บทที่ 48 กู้ภัย
บทที่ 48
กู้ภัย
ณ เขตพัฒนาเจียงเฉิง
รอยเลือดแห้งกรังเปรอะเปื้อนไปทั่วท้องถนนทุกตารางเมตร บ้างมีแขนขาฉีกขาดให้เห็น ยานพาหนะส่วนใหญ่ถูกทิ้งร้าง กระจกร้านรวงสองข้างทางถูกรถชนแตกกระจาย
ตอนนี้เขตพัฒนาที่เคยเจริญได้ตกอยู่ในสภาพทรุดโทรม
ลมพัดขวดน้ำแร่กลิ้งบนท้องถนน กระทั่งหยุดลงเมื่อชนปลอกกับกระสุนปืน
ขบวนทีมกู้ภัยมือฉกาจเหยียบขวดน้ำไป ก่อนรถบรรทุกสีเขียวจะเร่งเครื่องผ่านพวกเขาไปทีละคัน
ในที่สุดขบวนรถก็แล่นตามทันรถบรรทุกคันใหญ่มาติด ๆ เดินทางผ่านท้องถนนรกร้างว่างเปล่า
“ทุกทีมฟังให้ดี ๆ เขตอันตรายอยู่ข้างหน้าแล้ว ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ใส่กระสุนเตรียมพร้อมยิงทุกเมื่อ หวังว่าทุกคนจะโชคดี”
เครื่องมือสื่อสารถูกตัดสัญญาณไป ทีมกู้ภัยแยกออกเป็น 3 กลุ่ม มุ่งหน้าแยกกันไปคนละทาง
รถบรรทุกมาถึงรั้งท้าย เฉินเทียนเซิงจ้องขึงขังก่อนเอ่ย
“ใช้คอมพิวเตอร์ดูผังเมือง”
หยางเซวี่ยในฐานะผู้ช่วยเตรียมพร้อมมาพักใหญ่แล้วจึงรายงาน “ที่นี่เป็นสี่แยกกลางเมืองของเขตพัฒนา ส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์และคฤหาสน์หรู”
เธอเปิดแผนที่ดาวเทียม เฉินเทียนเซิงเพียงมองก็เข้าใจคร่าว ๆ เขาอยู่เจียงเฉิงมานับสิบปี แม้สภาพภายนอกจะเปลี่ยนไป แต่ก็ยังจำเกี่ยวกับถนนสายสำคัญนี้ได้ดี
เขาจดจ่อกับการระมัดระวังทุกหัวมุมถนน
ระหว่างนี้ได้แต่ขับรถไปเรื่อย ๆ
แน่นอนว่าการกระทำของทีมกู้ภัยย่อมมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า
ขบวนรถหุ้มเกราะล่อซอมบี้ที่เดินไปมาออกไป ในขณะที่ทีมกู้ภัยบุกเข้าคฤหาสน์เพื่อช่วยเหลือ
เฉินเทียนเซิงรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของปฏิบัติการ เรียกได้อีกอย่างว่าเป็นพี่เลี้ยง ต้องออกโรงจัดการเมื่อมีอันตรายหรือป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น
เขาไม่ได้คิดจะทำตามขั้นตอน กลับจอดรถอยู่ข้างถนน ก่อนทั้งสี่จะรีบลงจากรถ
“ลัวหลง ลัวเฟิง พวกนายไปทางตะวันออก ส่วน หยางเซวี่ยอยู่เฝ้าทางตะวันตก”
ว่าจบทั้งสามก็แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ปิดทางเข้าออกเดียวของเขตพัฒนา มันเป็นสถานการณ์ที่เฉินเทียนเซิงเตรียมการไว้ก่อนมาที่นี่
ไม่ทันได้ไปไกล พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากแถวคฤหาสน์
“ทำไมถึงเพิ่งมา เรารออยู่ตั้งหลายวัน!”
มีอะไรกินไหม ขอฉันกินสักคำสิ”
“ช่วยฉันเอาภาพวาดล้ำค่าพวกนี้ไปหน่อย มันเป็นของมีค่าสำหรับฉันที่สุด!”
“ฉันไม่นั่งรถโทรม ๆ ของคุณหรอก ฉันมีรถตัวเอง คุณมีหน้าที่ปกป้องเรา!”
ทีมกู้ภัยไม่ทันได้ตอบสนอง ผู้อาศัยแถบนั้นก็เริ่มส่งเสียงพูดคุยโดยไม่ระวังระดับเสียง คิดว่าฝูงซอมบี้หูหนวกหรืออย่างไรกัน
ระหว่างนายทหารเฝ้าระวังและปลอบขวัญประชาชนไปด้วย อาสาสมัครรีบกระโดดลงจากรถเพื่อกู้ภัย
แน่นอนว่าไม่ใช่อาสาสมัครทุกคนจะเป็นคนดี มีเศษสวะบางคนฉวยโอกาสยุยงให้ผู้คนอพยพ ความช่วยเหลือไม่ได้มาโดยเปล่า หากไม่มีสิ่งดีตอบแทนก็จะไม่ได้รับการช่วยเหลือ
คนใจแข็งไม่หลงกลพวกเขาง่าย ๆ ต่างจากคนเฒ่าคนแก่ คนไร้กำลัง ผู้หญิง และเด็ก
เพื่อจะได้ขึ้นรถโดยเร็ว ชายแก่แอบยื่นทองและเงินบนตัวให้อันธพาลพวกนั้น
“ลูกพี่น้อย ช่วยดูแลหลานชายฉันด้วยนะ”
อย่างไรเสียทีมกู้ภัยก็ไม่ใช่ทหารมืออาชีพ เป็นกลุ่มที่ถูกคัดเลือกมาชั่วคราวจากหมู่คนร้อยพ่อพันแม่
ความจริงปรากฏท่ามกลางกลุ่มผู้รอดชีวิต เมื่อเถ้าแก่อารมณ์ร้อนคนหนึ่งเห็นใครบางคนแอบขอความช่วยเหลือ จึงแผดเสียงลั่น
“หมายความว่ายังไง หัวหน้าอยู่ไหน ฉันจะร้องเรียนพฤติกรรมของนาย!”
ภารกิจกู้ภัยใช้เวลานานอยู่แล้ว อย่างมากหยุดอยู่แต่ละชุมชนได้เพียง 15 นาที หากเกินไปกว่านี้อาจเกิดอุบัติเหตุอย่างเลี่ยงไม่ได้
อุบัติเหตุเกิดขึ้นภายใน 5 นาทีในทันใด
ห้างสรรพสินค้าใหญ่ยักษ์อยู่ไม่ห่างจากเขตคฤหาสน์
หลายคนติดอยู่ในห้างในคืนที่เกิดฝนกรด รถบรรทุกเหยื่อล่อผ่านมาโดยเร็ว ซอมบี้ในห้างไม่รอช้ากรูกันออกมา มันได้ยินเสียงดังจากด้านนอกและได้กลิ่น จึงมาบุกมากันที่ประตูทางออกหลังได้ยินเสียง หลายตัวยื่นศีรษะออกมาข้างนอกได้แล้ว
“ฉันก็จะร้องเรียน ทางนั้นติดสินบนฉันก่อนต่างหาก ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้นสักหน่อย!”
เจ้าหน้าที่ซึ่งเดิมทีดูแลความปลอดภัยเถียงเถ้าแก่คนนั้น พวกเขาไม่พอใจอะไรก็เอาแต่ร้องเรียน จนไม่มีเวลาได้ระวังตัว ทำให้เกิดช่องโหว่ในการคุ้มกัน
“พบซอมบี้กลุ่มใหญ่อยู่ทิศ 6 นาฬิกา!”
นายทหารที่รับผิดชอบดูแลอีกทางเอ่ยเตือนทันที
หินเพียงก้อนเดียวปั่นแรงกระเพื่อมใหญ่
ทั้งบริเวณคฤหาสน์ที่วุ่นวายอยู่แล้วยิ่งตกอยู่ในความโกลาหล
ผู้อยู่อาศัยไม่กล้าเผชิญหน้ากับซอมบี้และเกิดอาการแตกตื่น บางคนร้องตะโกนวิ่งกลับเข้าบ้าน ก่อนปิดประตูหน้าต่างป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้ามา
บ้างขึ้นรถไปนั่งกุมหัวหลบมุม ทั้งกลุ่มอยู่ในสภาพสั่นกลัว
“ยิงเลย!”
ในจังหวะเจ้าหน้าที่ทหารหันปลายกระบอกปืนไป ฝูงซอมบี้ก็กรูกันเข้ามาในเขตคฤหาสน์
“ปัง ๆๆ ...”
เสียงลั่นกระสุน เสียงคำรามของซอมบี้ เสียงร้องไห้ของเด็ก เสียงลนลานเคาะประตู ดังสนั่นปะปนกันดังขึ้นทุกที
เสียงโหวกเหวกเหมือนจะบอกซอมบี้ที่อยู่โดยรอบว่าเราอยู่ที่นี่ เข้ามาเลย!
พวกมันไม่รู้สึกเจ็บปวด กระสุนเฉียดหัวพวกมันไป จึงต้องคลานมาเขมือบผู้รอดชีวิตเหล่านี้
ทว่าท่ามกลางกลุ่มซอมบี้ร้ายกาจน่ากลัว มีซอมบี้พุงยื่นสูงราว 2 เมตรวิ่งตึงตังพุ่งมาหา
มันสวมเครื่องแบบพนักงานรักษาความปลอดภัย เสื้อผ้าปกปิดพุงยื่นฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ
แม้จะวิ่งโอนเอนมา แต่ยังได้ยินภาษามนุษย์จากปาก
“หิว หิวเหลือเกิน!”
เจ้าตัววิ่งมาอย่างกับรถถัง เกิดเสียงตึงตังในทุกฝีก้าวที่เท้าเหยียบพื้น
“ตึง”
ร่างโตพุ่งกระแทกรั้วกั้นพังเป็นเสี่ยงโดยง่ายผ่านเข้ามา ก่อนวิ่งหน้าตั้งแยกเขี้ยวกางกรงเล็บต่อ
“หิวมาก!”
“ยิงมัน ยิงตัวใหญ่ที่สุดทิ้ง!”
ปืนแทบทุกกระบอกเล็งไปยังมัน ทว่าซอมบี้ตัวนี้ไม่เพียงพูดได้ แต่ยังมีสติปัญญาอยู่บ้างอีกด้วย
อีกฝ่ายยกแขนบังเอาไว้ตอนถูกยิง แต่ยังบุกเข้ามาไม่หยุดอย่างกับอสุรกายร้าย
กระสุนโจมตีโดนมัน แม้จะเข้าเนื้อหนังจนเลือดดำไหล ทว่ายังไม่อาจทะลุร่างมันได้
เหลืออีก 10 เมตร!
ทุกย่างก้าวของมันทำเอาทุกคนหวั่นใจ
นายทหารที่ใกล้ที่สุดเหงื่อแตกพลั่ก
“ทำไมถึงฆ่ามันไม่ได้?”
“แกรก ๆๆ”
กระสุนหมดในช่วงเวลาคับขันพอดี ตอนนี้สายเกินกว่าจะเปลี่ยนรังกระสุนใหม่แล้ว
พวกเขาเห็นใบหน้าน่าสยดสยองของซอมบี้ขณะมันอยู่ห่างไปเพียง 5 เมตร อีกทั้งยังได้กลิ่นเหม็นเน่ามาจากปากของมัน
“ฉิบหายแล้ว!”
นายทหารคนนั้นเตรียมจำนนต่อโชคชะตา
“ตู้ม”
ทันใดนั้นดันเกิดเหตุระเบิดขึ้น กลุ่มควันคละคลุ้งไปทั่วพร้อมฝุ่นลอยฟุ้ง
อสุรกายตัวโตร้ายกาจแสนน่ากลัวกระเด็นไปไกล 10 เมตรหลังสิ้นเสียง ก่อนทรุดลงบนพื้นถนน
เกิดอะไรขึ้นกัน?
นายทหารมองกลุ่มฝุ่นควันด้วยความงุนงง
ดวงตาเบิกกว้างอย่างเหลือเชื่อ
“ไม่อยากจะเชื่อเลย...”