บทที่ 45 จูบเบา ๆ
บทที่ 45
จูบเบา ๆ
ครั้งแรกแลกต่อมไพเนียลไปมากกว่า 100 ก้อน ครั้งที่สองแลกต่อมไพเนียลไปมากกว่า 500 ก้อน ซึ่งรวมเป็นจำนวนไม่น้อยเลย เจิ้งเหว่ยต้องตกอยู่สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ทั้งที่คิดไว้ว่าเฉินเทียนเซิงไม่น่าปฏิเสธการแลกคืน สุดท้ายเขาได้กลับคืนมาเพียงก้อนเดียว ช่างรู้สึกเจ็บใจอย่างอธิบายไม่ถูก
“เจิ้งเหว่ย ยิงมันให้ตายเรื่องจะได้จบ!”
ทหารบางคนไม่เข้าใจ จึงแสดงความคิดเห็นอย่างก้าวร้าว
เจิ้งเหว่ยหันมามอง
“เราเป็นทหาร ไม่ใช่โจร!”
เมื่อหันไปมองเฉินเทียนเซิงที่นั่งอยู่ในรถเป็นครั้งสุดท้าย เขาก็ได้แต่กัดฟันและกระทืบเท้า
“เอาน้ำมันมา แล้วเติมให้เขา!”
การแลกเปลี่ยนนี้มันไม่ยุติธรรมตั้งแต่แรกแล้ว จึงสายเกินไปที่เจิ้งเหว่ยจะมาเสียใจเอาป่านนี้
เฉินเทียนเซิงแสดงสีหน้าเย้ยหยัน ความจริงเขาไม่อยากใช้ข้อดีของการเกิดใหม่มากลั่นแกล้งและข่มเหงคนอื่น แต่ใช้วิธีการของตัวเองเพื่อสอนพวกทหารอ้อม ๆ ถึงความโหดร้ายของวันสิ้นโลก
แต่กลายเป็นว่าไม่มีใครฉุกคิดหรือเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของเฉินเทียนเซิงเลย
แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถเข้าใจอารมณ์ ความคิด และทัศนคติที่แปลกประหลาดของเขาได้ ตอนนี้เฉินเทียนเซิงถูกทหารตราหน้าด้วยถ้อยคำหยาบคายมากมาย
พวกดีแต่ปาก โหดเหี้ยมอำมหิต เจ้าเล่ห์หลอกลวง เห็นแก่ตัว ชั่วช้าทั้งกายและใจ
หลังจากที่เจิ้งเหว่ยล้มเหลวในการเจรจา ความไม่พอใจและโกรธแค้นพุ่งสูงขึ้นเกินจะทน ได้แต่ทำหน้าฟัดเหวี่ยงขณะกลับเข้ามาในเขตกักกัน
“ไอ้เศษสวะเลวทรามชาติชั่ว แต่ต้องยอมรับว่ามันแข็งแกร่งจริง ถ้าไม่มีทางอื่น คงต้องหาทางหว่านล้อมพวกเหนือมนุษย์มาใช้งาน”
เมื่อคิดได้ เจิ้งเหว่ยก็เริ่มวางแผนการทันที
ก่อนอื่นเขารีบไปที่ห้องขังเดี่ยว ขณะที่หยางเซวี่ยนอนพักอยู่ เมื่อเห็นเขาเข้ามาเธอก็เบือนหน้าหนีทันที
เจิ้งเหว่ยคำนับหยางเซวี่ย
“ก่อนอื่น ผมอยากจะขอโทษคุณสำหรับเรื่องเมื่อวาน”
“อย่างที่สอง ขอบคุณมากที่คุณช่วยเหลือพวกเรา ต้องขอพระขอบคุณอย่างสูง”
หยางเซวี่ยพูดอย่างเฉยเมย
“ไม่จำเป็น”
เจิ้งเหว่ยไม่รีบร้อน เนื่องจากเคยทำงานแบบใช้จิตวิทยามาก่อน เขาจึงรู้ดีว่าควรพูดหรือทำอะไรบ้าง
เขาเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างหยางเซวี่ย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า
“แต่ผมว่าคุณน่าทึ่งมากจริง ๆ ทั้งที่เมื่อวานนี้คุณได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่วันนี้คุณเกือบจะหายดีแล้ว”
เมื่อเห็นว่าหยางเซวี่ยไม่ตอบ เจิ้งเหว่ยจึงพูดเสริมต่อไป
“มันสุดยอดมากที่คุณมีพลังแบบนี้ ถึงจะไม่ใช่พลังที่สามารถทำลายโลกได้ก็เถอะ แต่ยังดีที่คุณไม่ติดเชื้อ เหตุฝูงนกโจมตีเมื่อวานนี้ ทหารของเรา...”
เจิ้งเหว่ยแสร้งทำเป็นซึ้ง และพยายามบีบน้ำตาออกมา
“ขอโทษด้วย พวกเขาทั้งหมดเป็นเพื่อนของผมที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันมานาน กลับกลายเป็นซอมบี้ไปต่อหน้าต่อตา”
ขณะที่ทหารผู้เข้มแข็งบีบน้ำตาต่อหน้าหยางเซวี่ย เธอก็นึกถึงคำที่เฉินเทียนเซิงเป็นคนพูดกับตัวเองขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แล้วพูดสวนกลับไป
“อย่าทำตัวเหมือนผู้หญิง มันเป็นความผิดของโลกนี้ ไม่ใช่ความผิดคุณ”
เจิ้งเหว่ยตกตะลึง ก่อนตอบกลับอย่างเคร่งขรึม “ถ้างั้นผมมีบางอย่างจะขอร้อง แต่ไม่รู้ว่าควรพูดดีรึเปล่า”
“พูดอะไรก็พูด หรือไม่ก็ไปตดซะ”
เจิ้งเหว่ยก่นด่าเธอในใจ ถึงอย่างนั้นภายนอกก็ยังต้องเสแสร้งสร้างบุคลิกให้อีกฝ่ายเห็นใจ
“ผมต้องการให้คุณเข้าร่วมเขตสงคราม ไม่ใช่เพื่อพวกเรานะ แต่เพื่อผู้รอดชีวิตที่ยังติดอยู่ในเมือง คุณได้รับการช่วยเหลือก็จริง แต่ยังมีคนอื่นติดอยู่ข้างใน”
“ทีมค้นหาและกู้ภัยที่ออกไปเมื่อวาน ต่างได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ถ้าเราได้คนมีความสามารถอย่างคุณเข้ามาช่วย ผมคิดว่ากองกำลังของเราจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน”
หยางเซวี่ยหลับตา
“ถ้าเจ้านายตกลงฉันก็ตกลง อย่ามาคุยให้เสียเวลาเลย ไปคุยกับเจ้านายฉันเถอะ”
หลังจากเอ่ยปากไล่ ประตูห้องก็ปิดลง แม้เจิ้งเหว่ยจะพยายามหว่านล้อมมากแค่ไหน หยางเซวี่ยก็เอาแต่หลับตาไม่สนใจ
“ได้ ผมจะลองไปถามคนอื่น ๆ”
หลังกล่าวอำลาหยางเซวี่ย เขาก็หันไปมองหาสองพี่น้องตระกูลลัว ที่นอนหลับอยู่ในห้องรับรอง
เจิ้งเหว่ยเกรงใจเกินกว่าจะรบกวน จึงนั่งรออยู่ในห้องและคิดคำที่จะพูดต่อจากนี้
เขานั่งรออยู่นานกว่าสามชั่วโมง ขณะทำความเข้าใจอะไรบางอย่าง
กลับมาที่ด้านทีมค้นหาและกู้ภัย ทหารไม่ได้เป็นผู้ช่วยเหลือเพียงกลุ่มเดียว จะฝากความหวังไว้ที่พวกวิวัฒนาการอย่างเดียวก็ไม่ได้ น้ำสามารถพยุงเรือได้ แต่ก็พลิกเรือคว่ำได้เช่นกัน* สุดท้ายท่ามกลางผู้รอดชีวิตย่อมมีผู้กล้าแฝงอยู่ในนั้นเสมอ
*น้ำสามารถพยุงเรือได้ แต่ก็พลิกเรือคว่ำได้เช่นกัน = ทุกสรรพสิ่งเมื่อใช้อย่างถูกต้องจะเกิดประโยชน์ แต่ถ้าใช้ผิดทางก็ไม่เกิดประโยชน์
ดังนั้นเจิ้งเหว่ยจึงใช้วิธีการประชาสัมพันธ์ให้คนเหล่านั้นเข้าไปในเขตกักกันเพื่อเป็นกำลังเสริม จากนั้นก็ทำการคัดเลือกอาสาสมัครเข้าร่วมทีมค้นหาและกู้ภัย พวกเขาไม่ได้รับแค่ปืนเท่านั้น แต่ยังได้รับเงินอีกด้วย แถมยังได้รับการประกันสภาพที่พักอาศัยและสภาพความเป็นอยู่ในอนาคต
แน่นอน คนที่ทำผลงานดีจะได้รับรางวัลก้อนโตบางคนถึงกับรีบเข้าร่วมทีมค้นหาและกู้ภัยทันที เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ในอนาคต และบางคนก็อาสาเข้าร่วมด้วยใจที่อยากทำจริง ๆ
สวี่หว่านชิงก็เป็นหนึ่งในนั้น
เมื่อคืนเธอได้รับการช่วยเหลือจากพ่อ จึงหลบซ่อนอยู่ในเต็นท์กับน้องสาว
เมื่อรู้ว่าวันนี้มีการเปิดรับอาสาสมัคร สวี่หว่านชิงรีบเข้าร่วมทันทีโดยไม่ลังเล แม้ว่าพ่อของเธอจะพยายามห้ามเท่าไหร่ก็ตาม เธอมุ่งมั่นมากเพราะเนื้อหาในใบปลิวบอกว่า หากเกิดอุบัติเหตุในการค้นหาและกู้ภัย สมาชิกในครอบครัวจะได้รับการดูแลอย่างดี
พ่อของเธอจึงได้แต่ทำใจ ถ้าลูกสาวตายไปสักคนหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็ยังเหลือลูกสาวอีกคน จึงเลิกห้ามปรามเธอในที่สุด
ทีมค้นหาและกู้ภัยชั่วคราวฝึกฝนเป็นการเฉพาะกิจกันอย่างหนักตลอดทั้งช่วงเช้า จนตอนนี้ก็พร้อมออกปฏิบัติการแล้ว
ขบวนทีมค้นหาและกู้ภัยขับรถออกจากทางออกช้า ๆ หลายคนต่างถ่มน้ำลายแสดงความไม่พอใจต่อเฉินเทียนเซิง เมื่อขับผ่านรถบรรทุก
สวี่หว่านชิงไม่ได้สนใจการกระทำของพวกเขา เมื่อเธอเห็นรถบรรทุกคันนั้นอีกครั้ง และเห็นว่าฮีโร่ของเธอยังนั่งอยู่ข้างใน ขณะที่รถแล่นไปช้า ๆ เธอจึงกระโดดลงจากรถ
เธอรีบวิ่งไปที่รถบรรทุกและเคาะหน้าต่าง
“มีอะไรเหรอ?” เฉินเทียนเซิงถามอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าเฉยเมย
“พอดีว่าฉันเข้าร่วมทีมค้นหาและกู้ภัยน่ะ แต่ฉันมีบางอย่างอยากถามคุณ”
สวี่หว่านชิงพูดเร็วมากแบบไม่พักหายใจ
“ฉันมีน้องสาวชื่อสวี่หว่านชิว เธอเองก็คิดว่าคุณเป็นฮีโร่ของตัวเองเหมือนฉัน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน คุณช่วยดูแลเธอแทนฉันได้ไหม?”
สวี่หว่านชิงไม่อ้อมค้อม รีบบอกความต้องการทันที
แม้เฉินเทียนเซิงไม่อยากคุยกับเธอเท่าไหร่ แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนคลับของเขา เพื่อความสบายใจของอีกฝ่าย เขาจึงพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจและพูดว่า
“ผมจะลองคิดดู”
“ขอบคุณนะ”
สวี่หว่านชิงโน้มตัวไปจูบแก้มของเฉินเทียนเซิงเบา ๆ ก่อนหันหลังวิ่งกลับไปขึ้นรถด้วยความเขินอาย
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเฉินเทียนเซิง ที่มีผู้หญิงจูบแก้มของเขาอย่างสมัครใจ
แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะมีจุดประสงค์แอบแฝง แต่รอยยิ้มของเธอนั้นจริงใจและอ่อนหวานมาก
เฉินเทียนเซิงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย จากนั้นเธอก็หันหลังกลับมาพร้อมสีหน้าแดงก่ำ
“ถ้าฉันไม่ตายซะก่อน จะเอาของขวัญมาฝากนะ” พูดจบสวี่หว่านชิงก็กระโดดขึ้นรถ
“ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึง...”
ก่อนจะพูดจบ เขาเหลือบไปเห็นคนอื่นอีกหลายคนในรถ ทันใดนั้นเฉินเทียนเซิงก็รู้สึกตื่นตัว
นั่นมันพวกของเว่ยเฉียงนี่!
ทำไมพวกมันถึงเข้าร่วมทีมกู้ภัยล่ะ?
หลังจากที่หัวใจเต้นแรงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานหัวใจของเขาก็สงบลง
“ขอให้โชคดีแล้วกัน”
หน้าต่างรถถูกยกขึ้น เป็นอีกครั้งที่เขาแยกตัวเองออกจากโลกภายนอก
เวลาเดียวกัน
กองกำลังเขตเจียงเฉิงได้รับโทรเลขด่วน โดยมีคำสั่งให้ลัวหมิงออกเดินทางไปยังฐานทัพลับบนภูเขายู่ฉวน
“รับทราบ!”
หลังจากรับคำสั่ง ลัวหมิงถามกลับด้วยสีหน้าลำบากใจ “ก่อนไปที่นั่น ผมขอไปที่แนวหน้าหน่อยได้ไหมครับ?”
ผู้บังคับบัญชาการทหารสูงสุดตอบว่า “คุณจะไปไหนอีก ไม่มีเวลาแล้ว รีบไปที่นั่นซะ”
อีกฝ่ายปฏิเสธคำขอของลัวหมิง และตักเตือนในเวลาเดียวกัน
“จำที่ผมบอกให้ดี เมื่อคุณส่งรายงานไปแล้ว ถ้าคุณได้รับการตัดสินลงโทษ คุณต้องรับมันไว้เอง อย่าเอาผมไปเกี่ยวข้อง”
เดิมทีคำขอของเขาคือต้องการไปพบเฉินเทียนเซิง และพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
แต่เขาต้องทำตามที่ผู้บังคับบัญชาการทหารสูงสุดสั่ง แถมไม่รู้เลยว่าการไปศูนย์ประชุมครั้งนี้จะมีผลดีหรือร้าย