บทที่ 7 สัตว์กลายพันธุ์ปรากฏตัว
บทที่ 7
สัตว์กลายพันธุ์ปรากฏตัว
ห้อง 601
สถานการณ์ภายนอกเงียบไปไม่กี่นาที เว่ยเฉียงรู้สึกหิว และท้องเริ่มร้อง เขาไปคุ้ยหาอะไรกินตามตู้ต่าง ๆ ในห้อง แต่ทั้งหมดที่เขาพบคือความว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยที่จะทำให้ท้องของเขาหายอิ่มได้
“นี่นังหนู เช่าห้องถูก ๆ ไม่ซื้ออาหารติดห้องไว้เลยเหรอ?”
ผู้หญิงที่ถูกเขาข่มขืน เธอถูกมัดปิดปาก นั่งหนาวสั่นอยู่ตรงมุมห้อง เนื่องจากเมื่อวานนี้เธอถูกกระทำชำเราตลอดทั้งคืน ตอนนี้เธอทั้งหวาดกลัวและอับอาย ร่างกายอ่อนล้า สีหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“ฮือ ฮือ ฮือ ฉันอยากอยู่คนเดียว!”
“ครืน”
ทันใดนั้นทั้งอาคารก็สั่นสะเทือน ทำให้ทุกคนต่างตกใจกลัว
“เกิดอะไรขึ้น?”
“แผ่นดินไหวเหรอ?”
แม้แต่พวกอันธพาลเองก็ตื่นตระหนก
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาต่างเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ถือได้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้น่าเป็นห่วงจริง ๆ
“ครืน”
อาคารเกิดการสั่นสะเทือนอีกครั้ง แต่คราวนี้ดูไม่เหมือนเสียงแผ่นดินไหว เหมือนเป็นเสียงทำลายข้าวของมากกว่า
“นอกจากซอมบี้จะดุร้ายแล้ว พวกมันยังทำลายสิ่งของได้อีก พี่ใหญ่เฉียง เราควรทำยังไงดี?” หลิวเหล่ยถามเขาด้วยความเป็นกังวล
“อย่าไปกลัว ต่อให้พวกมันพังของได้ก็เถอะ แต่ฉันมีปืน ถ้าพวกซอมบี้บุกเข้ามา ฉันจะฆ่ามันเอง!”
“ครืน”
อาคารเกิดการสั่นสะเทือนอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ แรงสั่นสะเทือนที่ว่ากลับรุนแรงมากกว่าครั้งก่อน แม้เว่ยเฉียงจะเข้มแข็งมากแค่ไหน แต่เขาก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย
เพราะกลัวเสียฟอร์ม เขาจึงพูดขึ้นว่า “อย่ากลัวไปเลย ฉันจะปกป้องทุกคนจากวันสิ้นโลกเอง ฉันจะปกป้องทุกคนจากพวกซอมบี้เอง!”
แม้เขาจะพูดส่ง ๆ ไปอย่างนั้น แต่ใครหลายคนก็โล่งใจมากขึ้นเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้
สุดท้ายทุกคนในห้องต่างรู้ดีว่า เว่ยเฉียงนั้นโหดเหี้ยมก็จริง แต่เขาเป็นคนซื่อสัตย์ และปฏิบัติต่อคนของเขาดีมาก ๆ
ก่อนวันสิ้นโลก ไม่ว่าเขามีของดีอะไร ถ้าเขามีกินได้ใช้ คนของเขาก็ต้องได้กินได้ใช้เหมือนกัน
แต่ตอนนี้ทั้งห้องขาดแคลนทรัพยากรอาหาร และมีคนมากกว่าสิบสองคนในห้องนี้ ซึ่งต่อให้หาอาหารมาได้ก็อาจไม่เพียงพอสำหรับทุกคน
ทุกคนต่างมองตากันและกันด้วยความเครียด!
...
ห้อง 301
แรงหมัดสามหมัดที่ต่อยไปยังพื้นกระเบื้องนั้น กลายเป็นรูขนาดใหญ่พอให้คนปีนเข้าออกได้ โดยขั้นแรก จะต้องเตรียมเชือกเพื่อใช้ไต่ลงไปดู
จากโครงสร้างภายในอาคารแห่งนี้ ชั้นหนึ่งและชั้นสองเป็นห้องที่ถูกรีโนเวทใหม่ แทนที่ชั้นหนึ่งจะทำเป็นห้องสำหรับให้เช่าเปิดร้าน ก็ได้ทำบันไดเชื่อมขึ้นมาที่ชั้นสองด้วย พื้นที่ในห้องนี้จึงคล้าย ๆ กับโกดัง
ทั้งยังอยู่ตรงกับห้องของเฉินเทียนเซิงพอดี มันถูกเช่าทำเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตสองชั้น
หลังจากต่อยพื้นจนเป็นรู เขาได้ตัดแผงสายไฟบางส่วนที่ขวางทางออก ก่อนพบว่าชั้นสองของซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นมืดสนิท
เมื่อเขาไต่เชือกลงไปชั้นล่าง จู่ ๆ เขาก็ได้กลิ่นคาวเลือดที่เหม็นสาบ
เขาชะงักครู่หนึ่ง ก่อนเตรียมพลั่วเพื่อใช้ป้องกันตัว แล้วค่อย ๆ ตั้งโล่ขึ้นมา
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ที่ไหนมีกลิ่นเลือด ที่นั่นต้องมีซอมบี้ ปกติซอมบี้นั้นมองอะไรไม่เห็น จึงอาศัยประสาทสัมผัส การได้กลิ่น และการได้ยินในการโจมตี
ก่อนหน้านี้เขาต่อยพื้นห้องจนเกิดเสียงดัง ถ้ามีซอมบี้เพ่นพ่านอยู่ พวกมันต้องมารวมตัวกันตรงจุดนี้นานแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีเลยสักตัว แปลว่ามีบางอย่างผิดปกติ
จู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นในใจ ความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกเป็นเหยื่อ
“ไม่ได้การแล้ว”
สายเกินไปที่จะไหวตัวทันในตอนนี้!
เฉินเทียนเซิงตัวสั่นเทา เขาถอยหลังกลับอย่างช้า ๆ ด้วยความประหม่า
ประสบการณ์เมื่อสิบปีในชาติก่อน ความรู้สึกแปลก ๆ นี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก...
เจอสัตว์กลายพันธุ์!
“กรึก”
โดยไม่คาดคิด เฉินเทียนเซิงบังเอิญเหยียบก้อนอิฐจนแตกละเอียด ทำให้เขากังวลมากกว่าเดิม
มีเงาดำบางอย่างกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้
เฉินเทียนเซิงรีบตั้งโล่เพื่อเตรียมป้องกัน
“เปรี้ยง แคร๊ง”
มีบางอย่างพุ่งเข้ามาปะทะโล่ ทำให้เกิดประกายไฟท่ามกลางความมืดมิด เฉินเทียนเซิงสังเกตเห็นดวงตาสีเขียวที่สะท้อนกับประกายไฟเมื่อครู่
การโจมตีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เงาดำที่วิ่งไปมาในห้อง เปลี่ยนตำแหน่งถึงสามจุดภายในเวลาไม่ถึงวินาที แล้วแวบหายไป
เฉินเทียนเซิงเหงื่อแตกพลั่ก ในที่สุดก็จำได้แล้วว่ามันเป็นสัตว์กลายพันธุ์ประเภทใด
มันคือ แมวดำที่ถูกเลี้ยงโดยเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ต!
เขาจำแมวดำตัวน้อยแสนเชื่องตัวนั้นได้ราง ๆ เจ้าของแมวดำมักโพสต์รูปมันในโซเชียลอยู่บ่อยครั้ง เขียนเนื้อหาอธิบายไว้ว่ามันมีขนสีดำตลอดทั้งตัว ต้องรอมันลืมตาก่อนถึงจะเห็นว่าอยู่ไหน
เมื่อนึกขึ้นได้ ความหายนะก็เริ่มต้นแล้ว แมวดำตัวนี้คงติดเชื้อจนวิวัฒนาการเป็นสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ ไม่เพียงแต่มันจะกินเนื้อคนเท่านั้น แต่สัตว์กลายพันธุ์ยังกินซอมบี้เป็นอาหารอีกด้วย
สิ่งที่อันตรายที่สุดในวันสิ้นโลกไม่ใช่แค่ซอมบี้เพียงอย่างเดียว ถ้าพูดในแง่ของความดุร้าย สัตว์กลายพันธุ์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่ากลัวมาก
คงเป็นฝันร้ายหากสัตว์กลายพันธุ์ถูกปล่อยให้วิวัฒนาการ จนก้าวไปสู่ระดับสูงและเกิดภูมิปัญญา
ในชาติก่อน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์กลายพันธุ์ ทุกคนต่างแนะนำให้วิ่งหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ปัญหาติดอยู่ที่รูขนาดใหญ่ซึ่งเขาเป็นคนทำขึ้นมาเอง ถ้าไม่ต่อสู้ก็ต้องตายอยู่ที่นี่!
“สู้สิวะ นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเอง ดูซิว่าฉันแกร่งขึ้นมากแค่ไหน ออกมาเลย วัดกันสักตั้ง!”
เฉินเทียนเซิงตะโกนเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ตัวเอง ในขณะที่สัตว์กลายพันธุ์ยังคงซ่อนตัวเพื่อรอโอกาสจู่โจม ต่อให้เขาตะโกนเรียกไปก็เปล่าประโยชน์
สัตว์กลายพันธุ์ไม่ได้มีพฤติกรรมเหมือนพวกซอมบี้ เพราะยีนนักล่ายังคงฝังอยู่ในยีนของสัตว์พวกนี้ โดยเฉพาะแมว มนุษย์จึงค่อนข้างรับมือได้ยาก
“ใช่แล้ว มันเป็นแมวนี่นา!”
เฉินเทียนเซิงมีแผนบางอย่าง ต่อให้สรรพสิ่งจะวิวัฒนาการไปมากแค่ไหน ทุกอย่างย่อมมีจุดอ่อน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ก็ตาม
ยังมีโอกาสเหลืออยู่ ต้องชนะ!
เฉินเทียนเซิงวิ่งไปที่บันไดอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ว่าแมวดำวิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ หมายจะฆ่าเขาด้วย การโจมตีเพียงครั้งเดียว
“ตามมา!”
เขายกโล่ขึ้นแล้วหมุนตัวกลับ
“แคร๊ง”
แมวดำเหยียบโล่แล้วกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ แต่จู่ ๆ เงาดำก็แวบหายไปอีกครั้ง
เฉินเทียนเซิงถือโล่ด้วยมือข้างหนึ่งและถือพลั่วด้วยมืออีกข้างหนึ่ง เฉินเทียนเซิงเดินลงบันไดไปทีละขั้นอย่างระมัดระวัง
ยิ่งลงไปกลิ่นคาวเลือดก็แรงขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่หน้ากากป้องกันแก๊สพิษก็เริ่มกรองอากาศได้น้อยลง ทำให้ได้กลิ่นคาวเลือดอย่างชัดเจน
เขาเริ่มประหม่ามากขึ้น จนได้ยินเสียงหัวใจเต้น
เมื่อเดินลงมาถึงชั้นแรก ก็สังเกตเห็นรอยเลือดกระจายไปทั่วทุกจุด
ชั้นวางสินค้าพังทลาย ซากศพเกลื่อนกลาด เศษแขนขากระจายอยู่ทั่วพื้น
“เจ้านี่ฆ่าไปกี่คนแล้วเนี่ย?”
ชั่วพริบตา แมวดำกระโดดออกมาจากมุมมืดอีกครั้ง
การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วมาก เป็นเหมือนหมอกสีดำที่กำลังลอยเข้ามาใกล้
“เชี่ยเอ๊ย!”
เขาใช้โล่บล็อกการโจมตีเอาไว้ ก่อนใช้พลั่วในมือขวาฟันเสยจากด้านล่าง
แต่สิ่งที่น่ากลัวเกี่ยวกับสัตว์กลายพันธุ์อย่างแมวดำคือปฏิกิริยาและความเร็วของมัน เพราะสรีระเก่าจากร่างเดิม ทำให้แมวดำสามารถหลบการโจมตีของเขาได้อย่างรวดเร็ว ก่อนกระโดดข้ามหัวเขาแล้วหายเข้าไปในมุมมืดอีกครั้ง
เมื่อรู้ว่าเทคนิคนี้ไม่สามารถใช้สู้กับแมวดำได้ เฉินเทียนเซิงจึงเดินหน้าต่อ ในขณะที่ถือโล่ป้องกันไปด้วย เมื่อเดินเข้ามาถึงโซนอาหารกระป๋อง เขาเหลือบไปเห็นปลากระป๋องตกอยู่บนพื้น จึงตวัดพลั่วเพื่อผ่ากระป๋องออกเป็นสามท่อน
“เมี๊ยว”
เสียงแหบแห้งดังขึ้น ฝ่ามือของเฉินเทียนเซิงชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่เขากลับยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“มาเลยเจ้าแมวน้อย”
กลิ่นของปลาเป็นอันตรายต่อแมวมาก ๆ ถึงการกลายพันธุ์จะช่วยปลดล็อกและขยายขอบเขตธรรมชาติของสัตว์ก็ตาม
หมอกสีดำปรากฏตัวออกมาจากมุมมืดอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาด้วยความกระหายเลือด จ้องจะปลิดชีวิตเหยื่อของมัน
“เข้ามาเลย ไม่ต้องเกรงใจ!”
เฉินเทียนเซิงจับพลั่วให้แน่นที่สุด เขามีโอกาสเพียงครั้งเดียว ถ้าเขาไม่สามารถฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ตัวนี้ได้ คงยากที่จะหาโอกาสฆ่ามันอีกครั้ง
แมวก็คือแมว ไม่มีทางเมินอาหารโปรดของตัวเองแน่นอน
เมื่อแมวดำวิ่งเข้ามาใกล้ มันก็ก้มหมอบไปที่ปลากระป๋องทันที
“เสร็จฉัน!”
เฉินเทียนเซิงเหวี่ยงพลั่วสุดแรง ชั่วพริบตานี้ เขาใช้พลั่วฟาดลงไปที่กลางหัวแมวดำ
“เมี๊ยว ม๊าววว...”
แมวดำกรีดร้องโหยหวน ดวงตาสีเขียวเฉียบคมของมันจับจ้องไปที่เฉินเทียนเซิง
“แย่แล้ว มันยังไม่ตาย!”
เฉินเทียนเซิงรู้สึกเย็นวาบไปทั้งหลัง แต่ก็สายเกินไปแล้วที่จะโจมตีอีกครั้ง ด้วยความเร็วของแมวกลายพันธุ์ เขาไม่มีโอกาสโจมตีมันเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นสัญชาตญาณนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ก่อนวันสิ้นโลกพลันปะทุขึ้นมา จึงยกโล่ในมือซ้ายขึ้นเพื่อเตรียมป้องกัน