บทที่ 50 แบ่งพรรคพวกมาอยู่กับผม
บทที่ 50
แบ่งพรรคพวกมาอยู่กับผม
เถ้าแก่วัยกลางคนชี้หน้าตัวเอง ผ่านไปนานกว่าจะรู้ตัว เขาลนลานเปิดประตูลงมาจากรถ ก่อนวิ่งตัวสั่นมาหา เฉินเทียนเซิงด้วยความกลัว
ทันใดนั้นแข้งขาก็อ่อนแรง ทรุดลงคุกเข่าคล้ายคำนับลงกับพื้น
“วีรบุรุษ ได้โปรดอย่างฆ่าผมเลย ผมไม่อยากตาย ผมมีเงินนะ คุณอยากได้อะไรผมจะยกให้หมดเลย”
“ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร จินหยวน เถ้าแก่โรงงานเหล็กของเจียงเฉิง ผมไม่ต้องการเงินของคุณหรอก”
เฉินเทียนเซิงย่อตัวลงตรงหน้า ก่อนเอ่ยเย้าแหย่
“ผมอยากให้คุณนำทางไปโรงงานเหล็กของคุณต่างหาก!”
เถ้าแก่จินหยวนคำนับรับคำงก ๆ
“ขอแค่คุณไม่ฆ่าผม ผมนำทางไปได้ทุกที่ตามที่คุณต้องการเลย”
เฉินเทียนเซิงเงยหน้ามองเฉยเมย และหันไปหาหญิงสาวที่ยังนั่งคุดคู้หลบมุมด้วยท่าทีหวาดกลัวสิ้นสติ
“คุณพาเธอไปด้วย”
จินหยวนเดินย่องอ้อมซอมบี้ตัวใหญ่ไป ขณะอดทนกับอาการมวนท้อง เมื่อมาถึงตัวเธอก็ช่วยประคองขึ้นพลางบอก
“ลุกขึ้นได้แล้ว หัวหน้าใหญ่กองบรรณาธิการกู้หง ไปเร็วเข้า อย่ามัวแต่เหม่อ”
เฉินเทียนเซิงรู้ว่าทั้งสองรู้จักกัน ฝ่ายชายชื่อจินหยวน เจ้าของโรงงานเหล็ก ส่วนฝ่ายหญิงชื่อกู้หง เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์เจียงเฉิง
ชาติก่อนตอนเขาได้รับความช่วยเหลือและมาถึงฐานผู้รอดชีวิต อีกฝ่ายมีหน้าที่ต้อนรับและจัดแจงชีวิตของเขา
ทว่าผ่านไปไม่กี่วันจินหยวนก็ถูกย้ายไป ได้ยินว่าออกปฏิบัติการใหญ่ไปยังโรงงานเหล็ก เพื่อนำเหล็กทั้งหมดที่โรงงานกลับมายังฐานผู้รอดชีวิต
จินหยวนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญและถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแผนกผลิตโลหะ รับผิดชอบดูแลการทำอาวุธให้กับผู้รอดชีวิต มีดยาวที่ทำให้หยางเซวี่ยโด่งดังไปทั่วโลกก็เป็นฝีมือของจินหยวน
ส่วนหัวหน้าใหญ่กองบรรณาธิการ กู้หง เธอเป็นผู้บริหารจัดการเรื่องภายในฐานผู้รอดชีวิต ซึ่งอาจถือว่ารับตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารทรัพยากรมนุษย์ของฐานผู้รอดชีวิต
มันถือเป็นงานง่ายในชาติก่อน เฉินเทียนเซิงจึงไม่รอช้าเข้าไปสอพลอเธอ
นึกไม่ถึงว่าในชาตินี้เขาจะเป็นคนมาช่วยเหลือทั้งสองคนนี้ สมกับคำว่าสามสิบปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำสามสิบปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ
*สามสิบปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำสามสิบปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ หมายถึง เรื่องราวเปลี่ยนแปลงรุ่งเรืองตกต่ำไม่แน่นอน
จินหยวนช่วยพยุงกู้หงเดินผ่านซากปรักหักพังออกมา เฉินเทียนเซิงต่อยซอมบี้แล้วเอ่ยโดยไม่หันหลังไปมอง
“พวกคุณสองคนตามผมมา”
จินหยวนเอ่ยเสียงสั่น
“วีรบุรุษ ผมยังมีของมีค่าหลายอย่างที่บ้าน กลับไปเอาได้ไหม”
“ไม่ได้!”
เขาสวนกลับทันควัน “ถ้าอยากตายก็กลับไปเอามันก็ได้ ผมจะไม่ห้ามคุณหรอก”
“ไม่ๆๆๆ ไม่เอาแล้ว”
จินหยวนโบกมือปัดป่าย คล้ายบอกว่าเมื่อครู่เขาเพียงพูดไปอย่างนั้น
เฉินเทียนเซิงนำหน้าเปิดทางและฆ่าซอมบี้ที่บุกเข้ามา โดยมีทั้งสองประคองกันเดินตามหลังมาในระยะประชิด
เขายืนอยู่บนท้องถนนรกร้างหลังพ้นประตูเขตชุมชนออกมา สายตาจ้องไปยังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียวของเขตพัฒนา
ในเมื่อมีซอมบี้ระดับ 3 ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ คงไม่เหลือใครรอดในห้างแห่งนี้แล้ว โชคดีที่พบตัวมันทันการ หากปล่อยให้วิวัฒนาการเป็นระดับ 4 และมีความสามารถพิเศษ อาจต้องสู้ชนิดหืดขึ้นคอ
ทว่าตอนนี้ซอมบี้ระดับ 3 ตายแล้ว แถวนี้จึงไม่มีภัยคุกคามอีกต่อไป
เขานำทางทั้งสองกลับไปยังรถบรรทุกคันโต ให้พวกเขาขึ้นด้านหลัง ส่วนเขารีบขับไปรับพรรคพวกทั้งสาม
เสียงจากปฏิบัติการกู้ภัยดังสนั่น ดึงดูดซอมบี้ที่อยู่ห่างออกไปหลายไมล์ ลัวหลงกับลัวเฟิงดูแลบริเวณถนนเส้นหลัก ลมไฟทำงานร่วมมือกัน โหมกระพือให้ไฟยิ่งลุกโชน
หยางเซวี่ยว่องไว ไม่เผชิญหน้ากับซอมบี้ตรง ๆ ลอบฆ่าพวกมันในพริบตาโดยไม่ต้องขยับเท้า
ทั้งสามรับดูแลรับผิดชอบศูนย์กลางการคมนาคมไล่เรียงกันไป ป้องกันไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ห่างออกไปข้ามเขตมาก่อกวนทีมกู้ภัย
รถบรรทุกเคลื่อนตัวออกไป เฉินเทียนเซิงบีบแตรส่งสัญญาณให้หยางเซวี่ย
หยางเซวี่ยพลันแทงหัวซอมบี้ ก่อนมาถึงรถบรรทุกอย่างรวดเร็ว
เฉินเทียนเซิงเหยียบคันเร่งพุ่งชนซอมบี้ที่เหลือจนกระเด็นลอยหวือกลางอากาศ ก่อนมุ่งหน้าไปยังจุดที่สองพี่น้องตระกูลลัวคอยดูแลอยู่
ตอนนี้ลัวหลงกับลัวเฟิงกำลังสนุกกับการฆ่า ท้องถนนตกอยู่ท่ามกลางกองไฟอย่างกับบ่อเพลิง ยังไม่ต้องเอ่ยถึงซอมบี้ แม้กระทั่งร้านรวงและป้ายโฆษณาตามถนนยังมอดไหม้ดำ
“ปี๊น ๆ”
รถบรรทุกมาถึงก่อนเสียง ลัวเฟิงเหลียวหลังมอง
“พี่ เลิกเล่นแล้วไปกันได้แล้ว!”
แม้ลัวหลงยังจัดการไม่เสร็จ แต่ก็วิ่งกลับมาที่รถบรรทุกพร้อมน้องสาว
เจ้าตัวรีบกระโดดขึ้นรถก่อนเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “อาจารย์ ตอนนี้ผมฝีมือพัฒนาขึ้นเยอะเลยนะ ควบคุมไฟได้แล้ว กางเกงคงไม่ไหม้แล้วล่ะครับ”
“ยังไม่พอ!”
เฉินเทียนเซิงเหยียบคันเร่งและหักเลี้ยวทันที มุ่งหน้าไปยังถนนที่จากมาและรีบออกไป
ทีมกู้ภัยทำข้อตกลงตอนออกเดินทาง ว่าหลังจากการกู้ภัยเสร็จสิ้นจะไปเจอกันที่รอบนอกเขตพัฒนา แน่นอนว่าเพื่อกลับไปพร้อมกัน
แม้รถบรรทุกจะแล่นช้าแต่ก็ไม่ได้รั้งท้าย ขับมาพักใหญ่กว่าจะพบทีมกู้ภัยจากทางอื่นก่อนเหยียบคันเร่ง
ขบวนรถมาถึงจุดนับพบ เจ้าหน้าที่ทหารที่เฝ้ารอใจจดใจจ่อชะโงกหน้าออกมานอกหน้าต่าง
ผู้รอดชีวิตที่ได้รับการช่วยเหลือซึ่งอยู่บนรถตื่นตระหนกและเอาแต่โวยวาย
“ทำไมไม่ไปสักที นานแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกซอมบี้จะไม่ตามมาทันหรอกเหรอ?”
“นี่ คุณเจ้าหน้าที่ ไปกันเถอะ เราเป็นคนธรรมดานะ สู้กับพวกซอมบี้ไม่ได้หรอก”
“ใช่แล้ว เราไม่อยากอยู่รอความตายกับพวกคุณหรอกนะ”
เหล่าผู้รอดชีวิตพูดคุยกันไม่หยุดปาก ก่อนการถกเถียงจะสิ้นสุดลง
“หุบปาก!”
หัวหน้ากองกำลังได้รับคำพร่ำบ่นไม่ขาดหู เขาหันไปตวาดใส่บรรดาผู้รอดชีวิต
การได้ฟังถ้อยคำปวดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดการทำภารกิจหลายวันที่ผ่านมา ต่อให้คนใจเย็นที่สุดยังเหลืออดได้
“ขึ้นเสียงใส่ฉันเหรอ ฉันเป็นแค่คนธรรมดา ทำตัวแบบนี้ได้ยังไง คอยดูเถอะ ฉันจะร้องเรียนคุณ”
หญิงสูงวัยคนหนึ่งตะโกนสุดเสียง อย่างกับบรรดาเจ้าหน้าที่ไปติดค้างอะไรเธอไว้
“ทุกคนห้ามพูดอะไรทั้งนั้น ยังมีคนจากทีมกู้ภัยที่ยังไม่กลับออกมา เราตกลงกันแล้วว่ามาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน”
สวี่หว่านชิงทำหน้าที่ผู้ไกล่เกลี่ยความบาดหมางระหว่างสองฝ่าย ทว่าทันทีที่เอ่ยออกไป คุณป้าท่านหนึ่งก็แผดเสียงบอก
“ต้องรอเนี่ยนะ เราไม่อยากอยู่รอความตายกับเธอหรอก!”
ตอนนี้เองที่เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อทุกคนหันมองก็เห็นรถบรรทุกคันหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้น
ทว่าไม่ใช่เพื่อนร่วมภารกิจกู้ภัย!
ความดีใจของเหล่าเจ้าหน้าที่ดับมอดลง ยิ่งทวีให้ผิดหวัง
“คงจริงอย่างที่บอกกันว่าคนดีอยู่ไม่นาน คนชั่วกลับอายุยืนนับพัน”
อาสาสมัครกล่าวกับตนเอง
หากแต่หลังจากนั้นก็เห็นรถบรรทุกอีกคันแซงออกมาจากด้านหลังรถบรรทุกคันนั้น
“นั่นคนของเรา”
พวกเขาถอนหายใจโล่งอก ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และคงดีถ้ากลับมากันอย่างปลอดภัย
รถบรรทุกและยานพาหนะของทีมกู้ภัยทยอยมารวมตัวกันทีละคัน
ในจังหวะที่หัวหน้าทีมขึ้นรถเตรียมสั่งออกเดินทาง เฉินเทียนเซิงกลับเหยียบเบรกกลางทาง
ทุกคนตกใจอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ทำเช่นนั้น
ประตูรถเปิดออก เขาวิ่งไปขึ้นหลังรถบรรทุกพร้อมเอ่ยปากสั่ง
“ทุกคนฟังทางนี้ ทิ้งพรรคพวกกลุ่มหนึ่งไว้กับผมเพื่อยึดครองเขตพัฒนาและจัดตั้งพื้นที่ด่านหน้า”
ระหว่างนั้นก็เปิดหลังรถ ก่อนชี้ไปทางกู้หงและสั่ง
“ลงจากรถและตามพวกเขากลับไปพื้นที่ปลอดภัย!”
จินหยวนชี้หน้าตัวเอง
“แล้วผมล่ะ?”
“คุณอยู่ที่นี่มีประโยชน์”
ว่าจบก็ลากกู้หงลงจากรถพาไปส่งให้นายทหารที่เร่งรีบอยู่ โดยไม่แยแสสีหน้าเหยเกคล้ายจะร้องไห้ของจินหยวน
“หมายความว่ายังไง”