บทที่ 8 โดนระบบต้มซะแล้ว
บทที่ 8
โดนระบบต้มซะแล้ว
“ปัง แคร๊ง”
เฉินเทียนเซิงยกโล่ขึ้นป้องกันเอาไว้ได้ ก่อนที่แมวดำจะเหยียดแขนอีกข้างมาโจมตี เขารีบยกพลั่วขึ้นก่อนสับลงไปสองถึงสามครั้ง ในที่สุดแมวดำกลายพันธุ์ก็สิ้นใจตาย
“คุณฆ่าสัตว์กลายพันธุ์สำเร็จ รับ 10 แต้ม”
ขณะที่ระบบมีการแจ้งเตือน เฉินเทียนเซิงหายใจหอบอย่างหนัก หลังจากผ่านการต่อสู้เมื่อกี้ ถ้าเขาฆ่าแมวดำไม่ได้ คงต้องมีปัญหาตามมาแน่ แต่สิ่งที่ยากที่สุดในการรับมือกับสัตว์กลายพันธุ์ชนิดนี้ก็คือ พวกมันโจมตีอย่างรวดเร็ว จึงเป็นเรื่องยากที่จะป้องกัน
โชคดีที่เขาจัดการมันได้ เฉินเทียนเซิงได้แต่นึกว่า หากปล่อยให้แมวดำหนีไปได้ เขาคงต้องเผชิญหน้ากับมันอีกหลายครั้ง
ก่อนที่เขาจะได้เสพสมกับช่วงเวลาแห่งความสุข เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ตรวจพบยีนแมวกลายพันธุ์ระดับสอง ต้องการดูดซับหรือไม่!”
ระดับสอง!
ทำไมมันถึงวิวัฒนาการมาถึงระดับสองได้เร็วแบบนี้?
เมื่อคิดถึงสาเหตุของเรื่องนี้ เขาก็หันหน้าไปมองรอบ ๆ ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้มีพื้นที่ไม่น้อยเลย นอกจากนี้บนพื้นยังเต็มไปด้วยเลือดและเศษเนื้อ ไม่ใช่หนึ่งถึงสองคนที่ตายแน่ ๆ ต้องมีคนตายอย่างน้อยสิบสองคน
หรือพูดอีกอย่าง แมวดำตัวนี้กินผลึกกลายพันธุ์จากพวกซอมบี้ไปไม่น้อยกว่าสิบก้อน
“คิดแล้วรู้สึกขยะแขยงชะมัด แต่ก็ ยืนยันการดูดซับ!”
แม้จะรู้สึกสะอิดสะเอียนเล็กน้อย แต่ก็ยังนับว่าคุ้มค่าที่ได้ดูดซับผลึกแมวกลายพันธุ์ระดับสอง
“เดี๋ยวก่อน ฉันลืมขุดผลึกแมวกลายพันธุ์ออกมาซะสนิทเลย อยู่ไหนแล้ว?”
ขณะยืนดูแมวดำกลายพันธุ์สลายหายไปกลางอากาศ เฉินเทียนเซิงทรุดตัวลงทันที ผลึกระดับสองหาไม่ได้ง่าย ๆ นะ!
เมื่อเขาเข้าไปเช็กค่าพลังของตัวเอง ระบบก็ไม่ขึ้นว่าบวกอะไรเพิ่มเลย มีแต่คะแนนที่เพิ่มขึ้นมาสิบแต้ม
“ไอ้ระบบบ้า คืนเจ้าแมวมาเดี๋ยวนี้นะ!”
ไม่ว่าจะเป็นซอมบี้ระดับสอง หรือสัตว์กลายพันธุ์ระดับสอง แน่นอนว่าต้องมีค่าสูงกว่าผลึกกลายพันธุ์ระดับหนึ่งอยู่แล้ว
เขาจำบางอย่างในชาติก่อนได้ราง ๆ ว่า ตอนที่เขาเข้าร่วมกับฐานผู้รอดชีวิต เขาได้ดูดซับผลึกกลายพันธุ์ระดับสอง ด้วยความสามารถที่ได้รับมา ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในขุมพลังของคนกลุ่มนี้ และได้รับฉายาว่าเป็นเทพสงคราม
“โอเค โอเค ฉันฆ่าแมวกลายพันธุ์ตายไปฟรี ๆ แถมไม่ได้อะไรดี ๆ กลับมาเลย นี่ ระบบ จะไม่อธิบายเรื่องนี้ให้ฉันฟังหน่อยเลยเหรอ?”
ไม่มีการตอบกลับจากระบบ ราวกับไม่มีระบบที่ว่าอยู่จริง
“เป็นโชคร้ายของฉันสินะ ไว้คราวหน้าฉันจะเช็กให้ดีก่อนดูดซับแล้วกัน”
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องนี้ ซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัย ก่อนอื่นต้องทำให้มั่นใจว่าที่นี่ปลอดภัยชัวร์
เขาเดินย่องไปที่ประตู ก่อนพบว่ามีซอมบี้เดินเตร็ดเตร่อยู่รอบ ๆ เต็มไปหมด เขาจึงค่อย ๆ ลดบานเกล็ดของหน้าต่างลงเพื่อไม่ให้ซอมบี้เดินผ่านมาเห็น
หลังจากนั้น เขาก็เริ่มย้ายของกระจุกกระจิก โต๊ะ เก้าอี้ และม้านั่งมาวางพิงประตูแล้วบังหน้าต่างเอาไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีซอมบี้หลุดเข้ามา
หลังจากจัดการสถานที่เสร็จ เขาก็รีบขนอาหารและน้ำที่จำเป็นกลับขึ้นข้างบน ขั้นตอนนี้ทำให้เขาเหนื่อยไม่ใช่เล่น
แต่อย่างว่า คนที่กล้าหาญเท่านั้นจึงจะได้รับรางวัล ส่วนคนขี้ขลาดจะต้องอดตาย นี่แหละคือความโหดร้ายของวันสิ้นโลก
หลังจากพบเจอเรื่องวุ่นวายและเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ก็ถึงเวลาดื่มด่ำกับความสุข
เขานำน้ำแร่ออกมาล้างมือ ก่อนเริ่มปรุงอาหาร โดยใช้เนื้อกระป๋องลงไปต้มในหม้อไฟขนาดเล็ก ตราบใดที่ยังมีความกล้า ก็สมควรแล้วที่ได้รับรางวัล
ระหว่างรอจนหม้อไฟเดือด เขาได้เข้าไปดูในระบบ แม้จะเสียดายที่ไม่ได้ขุดเอาผลึกแมวกลายพันธุ์ออกมา แต่ตอนนี้เขามีคะแนนรวมมากถึงสิบสี่แต้ม ซึ่งสามารถไปแลกแพ็กของขวัญได้แล้ว สงสัยจังว่าจะมีของดีอะไรบ้าง?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ปัดมือเพื่อสั่งแลกแพ็กของขวัญในทันที
“แลกคะแนน 10 แต้ม”
หลังจากนั้นก็มีหีบสมบัติสีขาว สีเขียว สีน้ำเงิน สีม่วง และสีทองกะพริบสลับกันไม่หยุด
“มาเลย มาเลย มาเลย...”
ไม่นานระบบสั่งหยุดที่หีบสมบัติสีน้ำเงิน หลังจากเปิดหีบ เขาได้รับขวดยาเพิ่มความเร็วบวก 5
“ความเร็วบวก 5 นี่คือของชดเชยจากผลึกแมวกลายพันธุ์สินะ?”
“แลกทั้งทีขอเป็นผลึกกลายพันธุ์หน่อยสิ นี่มันไม่จำเป็นเลย”
หลังจากโบกมือ หน้าแพ็กของขวัญก็หายไป แต่หน้าค่าพลังของเขาไม่มีอะไรเพิ่มขึ้น
“ล้อเล่นรึเปล่าเนี่ย?”
“ยาหายไปไหน?”
เขาโบกมืออีกหลายครั้ง เพื่อหายาที่ได้มา แต่กลับไม่พบอะไรเลย ปรากฏว่ายาเพิ่มความเร็วบวก 5 หายไปซะอย่างนั้น
“ระบบ ยาของฉันหายไปไหน? นี่แกล้งกันเหรอ?”
พูดจบ ดวงตาของเขาก็เริ่มพร่ามัว จู่ ๆ หน้าสถานะค่าพลังของเขาก็เด้งขึ้นมา
แถวแรกของหน้าสถานะ มีขวดยาหนึ่งขวดปรากฏอยู่
“ระบบ อันนี้คือฟังก์ชันกระเป๋าเป้อวกาศเหรอ?”
เมื่อเขากดไปที่ขวดยาเพิ่มความเร็วบวก 5 ทันใดนั้นขวดยาสีเขียวก็ปรากฏขึ้นในมือเขา เขากระดกดื่มมันลงไปอย่างไม่ลังเล ไม่นานเขารู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับค่าพลังที่เปลี่ยนไป
พลังกาย : 3
ความแข็งแกร่ง : 3
ความเร็ว : 8
พลังใจ : 3
เขาไม่ได้สนใจค่าพลังที่เปลี่ยนไปมากนัก เพราะเขาให้ความสนใจกับฟังก์ชันกระเป๋าเป้อวกาศเป็นพิเศษ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เขานึกอะไรขึ้นได้ จึงหยิบขวดน้ำแร่ใส่เข้าไปในกระเป๋าเป้ เพื่อทดสอบสมมุติฐานที่เขาสงสัย
“ไม่อยากเชื่อเลย เป้นี่ใช้เก็บสิ่งของจากโลกจริงได้ด้วย!”
การค้นพบนี้ทำให้เฉินเทียนเซิงดีใจและตื่นเต้นมาก ๆ ด้วยฟังก์ชันกระเป๋าเป้อวกาศนี้ ก็จะไม่มีอะไรที่เขาไม่สามารถเก็บได้
หลังจากนั้น เฉินเทียนเซิงก็หยิบขวดน้ำแร่ออกมา แล้วใส่กลับเข้าไปอีกครั้ง แต่ระบบขึ้นว่าใส่ของไปแล้วเพียงช่องเดียว
เขาจึงใส่ขวดน้ำแร่ที่เหลือ ตามด้วยอาหารกระป๋องเข้าไปในกระเป๋าทั้งหมดด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เขาใส่ของไปแล้วยี่สิบช่อง
“เจ๋งดีนี่หว่า”
เขาลุกขึ้นยืนเพื่อกลับไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอีกครั้ง หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้แบกของหนักเลย ทั้งยังรู้สึกผ่อนคลายและตัวเบามาก ต่างจากตอนนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังแบกของที่หนักไม่น้อยไปกว่าสองถึงสามกิโลกรัม
เมื่อเขาหยิบของบางส่วนออกมา เขาพบว่าสามารถขยับร่างกายได้คล่องตัวมากขึ้น จากนั้น เขาก็ได้ข้อสรุปว่า กระเป๋าเป้อวกาศนั้นบรรจุของได้ไม่จำกัด แต่ขีดจำกัดในการแบกของนั้นก็คือตัวเขาเอง
“ยังดีที่ได้รู้ข้อดีข้อเสีย แต่ถ้าฉันรู้ว่าตัวเองมีฟังก์ชันนี้ คงไม่ต้องไต่เชือกขึ้นลงเพื่อแบกของตั้งแต่แรก”
ขณะครุ่นคิด หม้อไฟก็เดือดได้ที่พอดี แต่เขายังไม่กินในตอนนี้ รีบไต่เชือกลงไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อแบกอาหารขึ้นมาตุนไว้บนห้องเพิ่ม
...
ห้อง 601
พวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองหิวเกินไปหรือเพลียจนประสาทหลอน กลิ่นหม้อไฟและเนื้อกระป๋องตุ๋นลอยกรุุ่นอยู่ในอากาศ ความหอมฟุ้งลอยขึ้นมาถึงชั้นบน ทำให้ใครต่อใครที่ได้กลิ่นต้องน้ำลายไหล
ไม่ใช่แค่ห้อง 601 แต่ผู้รอดชีวิตเกือบทั้งหมดที่ยังอยู่ในตัวอาคาร พอได้กลิ่นหม้อไฟจาง ๆ ก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้
“หอมโว้ย”
เว่ยเฉียงตะโกนขึ้นมาด้วยความหิว ก่อนกลืนน้ำลายลงคอแล้วสาปแช่งว่า
“ใครกันเนี่ย วันสิ้นโลกแบบนี้ยังมีอารมณ์กินหม้อไฟ แถมกลิ่นยังหอมน่ากินอีก!”
ห้อง 601 มีผู้รอดชีวิตมากกว่าสิบคน แต่มีเพียงเว่ยเฉียงและลูกน้องเท่านั้นได้กินอาหารรองท้องไปบ้างเล็กน้อย
กลิ่นหอมของหม้อไฟกระตุ้นต่อมความหิวของทุกคน เว่ยเฉียงที่ทนต่อไปไม่ไหว ก็ใช้อำนาจที่ตัวเองมีอีกครั้ง
เขาหันกระบอกปืนไปหาคนที่เหลือ แล้วออกคำสั่งว่า
“ฟังให้ดี ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเราคงหิวตายกันหมด ใครจะเป็นคนออกไปหาอาหาร?”
พวกอันธพาลที่เหลือต่างถกเถียงกัน เพียงแค่คิดว่าตัวเองต้องไปเผชิญหน้ากับพวกซอมบี้ ก็ไม่มีใครกล้าอาสาเลยสักคน
“ฉันไม่ไป”
“ฉันก็ไม่ไปเหมือนกัน!”
ลูกน้องของเขาต่างส่ายหน้าไม่ยอมไป จากนั้นเว่ยเฉียงก็หันไปหาหลิวเหล่ยด้วยสายตาแปลก ๆ
สีหน้าของหลิวเหล่ยซีดลงทันที จากนั้นเขาก็รีบก้มหน้าหลบสายตาของเว่ยเฉียง
จู่ ๆ หม่าเชี่ยนเชี่ยนนึกอะไรบางอย่างออก จึงเข้าไปเขย่าแขนของหลิวเหล่ย เมื่อเห็นเขายังนิ่งก็เขย่าแรงมากขึ้น
“พี่เหล่ย พี่เหล่ย”
“ไป๊ๆๆ นี่เธอทำบ้าอะไรเนี่ย?”
“เผียะ”
หลิวเหล่ยหงุดหงิดมาก ยกฝ่ามือขึ้นแล้วตบหน้า หม่าเชี่ยนเชี่ยน
แก้มข้างหนึ่งของหม่าเชี่ยนเชี่ยนบวมเป็นสีแดง ไม่นานน้ำตาแห่งความผิดหวังก็ค่อย ๆ รินไหล
“แค่นี้ร้องไห้ เธอมันอ่อนแอชะมัด”
หม่าเชี่ยนเชี่ยนสะอื้นก่อนตอบกลับว่า
“เมื่อวันก่อนฉันเห็นว่าในกระเป๋าเป้ของเฉินเทียนเซิง มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และน้ำแร่หลายขวดอยู่เต็มไปหมด!”
หลิวเหล่ยชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนนึกขึ้นได้ว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำแร่ สิ่งเหล่านี้เขาสามารถไปแย่งชิงมาได้
ด้วยความตื่นเต้น เขารีบเดินเข้าไปเว่ยเฉียงเพื่อบอกข้อมูลนี้
“พี่เฉียง เจ้านั่นที่ทำฉันแขนหัก มันตุนอาหารไว้ในห้องเยอะเลย ฉันคิดว่าอาหารพวกนั้นคงเพียงพอสำหรับพวกเราทุกคนแน่ อย่างน้อยก็ช่วยให้อิ่มไปหลายมื้อ บางทีกลิ่นหม้อไฟนั่นอาจมาจากเขาก็ได้”
เว่ยเฉียงหรี่ตาลง ราวกับกำลังคิดแผนร้าย