บทที่ 47 เข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่สนใจแก!
บทที่ 47 เข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่สนใจแก!
เมื่อเห็นโคนันถูกฮันโซจับตัวเอาไว้ ยาฮิโกะและนางาโตะเข้าใจทันทีว่าพวกเขาถูกหลอก!
ยาฮิโกะมองไปยังฮันโซ
เขาไม่เข้าใจ เขาต้องการช่วยหมู่บ้านนินจาอาเมะให้พ้นจากความสับสนวุ่นวาย นำแค้วนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
แต่ทำไมฮันโซซาลาแมนเดอร์ ผู้นำที่ปกป้องหมู่บ้านนินจาอาเมะมาหลายทศวรรษถึงทำอย่างนี้กับเขา
เมื่อเผชิญกับคำถามของยาฮิโกะ ดวงตาของฮันโซซับซ้อนเล็กน้อย
พูดตามตรง จริงๆ แล้วเขารู้เกี่ยวกับการมีอยู่ขององค์กรแสงอุษา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาได้ยอมรับการพัฒนาขององค์กรแสงอุษา
และรอคอยความสามารถของอีกฝ่ายในการกอบกู้หมู่บ้านนินจาอาเมะจากหล่มโคลน
แต่ไม่นานมานี้ ดันโซแห่งโคโนฮะได้พบกับเขา
‘องค์กรแสงอุษาในแคว้นนี้สังหารนินจาโคโนฮะของเรา ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้อ่อนแออีกต่อไป’
‘อย่างไรก็ตาม ผู้นำทั้งสามขององค์กรนี้เป็นลูกศิษย์ของหนึ่งในสามนินจาโคโนฮะ ‘จิไรยะ’ ดังนั้นจึงไม่สะดวกสำหรับเราที่จะลงมือโดยตรง’
‘แต่ฮันโซ ฉันต้องขอเตือน องค์กรของพวกเขาเติบโตเร็วเกินไป ถ้ามันดำเนินต่อไปเช่นนี้…พวกเขาต้องเข้ามาแทนที่เจ้าในฐานะผู้นำคนใหม่ของหมู่บ้านนินจาอาเมะอย่างแน่นอน’
ฮันโซกับดันโซให้ความร่วมมือในเรื่องข้อมูลเป็นการส่วนตัวมาโดยตลอด ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของหมู่บ้านนินจาอาเมะ
จากคำพูดของดันโซ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผลกำไรของฮันโซได้รับการสัมผัสแล้ว
เขาสามารถทนต่อการมีอยู่ขององค์กรอื่นๆ ในแคว้นแห่งสายฝนได้ แต่เขาไม่สามารถทนต่อองค์กรเหล่านั้นที่คุกคามการปกครองของเขาได้
ประการที่สอง ตัวตนของอีกฝ่ายในฐานะลูกศิษย์จิไรยะทำให้ฮันโซหวาดกลัวอย่างยิ่ง เพราะสามนินจาโคโนฮะเคยต่อสู้กับเขาในอดีต
แม้ว่าสามนินจาโคโนฮะจะได้รับชื่อจากปากของเขาระหว่างการต่อสู้ครั้งนั้นก็ตาม แต่ฮันโซยังได้สังหารสหายของพวกเขาไปหลายคน หากอีกฝ่ายแค้นและใช้ลูกศิษย์เพื่อแทรกซึมล่ะ?
ดังนั้นฮันโซจึงตัดสินใจได้เกือบในทันที จึงเตรียมการซุ่มโจมตีในครั้งนี้
ในเวลานี้ เมื่อเห็นสีหน้าของยาฮิโกะและนางาโตะ กึ่งเทพแห่งโลกนินจาก็พูดขึ้น
“องค์กรของเจ้าคุกคามหมู่บ้านนินจาอาเมะ ฉันไม่สามารถทนต่อการดำรงอยู่ต่อไปของพวกเจ้าได้อีก”
“ยาฮิโกะ เจ้าคือผู้นำของแสงอุษา ฉันแค่อยากได้ชีวิตของเจ้าคนเดียว”
“ตราบใดที่เจ้าตาย ฉันจะปล่อยทั้งนางาโตะและโคนันไปก็ได้”
เมื่ออีกฝ่ายพูดคำเหล่านี้ นางาโตะและยาฮิโกะผงะไป
ในเวลาเดียวกัน…
ไม่ไกลจากหุบเขา มีแววตาดูถูกเหยียดหยามในดวงตาของดันโซที่ซ่อนตัวอยู่
“ฮันโซซาลาแมนเดอร์ ‘กึ่งเทพ’ ผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกนินจาในอดีตได้แก่ลงแล้ว”
เขาดูถูกการกระทำของฮันโซในปัจจุบันอย่างมาก
ความเห็นอกเห็นใจต่อศัตรูคือวิธีที่นินจาตาย
ความจริงที่ว่าฮันโซเลือกทำแบบนี้พิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่นินจาที่ดีอีกต่อไป
แต่ดันโซไม่ได้หยุดฮันโซ เพราะมันยังอยู่ในแผนการของเขา
‘ปล่อยเจ้าเด็กนั่นมาดีกว่า ฉันจะได้คว้าเนตรของเขาได้ง่ายขึ้น’
สายตาข้างหนึ่งของดันโซมองนางาโตะจากระยะไกล ดูเหมือนว่าเขาสามารถมองเห็นดวงตาเหล่านั้นผ่านผมของอีกฝ่ายได้
เขารู้ดีว่าดวงตาคู่นั้นคืออะไร
‘ดวงตาของเซียนหกวิถี เนตรสังสาระ’
‘ตราบใดที่ฉันได้มันมา ตำแหน่งของโฮคาเงะไม่มีอะไรมากไปกว่าการเอื้อมมือหยิบ’
‘แม้แต่สิ่งที่เรียกว่าเซเรย์เทย์กับรัฐบาลโลก…โคโนฮะก็ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป’
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ แม้แต่คนอย่างดันโซยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
นับตั้งแต่การปรากฏตัวของเจ็ดเทพโจรสลัดกับสิบสามหน่วยพิทักษ์ และองค์กรอื่นๆ แม้เขายังดูเย็นชาอยู่ภายนอก แต่ในความเป็นจริงเขามีความวิตกกังวลเช่นเดียวกันในใจ
เขามีความทะเยอทะยานในการเป็นโฮคาเงะ ดังนั้นเขาต้องคิดแบบโฮคาเงะ
เขาจึงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย พวกเขาควรทำยังไงถ้าองค์กรพวกนั้นทรงพลังอย่างที่คาดเดากัน และหากอีกฝ่ายเป็นศัตรูกับโคโนฮะล่ะ?
คำตอบมันง่าย
แม้แต่โคโนฮะซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านนินจาที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ไม่มีอะไรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังอันสมบูรณ์
ด้วยเหตุนี้ ดันโซจึงรู้สึกวิกฤตกังวลโดยธรรมชาติ
ในสถานการณ์นี้เอง เขากระตือรือร้นมากขึ้นในการส่งรากออกไปเพื่อค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับองค์กรอีกฝ่ายในแคว้นโดยรอบ และแม้แต่แทรกซึมเข้าไปในหมู่บ้านนินจาอื่นๆ
ไม่นานมานี้ ดันโซได้เห็นดวงตาของนางาโตะด้วยตาของเขาเองในระหว่างปฏิบัติภารกิจที่หมู่บ้านนินจาอาเมะ
เป็นเพราะดวงตาคู่นั้นมีอยู่จริง ดันโซจึงพบฮันโซเป็นการส่วนตัว แล้วล่อลวงฮันโซด้วยความจริงเพียงครึ่งเดียวเพื่อให้อีกฝ่ายลงมือกับแสงอุษา
“ไปซะ นางาโตะ!”
ตอนที่ดันโซกำลังคิดอยู่ในใจ ยาฮิโกะและนางาโตะตกอยู่ในสถานการณ์อันสิ้นหวังแล้ว
ยาฮิโกะมองนางาโตะด้วยสายตาแน่วแน่
“...ไม่ ฉันทำแบบนั้นไม่ได้!”
มือของนางาโตะที่จับคุไนสั่นไหว
“ความฝันของเราต้องดำเนินต่อไป เราทุกคนจะตายที่นี่ไม่ได้”
ยาฮิโกะพูดเบาๆ
ขณะที่คำพูดของเขาจบลง…
“มันเป็นการแสดงที่ดี”
“โชคดีจริงๆ ที่ได้เห็นละครเรื่องนี้ทันทีที่ฉันมาถึง”
พร้อมกับน้ำเสียงเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย ทันใดนั้นสายฟ้าผ่าขึ้นดังสนั่นระหว่างหุบเขา
หลังจากเกิดฟ้าผ่า ร่างที่มีกลองไทโกะห้อยอยู่บนหลังปรากฏตัวขึ้นในหุบเขา
“ผู้ชายคนนั้น…เอเนล?”
วันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ชื่อของเอเนลไม่ใช่เรื่องแปลกในโลกนินจาเวลานี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งดันโซกับฮันโซเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในโลกนินจา เป็นเรื่องปกติในการจดจำสมาชิกผู้ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงมากที่สุดของเจ็ดเทพโจรสลัดได้อย่างรวดเร็ว
“ฮึ!”
โดยเฉพาะฮันโซซาลาแมนเดอร์ ผู้ไม่เคยติดต่อกับเจ็ดเทพโจรสลัดมาก่อนได้ส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา
“เจ็ดเทพโจรสลัด แกมาเพื่อฉันหรือเปล่า”
ขณะพูด ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม: “ถ้าแกต้องการเอาหัวฮันโซซาลาแมนเดอร์คนนี้ แกต้องดูว่าตัวเองมีความสามารถหรือไม่!”
จุดประสงค์ในการลงมือของเจ็ดเทพโจรสลัดไม่ใช่ความลับอีกต่อไป อย่างน้อยหมู่บ้านนินจาระดับสูงส่วนใหญ่รู้ว่าพวกเขากำลังรวบรวมศพของผู้แข็งแกร่ง สัตว์หาง และสมบัติหายากของโลกนินจา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาคว้าร่างของอุจิวะ มาดาระไปต่อหน้าคาเงะทั้งสามด้วย
แน่นอนว่าฮันโซซาลาแมนเดอร์ยอมรับว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายควรเป็นตัวเขา
แต่ว่า…
“หัวของแก? โทษที ฉันคิดว่าแกอาจเข้าใจผิด”
เอเนลเพียงเหลือบมองฮันโซแล้วเยาะเย้ย: “ฉันไม่สนใจหัวแก่ๆ”
เขาหัวเราะขึ้นเบาๆ จากนั้นชี้ไปทางนางาโตะ
“เป้าหมายภารกิจของฉันครั้งนี้คือเจ้าเด็กนั่น”
…………………….