บทที่ 44 เจ้าน่ะหรือหยวนเอ๋อ
บทที่ 44
เจ้าน่ะหรือหยวนเอ๋อ
หากหญิงสาวที่อีกฝ่ายกล่าวถึงไม่ได้อาศัยอยู่ร่วมชายคาพระตำหนักของเขา เขาอาจหลงเชื่อได้อย่างไม่ยากเย็น
“เป็นเช่นนั้นแล้วอย่างไร? นับตั้งแต่คุณหนูสามถึงแก่กรรม เหตุใดข้าจึงไม่เคยทราบข่าวคราวเลยเล่า? ฮูหยินไป๋ต้องการปิดบังเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ? ไหนจะแม่ทัพอวี้ที่เป็นกังวลเกี่ยวกับคุณหนูสามและอยู่ห่างไกลจากกำแพงเมืองจีน ท่านก็ต้องการปิดบังเรื่องนี้กับเขาเช่นนั้นรึ?”
“นี่...”
ไป๋ตู้รั่วไม่รู้ว่าเหตุใดองค์ชายรัชทายาทผู้ร่ำลือกันว่าวางตนสง่างามอยู่เป็นนิจและเย็นชากับทุกสรรพสิ่ง จะตั้งข้อสังเกตมากมายเกี่ยวกับเรื่องของนังคุณหนูสาม
เป็นไปได้หรือไม่ว่าอวี้ชางหมิงจะคำนึงถึงนางขึ้นมา จริง ๆ?
หึ สามีตัวดี! ข้าอุตส่าห์อยู่กินกับเขามาเนิ่นนาน ตำแหน่งของข้าภายในใจเขายังสลักสำคัญเทียบเท่านังสารเลวผู้นั้นไม่ได้อีกงั้นหรือ? ถึงได้คิดถึงนางและลูก ๆ ขึ้นมาเสียอย่างนั้น?
ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ลมปากบุรุษล้วนโป้ปดไว้ใจไม่ได้!
“องค์ชายรัชทายาทเข้าใจผิดแล้ว ในฐานะนายหญิงแห่งจวนท่านแม่ทัพ หม่อมฉันจะปิดบังเรื่องดังกล่าวไปด้วยเหตุใด? ที่ตัดสินใจทำเช่นนี้ก็เพื่อชื่อเสียงของจวนท่านแม่ทัพ นางล้มป่วยด้วยโรคที่น่าอับอายขายหน้าเช่นนี้ เกรงว่าป่าวประกาศออกไปก็จะเป็นการทำให้จวนท่านแม่ทัพเสื่อมเสีย องค์ชายโปรดอย่าเห็นเจตนาดีของหม่อมฉันเป็นอื่น หม่อมฉันเห็นแก่วงศ์ตระกูลเป็นที่ตั้ง”
สีหน้าท่าทางของไป๋ตู้รั่วเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกลนลาน ถึงกระนั้นยังคงทุบหน้าอกตนเองเพื่อเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่กล่าวออกเป็นความจริง ส่วนสาวรับใช้ชราซึ่งอยู่ด้านข้างก็ได้แต่พยักหน้าสนับสนุนครั้งแล้วครั้งเล่า
นายว่าขี้ข้าพลอย ลอกเลียนแบบการกระทำอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ลั่วจ้านชิงยังคงมองไปยังฉากละครตรงหน้า เอ่ยถามย้ำอีกครั้ง “จริงหรือ?”
ไป๋ตู้รั่วยืนยันหนักแน่น “จริงเพคะ”
ยังไม่ทันที่นางจะกล่าวจนจบ สุ้มเสียงเย็นชาของหญิงสาวผู้หนึ่งพลันดังขึ้นจากด้านนอกห้องโถง อวี้ซีหยวนก้าวเท้าเข้ามาในห้อง ดวงตาเย็นชาของนางกวาดมองไปยังทุกคนซึ่งอยู่ภายในห้องอย่างถ้วนทั่ว
“ใครบอกว่าข้าตายไปแล้ว?”
เมื่อทุกคนได้ยินน้ำเสียงซึ่งคุ้นเคยอย่างประหลาด พวกเขาจึงหันศีรษะกลับไปมองตามเสียงด้วยความสงสัย และทันทีที่พวกเขาเห็นผู้มาใหม่อย่างชัดเจน ทุกคนต่างก็ถอยกรูดไปจนชิดผนัง ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดด้วยความตื่นตระหนก
คิ้วโค้งเรียวประหนึ่งใบหลิวเลิกขึ้นเล็กน้อย อวี้ซีหยวนแสยะริมฝีปากของตนด้วยต้องการประชดประชัน ผ้าผืนใหญ่ปกคลุมใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวของนางไว้ เผยให้เห็นแต่ดวงตางดงามเพียงคู่เดียว
อย่างไรก็ตาม นั่นก็เพียงพอแล้ว
ทุกคนในที่นี้ ไม่ว่าจะรวมหัวกันข่มเหงรังแกอวี้ซีหยวน หรือทำงานรับใช้จวนหลังนี้มานานหลายปี ต่อให้พวกเขาไม่ได้พบเจอหน้านางมาแล้วร่วมหนึ่งเดือน แต่ไม่มีเหตุผลใดเลยที่พวกเขาจะจดจำนางไม่ได้
“คะ... คุณหนูสาม?!”
“เป็นนางจริงหรือ?!”
“แต่ไม่ใช่ว่านาง...”
“เจ้าน่ะหรือหยวนเอ๋อ?”
ไป๋ตู้รั่วซึ่งนั่งอยู่ที่เดิมมองเห็นชัดเจนแล้ว ถึงกระนั้นยังไม่เชื่อสิ่งที่เห็นในพริบตาแรกว่าคนที่เดินเข้ามาคืออวี้ซีหยวน นางรีบหันกลับไปถามบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านหลังทันที ซึ่งชายผู้นั้นก็คือคนที่แบกศพของอวี้ซีหยวนออกไปโยนทิ้งในวันนั้น
หลังจากได้ยินคำรับรองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอวี้ซีหยวนสิ้นลมหายใจไปตั้งแต่วันนั้นไม่ผิดแน่ จึงสงบจิตใจลงเล็กน้อย
อวี้ซีหยวนได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ ทว่านางมองข้ามคนเหล่านั้นไป ไม่คิดเผยอริมฝีปากกล่าวคำใดออกมา เพียงจับจ้องไปที่ไป๋ตู้รั่วอย่างเงียบเชียบ
เป็นครั้งแรกที่ไป๋ตู้รั่วตื่นตระหนกกับสายตาที่เปลี่ยนไปของนาง “ไม่ ไม่ใช่นางอย่างแน่นอน! เจ้าเป็นใครกันแน่ กล้าดีอย่างไรจึงคิดสวมรอยเป็นหยวนเอ๋อต่อหน้าทุกคนในจวนท่านแม่ทัพ?”
อวี้ซีหยวนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “หยวนเอ๋อ? ปกติท่านเรียกข้าเช่นนี้เสียเมื่อไหร่กัน?”
“เจ้า…”
ผ้าผืนใหญ่ที่ใช้ปิดบังใบหน้าของนางถูกปลดออก ภายในห้องโถงไร้ลมผ่าน แต่มันกลับปลิดปลิวร่วงลงตรงหน้า ลั่วจ้านชิงอย่างพอเหมาะพอเจาะ ภายใต้ผ้าคลุมไม่มีความวิจิตรงดงามชวนให้ตกตะลึง ทว่านั่นเป็นสิ่งที่สามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันตัวตนของอวี้ซีหยวนที่ดีที่สุด
อวี้ซีหยวนไม่หวาดกลัวอีกฝ่าย ทั้งยังโต้ตอบเสียงดัง “ข้าตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ทว่านรกไม่ต้อนรับข้า ท่านยมบาลบอกว่าคนเลวทรามต่างหากที่ต้องลงนรกก่อน”
อวี้เซียงและอวี้เจี๋ยที่จับจ้องเหตุการณ์ตรงหน้าตื่นตระหนกถึงขีดสุด หัวใจของทั้งสองเต้นไม่เป็นส่ำ ก่อนที่ความหวาดกลัวจะทำให้พวกเขาถึงขั้นลมจับ
อวี้ซีหยวนพลอยตกตะลึงไปด้วย
พวกเขาอ่อนแอเกินไปหรือไม่? อวี้ซีหยวนนึกพิศวงงงงวยเหลือเกิน ว่าเจ้าของร่างเดิมยอมถูกข่มเหงรังแกทุกวันโดยคนขี้ขลาดสองคนนี้ได้อย่างไร
ไม่ได้! จะปล่อยให้พวกเขาเป็นลมแล้วจบปัญหาไม่ได้
อวี้ซีหยวนพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ใช้มือข้างหนึ่งคว้าร่างทั้งคู่ไว้ ก่อนจะใช้มืออีกข้างหนึ่งโยนเม็ดยาสองเม็ดเข้าไปในปากของพวกเขา
สองพี่น้องจากเดิมที่มีอาการสับสนมึนงง จู่ ๆ กลับกระโดดผึงขึ้นจากพื้น ทันทีที่เห็นว่าอวี้ซีหยวนยืนอยู่ตรงหน้า พวกเขาก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมกัน...