห่งกฎที่แปลกใหม่เริ่มควบแน่นขึ้นกลางอากาศเหนือร่างอวตาร แสงสีขาวที่พยายามส่องทะลุเข้ามาถูกวังวนสีเทาเหนือนิ้วชี้ช้างซ้ายดูดเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง
วังวนสีเทาขยายใหญ่ขึ้น ภาพนิมิตประหลาดสารพัดเหมือนเกิดจากจินตนาการของสรรพชีวิตที่หลากหลายปรากฎขึ้นในวังวนทีละภาพก่อนจะซ้อนทับกันจนกลายเป็นความสับสนวุ่นวายและน่ากลัว
กฎแห่งเทพเจ้า [ฝันร้าย]!
วังวนสีเทาที่กฎแห่งฝันร้ายเรียกออกมาคือโลกอีกใบที่รวบรวมฝันร้ายของเอกภพเข้าไว้ด้วยกัน มันเป็นโลกนามธรรมและเป็นพลังอำนาจหลักของกฎประเภทนี้ ผู้ควบคุมกฎแห่งฝันร้ายสามารถใช้อำนาจนี้ได้ส่วนหนึ่ง
ในหมู่ผู้คนโบราณที่รู้จักมันจะจำชื่อของมันได้ “โลกแห่งฝันร้าย”
สำหรับเมอราม็อกที่เป็นเทพเจ้าในขอบเขตฝันร้ายสามารถเรียกโลกแห่งฝันร้ายให้ออกมาสู่โลกแห่งความจริงได้โดยสมบูรณ์
พื้นหลังของเมอราม็อกครึ่งหนึ่งถูกวังวนสีเทาที่เป็นภาพสัญลักษณ์ของกฎแห่งฝันร้ายแทนที่ภาพสัญลักษณ์ของกฎแห่งก้นทะเลลึก เทพชั่วร้ายองค์นี้ควบคุมกฎได้ถึงสองข้อ ไม่มีใครรู้ว่ามันสามารถควบคุมกฎได้มากกว่านี้หรือไม่
แสงที่ถูกวังวนสีเทาดูดกลืนถูกโลกแห่งฝันร้ายเปลี่ยนให้กลายเป็นแสงที่มีอยู่ในจินตนาการของความฝัน อำนาจทำลายล้างที่มันเคยมีถูกเพิกเฉยไปทั้งหมด ออสบอร์นไม่สามารถหยุดการกระทำนี้ได้ ร่างเทพจำแลงลี้ลับนี้เป็นเทพเจ้าในขอบเขตแห่งแสงและเท่าที่ออสบอร์นเข้าใจ นอกจากกฎแห่งแสงแล้วร่างเทพจำแลงก็ไม่มีกฎประเภทอื่นอีก
กฎสองต่อหนึ่ง หากกฎข้อเดียวนั้นไม่แข็งแกร่งมากพอ มันก็จะถูกกฎสองข้อที่มีจำนวนมากกว่ากำราบได้อย่างง่ายดาย
ขอบเขตแดนนิมิตของเมอราม็อกเริ่มคืบคลานทวงคืนพื้นที่ส่วนหนึ่งที่เคยถูกกฎแห่งแสงยึดไปกลับมา และกลืนกินแดนนิมิตของร่างเทพจำแลงลี้ลับแทน กฎแห่งก้นทะเลลึกทำหน้าที่บุกทะลวงในขณะที่กฎแห่งฝันร้ายทำหน้าที่กำราบกฎแห่งแสง
ออสบอร์นเริ่มหวาดวิตก
ฝูงอีกาของกรีมัวร์นับไม่ถ้วนถูกกฎแห่งก้นทะเลกลืนกินจนตกตายไปหลายตัว บางส่วนถูกวังวนสีเทาดูดเข้าไปและไม่อาจออกมาได้อีก ดวงตาแห่งฝันร้ายใช้จังหวะนี้รีบลอยกลับเข้าไปหาร่างอวตารทันที ฝ่ามือของเมอราม็อกที่เหลือเอื้อมออกไปเบื้องหน้าและกุมดวงตาต้องสาปเข้ามาไว้ในฝ่ามืออย่างทะนุถนอม
กรีมัวร์รีบยกเลิกการอัญเชิญอีกาทั้งหมด ฝูงอีกาที่กำลังดิ้นรนหนีรอดจากกฎแห่งเทพเจ้าสลายหายไปในอากาศพร้อมกัน ออสบอร์นรีบเดินออกไปด้านหน้าโดยยกไม้เท้าแห้งเทลเพริออนขึ้นและปล่อยแสงสีเงินส่องสว่างเพื่อต้านทานการคืบคลานของกฎแห่งก้นทะเลลึก แต่วัตถุเวทมนตร์ระดับตำนานไม่อาจทนทานต่ออำนาจแห่งกฎได้ หากมันเป็นวัตถุเวทมนตร์ระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจแห่งกฎเช่นกันก็อาจฝืนต้านทานเอาไว้ได้ส่วนหนึ่ง เพราะร่างอวตารแห่งเทพเจ้าไม่ใช่เทพเจ้าองค์จริงแต่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของพลังในร่างดั้งเดิมเท่านั้น
เนียสแฟร์และกรีมัวร์ได้แต่ฝากความหวังไว้ที่พ่อมดเฒ่าเท่านั้น ในศึกของผู้ใช้กฎ วอร์ล็อคระดับสูงก็เป็นเพียงแค่ตัวประกอบ
ร่างเทพจำแลงลี้ลับเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง พลังแห่งแสงที่เข้มข้นถูกปลดปล่อยออกมาเท่าที่จะทำได้ ขณะเดียวกันร่างเทพจำแลงลี้ลับก็เลือนลางมากขึ้นทุกที การใช้พลังมากเกินไปทำให้ระยะเวลาในการอัญเชิญถูกจำกัดให้น้อยลง ออสบอร์นรู้สึกว่าอีกไม่ถึงห้านาทีร่างเทพจำแลงก็จะหายไป
“เตรียมตัวเถอะกรีมัวร์ อีกเดี๋ยวผมจะหาจังหวะที่เหมาะสมให้พวกคุณหนีออกไป”
พ่อมดเฒ่าใช้มือซ้ายโยนหินสีขาวออกไปด้านหลัง หญิงชรารับมันมาถือไว้ ในสายตาของหล่อนยังมีความไม่ยินยอมอยู่ภายใน
“ออสบอร์น ฉันไม่ใช่คนกลัวตาย”
หญิงชราก้าวเดินมาด้านหน้าหนึ่งก้าวจนยืนเสมอกับออสบอร์นอย่างภาคภูมิ หล่อนโยนหินสีขาวไปให้เนียสแฟร์แทน
ประธานหอการค้ารู้สึกพูดไม่ออก เขาพยามยามพูดบางอย่างกับหญิงชรา แต่ถูกนางพูดขัดขึ้นเสียก่อน
“เนียสแฟร์ช่วยครอบครัวฉันด้วย”
แววตาของกรีมัวร์นั้นเศร้าโศกอย่างถึงที่สุด หล่อนไม่อาจได้พบหน้าครอบครัวอีกต่อไป
ฉับพรันอำนาจแห่งแสงก็ถดถอยลงอย่างรวดเร็ว ร่างเทพจำแลงลี้ลับใกล้เลือนหายไปเต็มที
กฎแห่งก้นทะเลลึกกลืนกินแดนนิมิตของร่างเทพจำแลงเข้ามาเรื่อยๆ พวกออสบอร์นถูกผลักออกไปด้านหลังอยู่ตลอดเวลา จนเมื่อถึงจุดหนึ่งพวกเขาก็แทบชิดกับขอบของเขตแดนนิมิตที่ไม่มีอยู่จริง แต่พวกเขาเข้าใจว่าหากถูกผลักไปมากกว่านี้ พวกเขาจะถูกก้นทะเลลึกกลืนกินทั้งเป็น
ไม่ทันที่จะให้เนียสแฟร์ตัดสินใจ ออสบอร์นก็ระเบิดพลังที่เหลือทั้งหมดของร่างเทพจำแลงออกมา สร้างเป็นทางเดินแสงสีขาวส่องออกไปยังทิศทางของประตูทางออก พร้อมกันร่างเทพจำแลงก็โบกฝ่ามือของมันพัดพาร่างของกรีมัวร์และเนียสแฟร์ออกไปยังที่ตั้งของประตู
ออสบอร์นไม่อาจหนีออกไปได้ เขาต้องคอยขัดขวางร่างอวตารเอาไว้
เมอราม็อกกรีดร้องขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว มันไม่สามารถปล่อยให้ประธานหอการค้าหนีออกไป มีเพียงคนผู้นี้เท่านั้นที่สามารถนำประตูบานนั้นมาให้มันได้!