บทที่ 6 การค้นพบโดยบังเอิญ
บทที่ 6
การค้นพบโดยบังเอิญ
ต้องบอกเลยว่าพลั่วของเขาถือเป็นอาวุธที่ดีในการฆ่าซอมบี้มาก ๆ
ด้วยการแทงเพียงครั้งเดียว หัวของซอมบี้ก็ขาดออกจากลำตัว ส่งกลิ่นเหม็นเน่าและคาวเลือดลอยคละคลุ้งไปทั่ว ศพของซอมบี้ที่โดนตัดหัวติดคาอยู่กับหน้าต่าง
แต่นี่เป็นเพียงตัวเดียวเท่านั้น เมื่อสังเกตจากรอยขีดข่วน น่าจะมีซอมบี้อยู่สามถึงสี่ตัว
“โครม”
“กรอด กรร กรร”
เสียงคำรามที่บ้าคลั่ง พร้อมกับเสียงกระจกที่แตกกระจายไปทั่วทางเดิน ทำให้ทุกคนที่ได้ยินต่างสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
ประตูห้องนอนของห้อง 601 เปิดออกมา
เว่ยเฉียงถือปืนด้วยมือข้างหนึ่ง อีกมือหนึ่งกำลังหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้นวะ ข้างนอกมีเรื่องบ้าอะไรอีก?”
ลูกน้องของเขาตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“ไม่รู้สิ ลูกพี่ เสียงเหมือนพวกซอมบี้พังหน้าต่างเลย น่ากลัวจริง ๆ”
เว่ยเฉียงเดินเข้าไปเตะลูกน้องของตัวเอง
“ดูความปอดแหกของแกสิ ถ้าไอ้พวกบ้านั้นกล้าเข้ามา ฉันจะฆ่าพวกมันด้วยปืนนี่เอง!”
ขณะที่เขาพูด มือที่กำลังถือปืนอยู่ก็สั่นอย่างกับผีเข้า
แม้จะตัวสั่นด้วยความกลัว แต่เขาพยายามกลั้นใจเดินไปที่ประตู ก่อนแนบหูชิดประตูเพื่อฟังเสียงด้านนอก
เสียงดังเมื่อกี้ห่างจากพวกเขาประมาณสามชั้น ถึงพวกเขาจะมองไม่เห็นเหตุการณ์ แต่ก็พอเดาได้ว่าน่าจะเป็นเสียงซอมบี้ที่บุกเข้าไปในห้องของใครบางคนทางหน้าต่าง อาจกินผู้โชคร้ายคนนั้นไปแล้วก็ได้
เมื่อนึกถึงฉากที่น่าสยดสยองชวนอ้วกขึ้นมา เว่ยเฉียงก็รู้สึกเสียวสันหลังไปถึงปลายเท้า
เขารีบก้าวถอยหลังกลับมาแล้วตะโกนว่า
“อย่ามัวยืนนิ่งสิวะ รีบย้ายโต๊ะเก้าอี้ไปขวางประตูเร็วเข้า ถ้าซอมบี้เข้ามาได้ละก็ พวกเราได้ตายกันหมดแน่!”
ก่อนวันสิ้นโลก เดิมทีเว่ยเฉียงเป็นใหญ่ในละแวกนี้อยู่แล้ว หลังจากวันสิ้นโลก พอเขาดันได้ปืนมาครอบครอง เขาก็ยิ่งบ้าอำนาจมากกว่าเดิม
...
ขณะเดียวกัน เฉินเทียนเซิงใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย จัดการซอมบี้ไปได้ถึงสี่ตัว เขาใช้มือข้างหนึ่งจับขอบระเบียงไว้ และใช้พลั่วงัดหัวซอมบี้เพื่อหาผลึกกลายพันธุ์ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง
ถ้าคนอื่น ๆ มาเห็นฉากนี้ คงต้องรู้สึกสะอิดสะเอียนจนอ้วกออกมาแน่นอน
แต่งานแบบนี้เขาเคยทำมาตลอดสิบปีเมื่อชาติก่อน การทำความสะอาดพื้นที่และเคลียร์ศพถือเป็นงานของคนระดับล่างสุดอย่างเขา หลังจากถูกใช้งานมาหลายปีและทำซ้ำอยู่หลายแสนครั้ง เขาก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ไปโดยปริยาย
หลังจากรวบรวมผลึกกลายพันธุ์ได้สี่ก้อน เขาก็พลิกตัวแล้วกระโดดกลับมาที่ระเบียงห้องของตัวเอง ก่อนนั่งยอง ๆ ลงบนพื้นและสูดอากาศเฮือกใหญ่
แม้ว่าเขาจะคุ้นชินกับงานนี้แค่ไหนก็ตาม แต่ร่างกายในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป ถ้าเขาไม่ใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อม แล้วอาศัยแค่พละกำลังของตัวเอง คงฆ่าซอมบี้ได้ไม่ถึงสี่ตัวแน่นอน
อย่างไรก็ตาม พอถือผลึกกลายพันธุ์สี่ก้อนไว้ในมือ ระบบในหัวก็ทำประมวลผลทันที ตอนนี้เขาได้รับคะแนนทั้งหมดสี่แต้ม
“ต่อให้มีคะแนนถึงสี่แต้ม แต่แพ็กของขวัญต้องใช้ถึงสิบแต้ม แปลว่าต้องฆ่าซอมบี้ให้ถึงสิบตัว”
“เฮ้อ ก็เอาสิ”
หลังจากนั้นเขาก็นำผลึกกลายพันธุ์ขึ้นมาดู ทันใดนั้นระบบในหัวก็พูดขึ้นมาว่า
“ตรวจพบพลังงานสำหรับวิวัฒนาการทางพันธุกรรม ต้องการดูดซับหรือไม่”
เฉินเทียนเซิงผงะไปครู่หนึ่ง เดิมทีเขาแค่ต้องการไล่ฆ่าซอมบี้เพื่อสะสมผลึกกลายพันธุ์ หลังจากสร้างฐานที่มั่นได้แล้ว เขาค่อยเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นเสบียงเพื่อตั้งตนเป็นทรราชในท้องถิ่น
เขาเลยคาดไม่ถึงว่าจะได้กำไรกลับมาด้วย
“วิวัฒนาการสินะ งั้นเอาเลย! ยืนยันการดูดซับ!”
ทันทีที่เฉินเทียนเซิงพูดจบ ผลึกกลายพันธุ์ทั้งสี่ก้อนก็เปล่งแสง ก่อนซึมเข้าไปในร่างกายผ่านทางแขน แล้วไหลเข้าสู่สมองผ่านเส้นเมอริเดียน*ราวกับกระแสน้ำ
*เส้นเมอริเดียน = หรือเรียกอีกอย่างว่าเส้นสมมุติ ซึ่งใช้ในการลากเส้นบอกตำแหน่งของอวัยวะภายในต่าง ๆ ในศาสตร์ฝังเข็มรักษาโรค
ทันใดนั้นเฉินเทียนเซิงก็รู้สึกว่าปวดหัวขึ้นมา ทั้งวิงเวียนและคลื่นไส้
“เชี่ยเอ๊ย ความรู้สึกแบบนี้ไม่ใช่การติดเชื้อใช่ไหม?”
เนื่องจากชาติที่แล้ว เขาทำงานล่วงเวลาอยู่ในบริษัทเป็นเวลาครึ่งเดือน จึงรอดพ้นจากช่วงแพร่ระบาดมาได้ เขาจึงไม่รู้ว่าเวลาติดเชื้อจะมีอาการอย่างไร
ความเสียใจ และความกลัวเริ่มเกาะกินหัวใจของเขา
“ไม่ ไม่ ไม่ ฉันไม่อยากกลายเป็นซอมบี้ ไม่นะ!”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินเทียนเซิงก็รู้สึกปลอดโปร่งมากขึ้น โลกที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่เคยชัดเจนขนาดนี้มาก่อน
เดิมทีเขาเป็นคนสายตาสั้น จึงมองเห็นอะไรไม่ค่อยชัด แต่ตอนนี้เขารู้สึกปลอดโปร่งมาก ทั้งยังรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าอาการสายตาสั้นของเขาแทบไม่หลงเหลืออยู่
เขายืนงุนงงอยู่พักหนึ่ง ก่อนรีบดูระบบในหัว เพื่อดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
พลังกาย : 1
ความแข็งแรง : 1
ความเร็ว : 1
พลังใจ : 1
“สุดยอด!”
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและยืดเส้นยืดสักหน่อย ก่อนพบว่าความเมื่อยล้าเมื่อกี้หายเป็นปลิดทิ้ง ไม่เพียงแต่ฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้น แต่ยังมีความแข็งแรงมากกว่าเดิมอีกด้วย
“666* ฮ่า!”
*666 = เป็นศัพท์ที่วัยรุ่นในจีนชอบใช้คุยแชตกัน มีความหมายประมาณว่า เยี่ยม ดี ชื่นชม เชี่ยวชาญ เก่ง
หลังจากเพลิดเพลินกับความหอมหวานที่ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น เฉินเทียนเซิงคิดขึ้นได้ว่าวันนี้คงต้องออกแรงเพิ่มกันหน่อย
เขาหยิบพลั่วขึ้นมา ก่อนพลิกตัวกลับแล้วกระโดดออกไป ทุบหน้าต่างหลายบานให้แตก จนเกิดเสียงดังไปทั่วโถงทางเดินอีกครั้ง
ห้อง 601
เว่ยเฉียงกำลังสั่งให้ทุกคนขนของที่มีน้ำหนักมากพอที่จะเอาไปดันประตูได้ แต่เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงดังอีกครั้ง ก็พากันวิ่งหนีไปหลบตามมุมต่าง ๆ ภายในห้อง
“เวรเอ๊ย พอกันที ถ้ากล้าก็เข้ามาสิ?”
เว่ยเฉียงเล็งปืนไปที่ประตูอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ทุกครั้งที่เกิดเสียงกระจกแตก ตัวของเขาสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้แต่มือที่ถือปืนอยู่ก็สั่นเป็นผีเข้า
แต่ดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น พวกเขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ขณะนั้นเฉินเทียนเซิงเองก็อยู่ที่โถงทางเดินเช่นกัน เขากำลังเดินผ่านห้องที่หน้าต่างแตกอยู่ก่อนแล้วอย่างระมัดระวัง มือข้างหนึ่งเตรียมพลั่วให้พร้อม อีกมือหนึ่งถือโล่ค้างไว้เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
ระหว่างที่เดินเข้าไปใกล้ เขาสังเกตเห็นว่าประตูบานหนึ่งชโลมไปด้วยเลือดสด ๆ และยังมีคนตายในนั้นมากกว่าสิบศพ
บางศพถูกซอมบี้ฉีกเป็นชิ้น ๆ บางศพมีรอยกระสุนกลางหัวจากการยิงฆ่าตัวตาย
เมื่อเข้าไปเช็กซากศพทีละตัว พบว่ามีแปดศพที่กำลังจะกลายร่างเป็นซอมบี้ จึงรีบใช้พลั่วทุบกะโหลกแล้วงัดเอาผลึกกลายพันธุ์จากท้ายทอยออกมา
แม้ว่าซอมบี้ที่ไม่ได้ถูกฆ่าด้วยฝีมือของเขาเองจะไม่มีคะแนนให้ แต่ก็ยังได้ผลึกกลายพันธุ์มาถึงแปดก้อน นั่นก็ถือเป็นกำไรไม่น้อยเลย หลังจากวันสิ้นโลกที่เกือบทุกชีวิตได้สูญสิ้นไป อย่างน้อยผลึกกลายพันธุ์แปดก้อนนี้ก็เพียงพอที่จะใช้แลกแพ็กของขวัญได้แล้ว
“ขอรับไปล่ะนะ ฮ่าฮ่า”
เมื่อได้ผลึกกลายพันธุ์มาแล้ว เขารู้ดีว่าคงไม่เหมาะที่จะอยู่ตรงนี้เป็นเวลานาน เพราะยังมีซอมบี้อยู่นอกโถงทางเดิน และบางตัวก็ยังเดินเตร่อยู่ในห้องบางห้อง เขาจึงกระโดดออกจากห้องนี้ผ่านทางหน้าต่างให้เร็วที่สุด เพื่อกลับไปยังห้องของตัวเอง หลังจากล้างเศษเนื้อและคราบเลือกออก เขาก็นำผลึกกลายพันธุ์ทั้งแปดก้อนออกมา เพื่อทำการดูดซับ
อาจเป็นเพราะเขาดูดซึมพลังงานมาแค่นิดเดียว จึงไม่เกิดปฏิกิริยารุนแรงขึ้นกับร่างกาย จากนั้นเขาก็คาดเดากระบวนการออก
การดูดซับพลังงานวิวัฒนาการทีละ 1 หน่วย จะไม่ได้รับผลข้างเคียงใด ๆ แต่ถ้าดูดซับพลังงานสองหน่วยพร้อมกันอาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาบางอย่าง ยิ่งดูดซับเป็นจำนวนมากปฏิกิริยาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
หลังจากดูดซึมเรียบร้อยแล้ว ค่าพลังในด้านต่าง ๆ ของเฉินเทียนเซิงในปัจจุบันคือ
พลังกาย : 3
ความแข็งแรง : 3
ความเร็ว : 3
พลังใจ : 3
เหมือนทุกอย่างมันง่ายเกินไป ตอนนี้เฉินเทียนเซิงรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แม้ว่าในชาติก่อนเขาจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นอยู่ประมาณหนึ่งก็ตาม แต่เขาก็ไม่รู้สึกแข็งแกร่งเท่ากับตอนนี้
เขาจดจำข้อมูลเกี่ยวกับมนุษย์ยุคใหม่ได้บางอย่าง คนที่ได้ทำการวิวัฒนาการในระยะแรก มีพลังหมัดที่หนักถึงห้าร้อยกิโลกรัม ยกน้ำหนักได้เกือบแปดร้อยกิโลกรัม และยังเคลื่อนที่ได้เร็วถึงหนึ่งร้อยเมตรในสิบวินาทีอีกด้วย
เขายังไม่มีอุปกรณ์ ดังนั้นจึงยังไม่สามารถทดสอบได้
ถ้าอย่างนั้น…
ความคิดของเฉินเทียนเซิงเริ่มแล่น จึงคิดวิธีทดสอบแบบอื่นขึ้นมาได้
เหตุผลที่เขาเลือกกลับมาที่อาคารนี้ ก็เพราะต้องการเลือกที่อยู่อาศัยซึ่งมีราคาประหยัดให้กับตัวเอง
อีกทั้งที่นี่ยังเป็นเขตพัฒนาที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่มีคนอาศัยอยู่น้อย แน่นอนว่าซอมบี้มีจำนวนไม่เยอะเท่าในตัวเมือง อันตรายก็ค่อนข้างน้อย
เหตุผลที่สอง เพราะอาคารแห่งนี้มีซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ชั้นล่าง
แม้ว่าเขาจะซื้อเสบียงตุนมาไว้ก่อนเกิดวันสิ้นโลก แต่เงินหนึ่งพันหยวนนั้นไม่เพียงพอที่จะซื้อของมาตุนไว้เยอะ ๆ ได้ เขาจึงใช้น้ำเพียงสามขวดในการล้างสิ่งสกปรก
แต่ถ้าเขาครอบครองซูเปอร์มาร์เก็ตไว้เอง ผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างออกไป
ไหนลองดูซิ
เขาเดินไปตรงมุมหนึ่งในห้องนอน นั่งยอง ๆ ลงกับพื้น ชูกำปั้นขึ้นมา แล้วเหวี่ยงหมัดออกไปสุดแรงเกิด
“ตูม”
มีแค่กระเบื้องปูพื้นที่แตก แต่ผนังยังอยู่ครบ
เขาถูกำปั้นตัวเองพร้อมกับบ่นพึมพำ
“ดูเหมือนความแข็งแกร่งของฉันจะยังไม่เท่าพวกระยะแรก ถ้าฉันอยากแข็งแกร่งมากขึ้น หนทางต่อจากนี้คงอีกยาวไกล!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ปล่อยหมัดชกพื้นอีกครั้ง