บทที่ 49 ซอมบี้ระดับ 3
บทที่ 49
ซอมบี้ระดับ 3
“เขานี่เอง!”
ฝุ่นควันจางหาย คนที่เขานึกไม่ถูกชะตามายืนอยู่ตรงหน้าเขา
ไม่ว่าอย่างไรบรรดาเจ้าหน้าที่ทหารไม่คาดคิดว่าในยามคับขันที่สุด คนที่มาปกป้องตนจะเป็นเศษสวะเฉินเทียนเซิง
ตอนนี้ชายหนุ่มปรากฏตัวราวกับเทพเจ้าจากสรวงสวรรค์ สายฟ้าฟาดท่ามกลางลมกรรโชก ซอมบี้ฝูงใหญ่กระเด็นลอยไปไกลกว่า 10 เมตร
ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยขึ้น
“ซอมบี้ระดับ 3 โผล่มาแล้ว!”
เขาหันไปออกคำสั่งเชิงเหยียดหยาม
“เร็วเข้า รับมือกับซอมบี้พวกนี้ไม่ได้หรอก พาผู้รอดชีวิตหนีไปเร็ว ถ้าไม่รีบไปตอนนี้ไม่รอดออกไปแน่!”
ทีมกู้ภัยคัดค้านไปโดยไม่รู้ตัว
“ทำไมเราต้องเชื่อฟังด้วย”
ทว่าทันทีที่สิ้นคำ เฉินเทียนเซิงก็ออกหมัดฆ่าบรรดา ซอมบี้จอมตะกละตะกลามให้ได้รับชม
ซอมบี้ระดับ 3 ที่ถูกจู่โจมลอยกลางอากาศไปไกลร้องโหยหวนส่งเสียงลอยมา ทำเอาทุกคนเสียดหูและใจสั่นกลัวเย็นวาบไปหมด
เฉินเทียนเซิงกล่าวเสียงเรียบ
“ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป อยู่ตายที่นี่เนี่ยแหละ”
พวกเขาหน้าซีดเผือดด้วยความกลัว ขณะหันไปตะโกนบอก
“ทุกคนรีบอพยพให้เร็วที่สุด ลงมือได้!”
เสียงตะโกนนี้ทำให้ทั้งเจ้าหน้าที่ทหารและผู้รอดชีวิตรีบกรูไปยังขบวนรถ รถบรรทุกติดเครื่องก่อนทุกคนจะขึ้นรถ เมื่อเริ่มเคลื่อนตัวออกไป นายทหารก็กระโดดขึ้นรถตามกันไป
ทว่าในเวลานี้ยังมีอาสาสมัครและผู้รอดชีวิตขึ้นรถไม่ทัน พวกเขารีบไล่ตามพลางตะโกนไปด้วย
“รอฉันด้วย ได้โปรดอย่าทิ้งฉัน ฉันยังไม่อยากตาย!”
นายทหารบนรถเอื้อมมือลงมาดึงอาสาสมัครขึ้นไปทีละคน
บรรดาผู้รอดชีวิตที่ขังตัวเองอยู่ในบ้านเห็นขบวนรถกู้ภัยขับออกไป พวกเขาเปิดประตูออกมาก่นด่า
“เดี๋ยวสิโว้ย อย่าทิ้งฉันนะ หนีเอาตัวรอดไปทั้งอย่างนั้นได้ยังไง เป็นเจ้าหน้าที่ภาษาอะไร อับอายขายขี้หน้าเขาหมด ไม่สมกับเป็นทหารเลย!”
ตะโกนสุดเสียงไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะขบวนรถของทีมกู้ภัยได้แล่นจากไปแล้ว
ชายคนหนึ่งหันหลังรีบวิ่งไปยังโรงจอดรถในสภาพเหงื่อตก กุญแจรถถูกบิดติดเครื่องก่อนเหยียบคันเร่งสุดแรง
ทว่ารถสุดที่รักสภาพเหมือนชายแก่ร่อแร่ มันส่งแค่เสียงแต่เครื่องยนต์ไร้วี่แววจะติด
“ได้โปรด ๆๆๆ ติดสักทีเถอะ!”
ในจังหวะที่เถ้าแก่คนนั้นภาวนาทั้งเหงื่อแตกพลั่ก
“ตู้ม”
ซอมบี้ตัวโตกระเด็นเข้ามาในโรงจอดรถ ร่างยักษ์ของมันหล่นทับหลังคา หัวขนาดใหญ่กระแทกกระจกหน้ารถ
รอยแตกร้าวปรากฏบนกระจก เลือดสีดำไหลเข้ามาในรถตามรอยร้าว กลิ่นเหม็นปะทะเข้าหน้าเขาอย่างจัง ชวนให้เย็นผวาจับจิต
เถ้าแก่วัยกลางคนจับพวงมาลัย เขาแข็งทื่อสั่นเทาไปทั้งตัว น้ำใสสายหนึ่งไหลมาเปียกเลอะกางเกง
ซอมบี้ระดับ 3 พยายามเงยหน้าขึ้น ก่อนแยกเขี้ยวและร้องคำรามเกรี้ยวกราด
“อ้าก หิว!”
ทันใดหลังจากนั้น
เฉินเทียนเซิงกระโดดขึ้นบนหลังคารถ ง้างหมัดขึ้นต่อยศีรษะและใบหน้าของมัน
“หิว หิวเหลือเกิน!”
การออกหมัดราวกับพายุที่เกิดขึ้นยังคงติดตา
รถหรูสั่นตามทุกจังหวะเหวี่ยงกำปั้น แรงสะท้อนกลับทำให้หลังคางอตัวลง กระจกหน้ารถหลุดออกมาเพราะแรงนั้น ช่วงหน้ารถผิดรูปไปแทบจะทั้งหมด
ระหว่างเฉินเทียนเซิงกำลังสนุก เขาบังเอิญเจอเถ้าแก่วัยกลางคนในรถ อีกฝ่ายมองมาด้วยความตกใจ
เจ้าตัวเห็นว่ายอดฝีมือผู้นี้สวมหน้ากากและปิดบังใบหน้าไว้มิดชิด ก่อนยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เป็นรอยยิ้มที่ดูไม่สบายตากว่าการร้องคร่ำครวญ
เฉินเทียนเซิงมองอีกฝ่ายแต่ไม่ได้หยุดออกหมัดต่อย ยังคงโจมตีด้วยกำปั้นอย่างต่อเนื่อง
ถึงอย่างไรมันก็เป็นซอมบี้ระดับ 3 พละกำลังและ การป้องกันตัวย่อมแข็งแกร่ง ต่อให้ถูกต่อยเป็นร้อยรอบก็ยังพยายามต้านทานเอาไว้อย่างถึงที่สุด มันสบโอกาสเผลอตัวผลักมนุษย์ที่จู่โจมมันออก
“หิว!”
มันร้องคำรามโหยหวน ส่งเสียงดังสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
เถ้าแก่ในรถหน้าซีดหวาดกลัวจนสะอึกออกมาโดยไม่รู้ตัว
ซอมบี้ระดับ 3 หันขวับมาหา ก่อนยื่นมือหมายจะมาคว้าตัวเขาไป
“หิว”
การเห็นอาหารอยู่ใกล้แค่เอื้อม สำหรับซอมบี้แล้ว มันคือของล่อตาล่อใจซึ่งไม่อาจต้านทานได้
เหยื่อของมันหวาดกลัวจนฟันกระทบกัน สั่นระริกไป ทั้งร่าง ดวงตาเบิกกว้าง ทว่าไม่อาจทำสิ่งใดได้
ในจังหวะที่กรงเล็บมัจจุราชจวนจะมาถึงใบหน้าของเขา
เวลาเหมือนหยุดเดิน กรงเล็บที่ใกล้แค่เอื้อมชะงักค้างตรงหน้า
“เฮือก!”
เขาสะอึกอีกครั้ง อย่างกับมันเหมือนเป็นปุ่มเดินเวลา
ซอมบี้ระดับ 3 กลับมาขยับในสภาพงุนงง ร่างยักษ์ของมันถูกแรงมหาศาลดึงห่างออกไป
เฉินเทียนเซิงคว้าข้อเท้ามันลากมาขณะเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“กล้าดียังไงมาผลักฉัน!”
ชายหนุ่มออกแรงดึงเหวี่ยงมันออกมาไปสุดกำลัง
ร่างโตของมันถูกโยนลอยไปกระแทกกำแพงด้านนอกของคฤหาสน์ ก่อนไปหล่นอยู่ตรงกันข้ามคฤหาสน์
ฝุ่นควันฟุ้งโขมงไปทั่วบริเวณ
เฉินเทียนเซิงหันไปมองเถ้าแก่วัยกลางคนในรถ
“เดี๋ยวผมกลับมาหาทีหลัง!”
สิ้นคำเขาก็รีบถลาไปข้างหน้า ก่อนจะหายลับไปกลางอากาศ
เถ้าแก่วัยกลางคนตัวสั่น ตกตะลึงไปกับเหตุระทึกขวัญเมื่อครู่
……
ซอมบี้ตัวกระแทกกับกำแพงลอยไปหล่นอยู่ในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์
ตอนนี้หญิงสาวผมยุ่งเหยิงถือมีดคมไว้ในมือ เธอนั่งตัวสั่นหลบมุมอยู่ภายในห้อง
หลังซอมบี้กระเด็นเข้ามา เธอกรีดร้องด้วยความหวาดผวา หลับตาลงพร้อมมีดในมือ ก่อนปัดป่ายมันตรงหน้าสะเปะสะปะ
“ฮือ อย่าเข้ามานะ ออกไปนะ ฮือ!”
ซอมบี้อยู่ไม่ห่างจากเธอ กลิ่นเหม็นน่าพะอืดพะอมลอยมาให้ได้กลิ่น
ทั้งกลัว
ทั้งตื่นตระหนก
หญิงสาวไม่กล้าเผชิญหน้ากับซอมบี้ นับประสาอะไรกับการทำใจกับชะตากรรมการถูกกิน
ทว่าในชั่วขณะที่คิดว่าตนเองจะตาย ชายหนุ่มคนหนึ่งพลันเอ่ยขึ้น
“ส่งมีดคุณมาให้ผม!”
เธอเผลอลืมตาขึ้นทันที ก่อนได้เห็นฉากไม่คาดฝัน
ชายหนุ่มที่สวมหน้ากากกันแก๊สพิษกำลังเหยียบบนหัวซอมบี้ เขาพูดกับเธอ
“นี่ บอกให้ส่งมีดมาไงครับ”
เฉินเทียนเซิงว่าย้ำ
เธอยังไม่อยากจะเชื่อ สายตากวาดมองทุกอย่างตรงหน้าทั้งยังตัวสั่นระริก
เขาพูดไม่ออกเช่นกัน จึงเอื้อมไปคว้ามีดจากมือเธอมาเอง และหันกลับไปหาซอมบี้พร้อมบอก
“ปล่อยให้แกอวดดีมานานล่ะ มาจบเรื่องกันดีกว่า!”
“พรูด”
เขาเงื้อมีดแทงลงไป เลือดสีดำพุ่งพรั่งพรูออกมา
ซอมบี้ระดับ 3 ดีดดิ้นทว่าเปล่าประโยชน์ ร่างไร้ชีวิตของมันนอนแน่นิ่งตายอยู่บนพื้น
เฉินเทียนเซิงขุดเอาผลึกออกมาถือไว้ในมือและมองมัน
“ไม่เลวนี่ สมกับเป็นหัวของซอมบี้ระดับ 3 อีกไม่นานแกก็คงวิวัฒนาการเป็นระดับ 4 ได้แล้วเชียว น่าเสียดายที่มาถูกจับได้ซะก่อน”
เขากันไปมองหญิงสาวหลังเก็บผลึกเสร็จเรียบร้อย เธอกลัวสิ้นสติและกล่าวพึมพำกับตัวเอง
“อย่าเข้ามานะ ๆ”
ชาติก่อนเห็นเรื่องแบบนี้มาก็มากแล้ว แต่ก็ยังทำใจเคยชินไม่ได้เสียที มีหลายคนที่หวาดกลัวจนเสียสติ
เขาไม่สนใจอาการแตกตื่นของเธอ กลับหันไปตะโกนบอกเถ้าแก่วัยกลางคนในรถ
“คุณน่ะ รีบออกไปจากที่นี่ซะ!”