บทที่ 49 ซ่อนเร้น
บทที่ 49
ซ่อนเร้น
อวี้ซีหยวนพยักหน้า
แม่ทัพผู้นั้นไม่เคยมีความประทับใจใด ๆ ต่อความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม จดจำได้เพียงแผ่นหลังใหญ่ ร่างกายสูงโปร่งกำยำและทรงพลังของเขาเท่านั้น
“จ้าน”
“หืม?” จู่ ๆ นางเรียกเขาด้วยเหตุใดกัน?
อวี้ซีหยวนเงยหน้าขึ้น แล้วกล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ต่อไปนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่าคุณหนูอีก”
หลังจากกล่าวเช่นนั้น นางก็ตบไหล่จ้านที่กำลังอยู่ในภาวะตกตะลึงจนไม่ทันตอบสนอง แล้วเดินออกจากห้องไป
จ้าน “...”
จู่ ๆ เขาเกิดแรงกระตุ้นอยากจะทุบตีหญิงสาวตรงข้างหน้าให้ตายไปเสีย
แต่แล้วหมัดที่กำแน่นก็คลายออกมาอย่างจนใจ อืม หากเขากล้าทุบตีนางจนตาย หลังจากนั้นไม่แน่ว่าเขาอาจถูกท่านอ๋องทุบตีจนตายเป็นรายต่อไป
ฮึ่ม! ต้องอดทน!
หลังจากระงับสติอารมณ์ได้แล้ว จ้านก็รีบเดินตาม อวี้ซีหยวนออกไปอย่างรวดเร็ว
“ที่นี่คือสวนหลังจวนหรือ?”
จ้านมองดูดอกไม้ที่มีลักษณะเหี่ยวเฉาแห้งทั้งหมดซึ่งถูกปลูกไว้บนกระถางดอกไม้ขนาดเล็ก รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
“ไม่ถูก เหตุใดดอกไม้ที่นี่จึงเหี่ยวเฉาแห้งกรอบ สวนทางกับส่วนใบที่เป็นสีเขียวสดเล่า?” จ้านยื่นมือออกไปด้วยต้องการจะสัมผัสดอกไม้เหล่านั้น แต่กลับถูกอวี้ซีหยวนตีมือเสียก่อน
“อะไรกัน?”
“อย่าแตะต้องพวกมันเชียว”
“เหตุใดจึงแตะต้องไม่ได้เล่า? พวกมันแห้งเหี่ยวไปหมดแล้วนี่”
อวี้ซีหยวนจนปัญญา เหตุใดเจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ถึงไม่ยอมเชื่อฟังนางแต่โดยดีกันนะ?
“หลังจากหยกโลหิตสัมผัสเข้ากับค่ายกล อาจเป็นผลทำให้ดอกไม้เหล่านี้เหี่ยวเฉา กล่าวคือชั้นแรกของค่ายกลถูกทำลายลงแล้ว”
“ค่ายกลงั้นหรือ?”
จ้านมองไปยังกระถางดอกไม้ขนาดเล็กอย่างประหลาดใจ ทว่าไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“อืม มันถูกซ่อนเร้นไว้อย่างไรล่ะ”
จ้านยังไม่เข้าใจ ถึงกระนั้นเขาก็ยอมถอนมือกลับมาอย่างเชื่อฟัง ตระหนักแล้วว่าอวี้ซีหยวนอาจเข้าใจกลไกการทำงานของค่ายกลอย่างถ่องแท้ ไม่แน่ว่าความสามารถของนางอาจเทียบเท่ากับท่านอ๋องก็เป็นได้
“เจ้าถอยไป!”
อวี้ซีหยวนมองไปยังกระถางดอกไม้ขนาดเล็กตรงหน้า เส้นสายกลไกของค่ายกลปรากฏขึ้นภายในดวงตา ราวกับว่านางสามารถมองออกอย่างกระจ่างภายในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นจึงใช้เคล็ดวิชาลับบางประการเพื่อส่งพลังออกไป เสียง “ปัง” ดังขึ้นในโสตประสาท พร้อมกับกลุ่มควันสีขาวที่พวยพุ่ง ค่ายกลถูกคลี่คลายอย่างสมบูรณ์แล้ว
“เสียงอะไร?” จ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลพลันตื่นตัวขึ้นทันที แต่แล้วก็โล่งใจเมื่อรู้ว่าเสียงนั้นเกิดจากการกระทำของอวี้ซีหยวน
ขั้นตอนต่อไป ถือเป็นการฉายเดี่ยวของอวี้ซีหยวน
จ้านมองดูอวี้ซีหยวนอยู่ชั่วครู่ พบว่านางเรียกใช้เคล็ดลับบางอย่างติดต่อกัน บางครั้งการกระทำของนางก่อให้เกิดเสียงรบกวน บางครั้งก็ก่อให้เกิดเพียงแสงสีทองสว่างวาบ ก่อนที่ทุกสิ่งจะกลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
ไม่นานนักหลังจากนั้น อวี้ซีหยวนพ่นลมหายใจออก แล้ววางมือของนางลงบนกระถางดอกไม้ขนาดเล็กนั้น
ขณะนั้นเอง กระถางขนาดเล็กไม่มีดอกไม้ที่แห้งเหี่ยวเฉาอีกต่อไป มีเพียงต้นกล้าสีม่วงขนาดเล็กกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่ถูกปลูกอยู่ภายใน
เมื่อจ้านชะโงกหน้ามองตาม ก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง
ต้นอ่อนดังกล่าวมีขนาดเล็กมาก ความสูงเทียบเท่าดอกไม้ธรรมดาทั่วไปเท่านั้น
“เหตุใดดอกไม้ป่าสีม่วงจึงกลายเป็นต้นอ่อนไปเสียได้?”
“เป็นเพราะดอกไม้ร่วงหล่นไปนานแล้ว ดอกไม้ป่าสีม่วงที่มีลักษณะโตเต็มที่เป็นเช่นนี้ถูกแล้ว”
ขณะที่กล่าวเช่นนั้น มือทั้งสองข้างของนางไม่ว่างเว้นจากการทำงานแต่อย่างใด นางเด็ดดอกไม้ป่าสีม่วงลงในถุงเก็บสมบัติเพียงสองถึงสามต้น
ก่อนที่จะหันหลังกลับและเดินจากไป
จ้านเดินมาหยุดอยู่ข้างหลังอวี้ซีหยวน “ท่านต้องการไปสังเกตการณ์ที่ห้องโถงกลางหรือไม่? ท่านอ๋องอยู่ที่นั่น รวมถึงชิวเหอและป้ากู้ด้วย บางที...”
ยังไม่ทันที่เขาจะกล่าวจนจบประโยค นางรีบหันหลังกลับและเดินผ่านจ้านไปอย่างเร่งรีบ พลางกล่าวว่า “แล้วเจ้ามัวยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นทำไมกัน? นำทางข้าไปเร็ว!”
จ้านขมวดคิ้ว ถึงกระนั้นก็เดินติดตามไปอย่างรวดเร็ว “เฮ้ แต่ที่นี่เป็นบ้านเก่าของท่านมิใช่รึ?!”
หลังจากที่ทั้งสองเดินเข้าไปแล้ว พวกเขานอนราบอยู่บนหลังคาเหนือจวน เฝ้าดูทุกเหตุการณ์ภายในห้องโถงด้านหน้าโดยไม่ให้คลาดสายตา จนกระทั่งอวี้ซีหยวนได้ยินอีกฝ่ายกล่าวหาว่านางถึงแก่กรรมด้วยกามโรค
จ้านหันไปมองอวี้ซีหยวนซึ่งยังคงรักษาท่าทีนิ่งสงบ ทันใดนั้นจึงตระหนักถึงสถานการณ์ของนางอย่างถ่องแท้
“ท่านไม่คิดเป็นพยานให้กับตนเองหรอกหรือ?”
“รอต่อไปอีกหน่อย ไม่ต้องรีบร้อน”
“ไม่รีบร้อนงั้นหรือ นี่...”
ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ จ้านมองเห็นว่าอวี้ซีหยวนกระโดดลงไปเสียแล้ว หนำซ้ำยังเดินเข้าไปภายในจวนจากประตูด้านหน้า
ฉากนั้นช่างกล้าหาญน่าชื่นชมเหลือเกิน
ทว่าจ้านยังคงรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
แม่นางผู้นี้... เพิ่งจะกล่าวว่าไม่ต้องรีบร้อนเองไม่ใช่หรือ