บทที่ 43 กามโรค
บทที่ 43
กามโรค
ใบหน้าไป๋ตู้รั่วแดงก่ำเมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนั้น ถึงกระนั้นนางยังต้องอดทนต่อแรงกดดันมหาศาลดังกล่าว
อวี้เจี๋ยที่เพิ่งสร่างจากอาการง่วงงุนมองเห็นลั่วจ้านชิง และสังเกตเห็นความเคารพของผู้เป็นแม่ที่มีต่อชายผู้นี้ ดังนั้นเขาจึงเลิกทำกิริยาชวนให้ดูถูกเหยียดหยาม ยืนขึ้นอย่างเชื่อฟังก่อนลากแขนอวี้เซียงให้เดินมาอยู่เคียงข้างเขา
อวี้เซียงซึ่งนิ่งเงียบอยู่เป็นนานดึงแขนของอวี้เจี๋ยหลายครั้ง แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำ “พี่ชาย พี่ชาย คนผู้นี้เป็นใครกัน? ข้าได้ยินท่านแม่เรียกขานเขาว่าองค์ชายรัชทายาท เขามีฐานะสูงส่งเช่นนั้นเชียวหรือ?”
อวี้เจี๋ยเอียงศีรษะพร้อมเหลือบมองอวี้เซียงด้วยดวงตาที่เปล่งประกายราวดวงดาว ก่อนจะปล่อยมือจากนางอย่างนึกรังเกียจ
“ต่อให้เขาเป็นองค์ชายจริงแล้วอย่างไร? ถึงอย่างไรก็เป็นคนที่เจ้าไม่คู่ควร!”
อวี้เซียงพลันเกิดความรู้สึกไม่เป็นสุขในทันใด
ไม่คู่ควรงั้นรึ?
อวี้เซียงคนนี้น่ะหรือจะไม่คู่ควร?
สักวันนางจะกลายเป็นองค์หญิงคู่บัลลังก์ องค์ชายรัชทายาท และได้อภิเษกสมรสกับเขาอย่างแน่นอน!
ความคิดอันทะเยอทะยานของอวี้เซียงถูกแสดงออกผ่านกิริยาท่าทางอย่างชัดเจน กระทั่งลั่วจ้านชิงยังสามารถสัมผัสได้ เขาเพียงเหลือบมองไปยังนางด้วยสายตาเย็นชา อวี้เซียงจึงรีบก้มศีรษะลงทันที
ขณะนี้ นางสัมผัสได้เพียงความกดดันอันมหาศาลที่แผ่รัศมีออกมาจากร่างกายของลั่วจ้านชิง หากนางไม่รีบหลบสายตาแต่แรกแล้วละก็ เห็นทีคงเป็นลมล้มพับไปตั้งแต่ขายังเหยียดตรงเป็นแน่
น่ากลัวเกินไปแล้ว…
อวี้เซียงยังครุ่นคิดต่อไป ‘หากเราต้องการสานสัมพันธ์กับบุรุษที่อยู่ตรงหน้า เกรงว่าคงต้องใช้ความพยายามไม่น้อยทีเดียว’
ถึงกระนั้นนางกลับยังไม่นึกถอดใจ และครุ่นคิดว่าฐานันดรศักดิ์อันสูงส่งของลั่วจ้านชิงนั้นไม่ไกลเกินเอื้อมสำหรับนาง
“ฮูหยินไป๋ บรรดาหนุ่มสาวที่อาศัยอยู่ภายในจวน อยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้วใช่หรือไม่?”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ไป๋ตู้รั่วซึ่งกำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบรีบวางถ้วยน้ำชาในมือลง กวาดสายตามองไปยังทุกคนที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
หากเรียกคนให้มาที่นี่เพียงไม่กี่คน นางกังวลว่าบางที ลั่วจ้านชิงอาจสังเกตและถามถึงอวี้ซีหยวนกับอวี้ซินหราน แต่ด้วยผู้คนจำนวนมากที่มารวมตัวกันเช่นนี้ นางเองก็ใคร่รู้นักว่าบุคคลทั้งสองที่ไม่เคยติดต่อคุ้นเคยกันมาก่อน จะจดจำพวกนางได้อย่างไร
“คุณหนูสามอยู่หรือไม่?”
ไป๋ตู้รั่ว “...”
เสมือนนางถูกตบหน้าอย่างรวดเร็ว จนไม่ทันไหวตัวหรือแม้แต่ตอบสนอง
“หืม เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดองค์ชายรัชทายาทจึงถามไถ่ถึงแต่หยวนเอ๋อเล่าเพคะ?”
“แม่ทัพอวี้กล่าวถึงคุณหนูสามผ่านทางจดหมายเป็นการเฉพาะ”
ลั่วจ้านชิงยังคงรักษาใบหน้าสงบนิ่ง หัวใจไร้การเต้นผิดจังหวะ ความจริงแล้วอวี้ชางหมิงเขียนในจดหมายแจ้งเพียงว่าเขาจะเดินทางกลับมาในเร็ววันนี้ แต่ไม่ได้กล่าวถึงอวี้ซีหยวนเป็นการเฉพาะดังที่เขาเพิ่งเอ่ยแต่อย่างใด
ท้ายที่สุด เขาก็พอล่วงรู้แล้วว่าอวี้ชางหมิงไม่โปรดปรานบุตรสาวคนนี้เท่าไรนัก
“เช่นนั้น คุณหนูสามอยู่ที่ไหน?”
ดวงตาสีดำสนิทเสมือนหุบเหวลึกล้ำไร้ก้นบึ้งจับจ้องไปที่ไป๋ตู้รั่วอย่างรอคอย ลมหายใจเย็นเยียบรวมถึงรัศมีแห่งความเย็นชาแผ่ออกมาล้อมรอบกายทุกคนไว้ ขณะนั้นไป๋ตู้รั่วรู้สึกราวตนเองกำลังก้าวขาลงไปในนรก
ปะ... เป็นไปได้อย่างไรกัน...
“อะ... องค์ชายรัชทายาทเพคะ หยวนเอ๋อ นาง...”
“ทูลองค์ชายรัชทายาท คุณหนูสามล้มป่วยหนักตั้งแต่ประมาณสามเดือนก่อนแล้ว อาการของนางไม่ได้รับการรักษาให้หายขาด ตอนนี้นางถึงแก่กรรมแล้วเพคะ”
สาวรับใช้ชราก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ก่อนจะคุกเข่าลงด้วยขาที่สั่นเทา หลังพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงติดขัดก็รีบฟุบตัวลงกับพื้น... ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น
“ป่วยหนัก?”
ดวงตาของลั่วจ้านชิงเปล่งประกายขึ้นทันที มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย ทว่ารอยยิ้มดังกล่าวกลับไม่ทำให้บรรยากาศโดยรอบผ่อนคลายลงแม้แต่นิดเดียว กลับยิ่งทวีความกดดันเพิ่มขึ้น
“คุณหนูสามแห่งจวนท่านแม่ทัพล้มป่วยหนัก แล้วพวกท่านไม่ไปตามหมอให้มารักษานางหรือ?”
ไป๋ตู้รั่วได้สติรีบตอบสนองสานต่อละครของสาวรับใช้ชราทันที นางแสร้งแสดงสีหน้าว่าตนเจ็บปวดมากเพียงใด พร้อมกรีดนิ้วปาดน้ำตาสองหยด แล้วอธิบายว่า “ตามจริงแล้ว ถึงแม้ว่าหม่อมฉันจะไม่ใช่มารดาแท้ ๆ ของหยวนเอ๋อ ทว่าข้าถือว่านางเป็นเสมือนลูกในอุทรตลอดมา น่าเสียดาย... หยวนเอ๋อไม่รักตนเองเอาเสียเลย นางหนีออกจากจวนไปรับโรคดังกล่าว ข้าไม่รอช้ารีบเรียกหาท่านหมอเป็นการส่วนตัว แต่ท่านหมอกล่าวว่าโรคนี้ไร้หนทางรักษา”
“โรคอะไรกัน?”
“นางติดเชื้อ... กามโรคเพคะ!”
ขณะไป๋ตู้รั่วเอ่ยเช่นนั้น นางได้แต่ส่ายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับว่าตนอับอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นที่ยิ่ง
ลั่วจ้านชิงเลิกคิ้วขึ้นทันที