บทที่ 50 ศรหักสังหาร
บทที่ 50
ศรหักสังหาร
“ใครบอกว่าข้าตายไปแล้ว?”
นี่เป็นประโยคแรกที่อวี้ซีหยวนโพล่งขึ้นเมื่อนางเดินเข้าไปในจวนอย่างสง่าผ่าเผย
“ท่านอ๋อง รู้หรือไม่ขอรับ ตอนนั้นข้าตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าอะไร”
ลั่วจ้านชิงเหลือบมองเขาด้วยสายตาเย็นชาเช่นเคย ก่อนกล่าวออก “ตื่นเต้นมากหรือไม่?”
จ้านพลันห่อไหล่ลู่ลงทันที พร้อมกับส่ายหน้ารัว “ไม่ ไม่ ไม่เลยพ่ะย่ะค่ะ หากเป็นเรื่องทั่วไปกระหม่อมคงไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด ทว่าเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่นางอวี้ ข้ากลับตื่นเต้นยิ่งนัก” จริงสิ แล้วเหตุใดเรื่องเกี่ยวกับอวี้ซีหยวนจึงทำให้เขาตื่นเต้นถึงเพียงนี้ เขาก็ไม่อาจเข้าใจตนเองในขณะนั้นเช่นกัน
ชิวเหอและป้ากู้ลอบสังเกตปฏิสัมพันธ์ระหว่างลั่วจ้านชิงและจ้าน ก่อนจะก้มหน้าลงพร้อมเผยรอยยิ้ม
เวลานั้นพวกนางก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กันเลย
ครั้นสังเกตว่าบรรยากาศเงียบสงบผิดปกติ ลั่วจ้านชิงจึงหันไปถามไถ่อวี้ซีหยวนด้วยความสงสัย “เจ้าไม่มีสิ่งใดต้องการพูดแล้วรึ?”
อวี้ซีหยวนเหลือบมองเขาเพียงเล็กน้อยแล้วโคลงศีรษะ “ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว”
นางได้รับดอกไม้ป่าสีม่วงมาแล้ว ส่วนชิวเหอและป้ากู้ก็ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากนรกแห่งนั้นแล้วเช่นกัน ทั้งยังมีโอกาสสร้างรอยแผลให้ทั้งอวี้เจี๋ยและอวี้เซียงบาดเจ็บ ถึงแม้นางจะลงมือเบาไปหน่อย แต่เพื่อเป็นการตอกหน้าไป๋ตู้รั่ว เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
อวี้ซีหยวนรู้สึกว่าผลลัพธ์ในวันนี้เป็นที่น่าพอใจ
ถึงกระนั้นก็ยังไม่สาสมสำหรับนาง
ครั้นเห็นรูปลักษณ์ที่ไร้ซึ่งความแยแสของอวี้ซีหยวน ลั่วจ้านชิงไม่รู้ว่าเหตุใดตัวเขาถึงได้อารมณ์เสียเป็นพิเศษ ทว่าเขากลับนิ่งเงียบไม่กล่าวคำใด เพียงเพ่งความสนใจไปยังด้านหนึ่งของรถม้า
ล้อรถม้าหยุดลง อวี้ซินหรานซึ่งนั่งคอยอยู่หน้าประตูพระตำหนักเห็นเข้าจึงรีบวิ่งออกไปหาด้วยความยินดี ยิ่งเมื่อเห็นว่าคนที่เพิ่งก้าวลงจากรถม้าคือคนที่นางรออยู่ นางยิ่งมีความสุขมาก
“พี่สาว ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที”
“ใช่แล้ว และผู้ที่กลับมาไม่ได้มีเพียงข้าเท่านั้น แต่ยังมี…” อวี้ซีหยวนเบี่ยงกายหลบไปด้านข้าง เผยให้เห็นคนอีกสองที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ป้ากู้! พี่ชิวเหอ!”
ใบหน้าอวี้ซินหรานแสดงความประหลาดใจอย่างที่สุด ไม่นานหลังจากนั้นจึงร้องไห้โฮตามประสาเด็ก ก่อนจะรีบโผเข้าหาอ้อมกอดของป้ากู้ จับชายเสื้อของนางไว้แน่น
ป้ากู้เองก็นึกประหลาดใจไม่แพ้กัน ดังนั้นนางจึงรับร่างอวี้ซินหรานเข้าไปโอบกอดไว้แน่น พยายามอย่างหนักที่จะปลอบโยนนาง
ดวงตาชิวเหอแดงก่ำจากการร้องไห้ ขณะลูบหลัง อวี้ซินหรานก็เอ่ยปลอบประโลมไปพลาง “คุณหนูสี่อย่าได้ร้องไห้ไปเลยเจ้าค่ะ ป้ากู้และข้าอยู่ที่นี่กับท่านแล้ว”
อวี้ซินหรานผู้เฉลียวฉลาดไม่คร่ำครวญเสียงดังอีก เพียงซุกตัวอยู่แต่ในอ้อมแขนของป้ากู้และสะอื้นไห้แผ่วเบา ถึงกระนั้นอวี้ซีหยวนก็คล้ายจะได้ยินนางเอ่ยว่า “ข้าคิดถึงพวกท่านเหลือเกิน”
นางไม่คิดจะห้ามปรามพวกนางแต่อย่างใด เพียงรอคอยอย่างเงียบ ๆ ให้ทั้งสามร้องไห้จนพอใจ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ทุกคนจะเข้าไปในพระตำหนัก กลับต้องพบเจอกับสถานการณ์น่าระทึกบางอย่าง
ลูกศรก้านหักพุ่งตรงมาจากระยะไกล เป้าหมายคล้ายต้องการเล็งตรงไปยังศีรษะของอวี้ซีหยวน
ศรหักดังกล่าวพุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง ก่อนที่เสียงหวีดตัดกับอากาศจะเงียบลง
อวี้ซีหยวนสังเกตเห็นโดยสัญชาตญาณ แต่ในขณะที่นางต้องการก้มศีรษะลงเพื่อหลบหลีก นางกลับถูกลั่วจ้านชิงเดินมาอยู่ด้านข้างพร้อมกับเปลี่ยนทิศทางการหลบหลีกของนาง โดยการหมุนตัวอวี้ซีหยวนให้หันหลังกลับก่อนจะปกป้องนางไว้ในอ้อมแขนท่ามกลางความตกตะลึง ทำให้สามารถหลบศรหักที่พุ่งตรงมาได้อย่างหวุดหวิด
อวี้ซีหยวน “...”
ลั่วจ้านชิงเหลือบมองอวี้ซีหยวน จากนั้นละสายตามองลงไปยังศรหักที่สามารถใช้มือจับไว้ได้อย่างพอดิบพอดี
“ลอบสังหารด้วยศรหักอย่างนั้นหรือ?”
อวี้ซีหยวนขมวดคิ้ว “นี่ไม่ใช่การลอบสังหารเสียหน่อย ส่งให้ข้าเถิด มันเป็นของข้าต่างหาก”
“หืม? ของเจ้างั้นรึ?”
ลั่วจ้านชิงพลิกศรหักในมือไปมา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใด ๆ ของลูกศรดังกล่าว แต่เขาไม่ต้องการให้หญิงสาวตรงหน้าคิดว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่
“เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นหน้าพระตำหนัก ส่วนใหญ่เป็นเพราะหมายจะเอาชีวิตข้า แต่เจ้ากลับบอกว่าศรดอกนี้เป็นของเจ้า เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าและพวกพ้องรวมหัวกันวางแผนลอบสังหารข้า”
อวี้ซีหยวน “...”
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หลังจากลั่วจ้านชิงคอยปกป้องนางจากลูกศรเช่นเมื่อครู่ นอกจากจะรู้สึกว่าชายคนนี้คาดเดาอารมณ์ได้ยากแล้ว นางยังรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย