บทที่ 44 เติมน้ำมันให้ทีสิ
บทที่ 44
เติมน้ำมันให้ทีสิ
บรรดาทหารยังไม่ลดปืนลง แม้จะได้ยินเฉินเทียนเซิงอธิบายขนาดนี้แล้ว เจิ้งเหว่ยไม่ได้พูดอะไร คนอื่น ๆ ยังคงเล็งปืนไปที่เฉินเทียนเซิง
ไม่น่าแปลกใจ ในสายตาของทหารเหล่านี้ ถ้า เฉินเทียนเซิงทำร้ายผู้บังคับบัญชาของพวกเขาขึ้นมา ก็สมเหตุสมผลแล้วที่จะถูกพวกเขายิงทิ้ง
เจิ้งเหว่ยสูดหายใจและรีบลุกขึ้น สีหน้าของเขาซีดเซียวลงมาก
“ผมไม่สนใจสิ่งที่คุณพูดหรอก เพื่อความปลอดภัยของทุกคน เราจำเป็นต้องกักตัวเธอเป็นเวลา 14 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะไม่กลายร่าง แค่นี้ทุกคนก็สบายใจแล้ว”
“ถ้าอยากทำแบบนั้น ถามก่อนว่าผมตกลงไหม!”
คำตอบของเฉินเทียนเซิง สร้างแรงกระตุ้นให้อีกฝ่ายอยากฆ่าเขามากขึ้นเมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมทำตามคำสั่ง
ทหารทุกคนต่างเล็งปืนไปที่เฉินเทียนเซิงอีกครั้ง ตราบใดที่เขาทำนอกเหนือจากคำสั่ง รับรองว่าจบไม่สวยแน่นอน
“พอแล้ว ฉันจะไปกับคุณ”
คำตอบของหยางเซวี่ยทำให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้นมาบ้าง
หลังจากเธอกระโดดลงจากรถ ก็เดินกะเผลกไปหา เฉินเทียนเซิง
“คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก พวกเขาแค่พาฉันไปกักตัว”
เสียงของหยางเซวี่ยแหบแห้ง หลังจากพูดกับ เฉินเทียนเซิงจบเธอก็หันไปมองทุกคนอย่างประหม่า ก่อนจะยกมือและพูดว่า
“ฉันยินดีกักตัวด้วยความสมัครใจ เจ้านาย ฉันรู้ว่าคุณทำเพื่อความปลอดภัยของเรา แต่อย่าทำร้ายพวกเขาเพราะเห็นแก่ฉันเลย พวกเขาแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง”
หลังจากพูดจบ เธอก็หันมองเฉินเทียนเซิง
“ขอบคุณนะเจ้านาย”
ประโยคนี้ซ่อนคำบางคำไว้มากมายและอีกหลายความรู้สึก
เขาไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตเธอ แต่ยังมอบศักดิ์ศรีคืนให้ มอบพลังให้ คอยปกป้องเธอจากเหตุไม่คาดฝัน และเมื่อกี้นี้ยังห้ามเธอลงจากรถเพราะกลัวว่าเธอจะได้รับอันตรายเพิ่ม
เฉินเทียนเซิงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ดูแลเธอให้ดี เธอเสี่ยงชีวิตจนเกือบตาย เพื่อช่วยพวกคุณที่ทั้งงี่เง่าและบ้าอำนาจ!”
ทหารที่กำลังใส่กุญแจมือเธอ ก้มหน้าทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้
พูดตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเซวี่ยฆ่านกยักษ์ หายนะเมื่อกี้คงไม่มีทางจบลงง่าย ๆ แปลว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นหนี้ชีวิตหยางเซวี่ย
“คุณเจิ้งเหว่ย!”
ทหารลังเลที่จะพูดต่อขณะใส่กุญแจมือ
เจิ้งเหว่ยพยายามครุ่นคิด ก่อนพยักหน้าด้วยความลำบากใจ
“เพื่อความปลอดภัยของเขตกักกัน ให้เธอสวมกุญแจมือข้างเดียวก็พอ”
หยางเซวี่ยยื่นมือของเธอไปให้ทหารสวมกุญแจมือโดยสมัครใจ ไม่นานทหารก็เข้ามายืนล้อม แล้วพาเธอเดินจากไป
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเทียนเซิงก็เกิดความรู้สึกซับซ้อนผุดขึ้นมา
ช่วงแรกของวันสิ้นโลก ทุกคนต่างปล่อยให้อารมณ์ดำมืดเป็นใหญ่ มีเพียงเขาเท่านั้นที่มีสติมากที่สุด
จนมาอยู่ในเขตกักกัน ถ้าช่วยเหลือพวกทหารเสร็จเมื่อไหร่ ก็ถือว่าหมดบุญคุณกันเท่านี้
ถูกต้อง เขาได้รับการช่วยเหลือจากกองกำลังเขตเจียงเฉิงเมื่อชาติที่แล้ว ในชาตินี้เขาจึงอยากตอบแทนบุญคุณด้วยทั้งชีวิต แต่ตอนนี้เขาไม่ได้คิดแบบนี้อีกแล้ว
พวกทหารอวดรู้ยังคงมีแนวคิดเดิม ๆ หลังเกิดวันสิ้นโลก นอกจากช่วยใครไม่ได้มากแล้ว ยังทำให้คนอื่นตายเพราะตัวเองอีกด้วย
“ฉันควรทำยังไงดี?”
หลังจากนั้นเฉินเทียนเซิงก็นั่งอยู่ในรถโดยไม่ทำอะไรสักอย่าง เฝ้าดูทางเข้าออกของเขตกักกัน ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บที่ลอดผ่านกระจกรถเข้ามา
แล้วเขาก็นั่งอยู่แบบนั้นตลอดทั้งคืน
ลัวหลงและลัวเฟิงต้องต่อสู้อีกครั้ง เนื่องจากมีซอมบี้เข้ามาโจมตี เพราะเวลากลางคืน ซอมบี้มักออกมาเดินเพ่นพ่านอยู่บ่อยครั้ง
จนกระทั่งรุ่งสาง ทั้งสองหมดแรงและล้มฟุบลงไปนอนกับพื้นแล้วผล็อยหลับไป
ในคืนนั้นเจิ้งเหว่ยเองก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ เขานั่งสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขตกักกันวันนี้ลงในรายงาน แล้วส่งไปยังกองกำลังซึ่งจะถูกส่งต่อไปที่ศูนย์ประชุมอีกที
ตกกลางดึก
ทุกคนในศูนย์ประชุมแห่งชาติยังคงถกเถียงกันอยู่
“ผมคิดว่ารายงานนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือ ถึงจะเขียนละเอียดก็เถอะ แต่มันเหมือนกับว่าเขามีประสบการณ์กับพวกซอมบี้เป็นการส่วนตัว”
“ผมเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ทฤษฎีการทำสงครามในวันสิ้นโลก การคุกคามของสัตว์กลายพันธุ์ ไหนจะทฤษฎีเหลวไหลอย่างพืชกลายพันธุ์ที่กินคนได้ นี่มันเรื่องตลกชัด ๆ”
ขณะที่ทุกคนในศูนย์ประชุมต่างอ่านรายงานและตำหนิว่ามันไร้สาระ
ในที่สุดรายงานจากทีมนักวิทยาศาสตร์ก็มาถึง
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบเข้ามาในห้องประชุมพร้อมรายงาน หลังจากแจกจ่ายจนครบ เมื่อทุกคนในศูนย์ประชุมอ่านรายงาน บรรยากาศในห้องเงียบกริบ บางคนถอดแว่นตาออก บางคนลูบดั้งจมูกแล้วถอนหายใจ
“ผลจากที่นักวิทยาศาสตร์ทำการทดลอง ชี้ให้เห็นว่า ไพเนียลที่เกิดการกลายพันธุ์ มีพลังงานบางอย่างที่เราไม่สามารถควบคุมได้”
“ถึงผมไม่ค่อยเข้าใจศัพท์ทางเทคนิคเท่าไหร่ แต่ก็พอเข้าใจอยู่ สรุปก็คือผลทดลองยืนยันว่ารายงานฉบับนี้เป็นความจริง”
บางคนรู้สึกยินดีเมื่อได้ยิน
“เป็นไปไม่ได้ มันต้องเป็นกลอุบายแน่ ๆ”
มีคนคัดค้านขึ้นมา
“แต่มันก็มีความสอดคล้องกันนะ ถึงจะคลาดเคลื่อนบ้างก็เถอะ”
หลังจากรายงานผลการทดลองถูกแจกจ่ายให้ทุกคน ก็เกิดการถกเถียงกันเล็กน้อย
หลายคนเห็นว่า รายงานของเฉินเทียนเซิงมีความสอดคล้องกับผลทดลอง แต่ถึงอย่างนั้นหลายคนก็ยังไม่เชื่อ เพราะยังไม่มีการทดลองให้เห็นชัด ๆ
“ระ…”
“รายงาน!”
ทหารคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาในห้องประชุม และทำความเคารพ
“มีรายงานด่วนจากเขตสงครามเจียงเฉิงครับ”
รายงานของเจิ้งเหว่ยถูกส่งต่อไปยังศูนย์ประชุมอย่างรวดเร็ว หลังจากอ่านรายงานอย่างเร่งรีบทุกคนต่างตื่นเต้นกันมาก
“ตอนนี้มีการค้นพบมนุษย์ที่มีการวิวัฒนาการทางพันธุกรรมถึง 3 คน ควบคุมไฟและลมได้ และยังมีผู้หญิงที่เคลื่อนไหวได้เร็วอีก 1 คน”
“แถมรายงานนี้ยังเน้นย้ำมาอีกว่า คนธรรมดาที่ถูกสัตว์กลายพันธุ์โจมตีจะกลายร่างเป็นซอมบี้ แต่พวกที่วิวัฒนาการแล้ว ต่อให้ถูกโจมตีหรือได้รับบาดเจ็บจะไม่กลายร่าง ตอนนี้พวกเขากำลังถูกกักตัวและสังเกตการณ์อยู่”
หลังรายงานถูกแจกจ่าย ประธานาธิบดีก็พูดขึ้นว่า
“รีบแจ้งทีมนักวิทยาศาสตร์เดี๋ยวนี้ บอกให้พวกเขาทำการทดลองทันที เพื่อสรุปผลว่าคนที่มีการวิวัฒนาการทางพันธุกรรมติดเชื้อได้รึเปล่า?”
หลังจากออกคำสั่ง เขาก็พูดเสริมอย่างจริงจังขึ้นมาอีกว่า
“หากได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริงตามที่รายงานบอก ผมจะไปที่เขตเจียงเฉิงด้วยตัวเอง”
“พอรู้แบบนี้แล้ว ไม่ว่ายังไงต้องไปเจอคนที่ชื่อลัวหมิงให้ได้ เราต้องรู้ให้ได้ ว่าเขาเอาข้อมูลนี้มาจากไหน”
ตกกลางดึก ทีมนักวิทยาศาสตร์ต้องแจ้งข่าวด่วนกับกองกำลัง
เนื่องจากตามความสัมพันธ์เชิงตรรกะของลำดับยีน เซลล์จะไม่ถูกทำลายหลังจากถูกดัดแปลง แต่ก็ไม่สามารถใช้ยืนยันได้ เพราะต่อมไพเนียลที่ใช้ในการทดลองนั้นไม่ตรงตามเงื่อนไข พวกเขาจึงทดลองต่อไม่ได้ เมื่อปราศจากวัตถุดิบที่ถูกต้อง
“ช่วยแจ้งไปยังกองกำลังที ไม่ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ก็ตาม ให้รวบรวมต่อมไพเนียลในสมองซอมบี้มาให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะรวบรวมได้!”
คำขอนี้ถูกส่งไปยังกองกำลังทั่วประเทศ
เขตอื่นที่เหลือปกติดี ยกเว้นเจิ้งเหว่ยที่ตกตะลึง เมื่อเขตสงครามเจียงเฉิงส่งข่าวมายังเขตกักกัน
ทันทีที่รุ่งสาง เจิ้งเหว่ยรีบเรียกลูกน้องของเขา นำเสบียงทั้งหมดที่ฉ้อฉลมาจากเฉินเทียนเซิงกลับไปคืนให้เขา
พวกทหารวุ่นวายกับการเร่งขนเสบียงออกไปข้างนอกเขตกักกัน
เจิ้งเหว่ยรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย แต่ก็พยายามรวบรวมความกล้า ก้าวไปข้างหน้า แล้วเคาะประตูรถบรรทุก
“ต้องการอะไรอีก?”
เฉินเทียนเซิงลดกระจกรถลง พร้อมแสดงสีหน้ามืดมน
“ผมมีเรื่องอยากมาขอร้อง ผมต้องการต่อมไพเนียลที่แลกกับเสบียงของคุณคืน ผมย้ายเสบียงมาคืนทั้งหมดแล้ว ถึงจะเหลือไม่กี่กล่องก็เถอะ”
“แลกให้โง่น่ะสิ”
เฉินเทียนเซิงตอบกลับอย่างเย็นชา จากนั้นก็ยกกระจกรถขึ้น เพราะเขาไม่อยากคุยอะไรอีกแล้ว
เจิ้งเหว่ยเคยโดนแบบนี้มาแล้ว จึงรู้สึกโกรธมาก เลยทุบประตูรถอีกครั้ง
“เปิดประตู นี่คือคำสั่งจากรัฐ บอกให้พวกเรารวบรวมต่อมไพเนียลในสมองซอมบี้จากทั่วประเทศ แล้วส่งมอบให้นักวิทยาศาสตร์ทำการวิจัย”
“แต่คุณดันใช้ประโยชน์บางอย่างเพื่อถือครองสิ่งนี้ ได้โปรดมอบให้กับนักวิทยาศาสตร์ของเราเถอะ ทำเพื่อประโยชน์ของทุกคน”
“เปิดประตู ได้ยินที่ผมพูดไหม เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
กระจกรถลดระดับลงอีกครั้ง แต่เฉินเทียนเซิงไม่หันไปมองเขา แต่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไร้หัวใจว่า
“เราแลกเปลี่ยนสิ่งของกันไปแล้ว ผมไม่รับคืนหรอก ต่อมไพเนียลพวกนี้ผมได้มาด้วยความสามารถของตัวเอง ทำไมจะต้องแลกคืนด้วย!”
“คุณ!”
เจิ้งเหว่ยกัดฟันด้วยความโกรธ
แต่แล้วต่อมไพเนียลก้อนหนึ่งก็ถูกโยนออกมาจากรถ
“เติมน้ำมันให้ทีสิ”
จากนั้นอีกฝ่ายก็ยกกระจกรถขึ้น เจิ้งเหว่ยจึงอดเจรจาต่อรอง
เจิ้งเหว่ยได้แต่หยิบต่อมไพเนียลนั้นขึ้นมา แม้อยากจะร้องไห้มากแค่ไหนแต่ก็เค้นน้ำตาไม่ออก!